คลื่น ทร. ซัด กห. ดองเรือดำน้ำ ‘บิ๊กดุง’ นับถอยหลัง จับตา ‘นเรศ-ธาดาวุธ’ ชิง เสธ.ทร. ‘ย้อย-ปู’ ชิง เสธ.ทบ.

บรรยากาศในกองทัพเรือ ยังตึงเครียด หลังมีกระแสข่าวลือว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้กลาโหมดึงเรื่องเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน และขยายสัญญาต่อเรือ ออกไปอีก 1,217 วัน เข้า ครม.ออกไปก่อน เพราะต้องการให้ตรวจสอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน

แต่ใน ทร.ข้องใจว่า ทำไมต้องตรวจสอบอีก ทั้งๆ ที่ ทร.เคยส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแล้ว ว่าการแก้ไขข้อตกลงในเรื่องเปลี่ยนเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าของเรือดำน้ำ จาก MTU 396 เป็น CHD 620 ที่เป็นสาระสำคัญของเรือดำน้ำ และการขยายสัญญาในการต่อเรือ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และอยู่ในอำนาจของกองทัพเรือในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ และเป็นอำนาจ ครม.ในการขยายกรอบเวลามาแล้ว

อีกทั้งการพูดคุยเจรจากับบริษัท CSOC ของจีน ก็ได้จบสิ้นไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จนบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. ต้องใช้ไม้นวม ออกมาอ้อนวอนทุกฝ่ายโปรดเมตตา ให้กองทัพเรือได้เรือดำน้ำด้วย และอยากให้เสร็จก่อนที่ตนเองจะเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้

ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ระบุชัดว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ดีกว่ารีบแล้วเกิดปัญหาตามมา ต้องให้รอบคอบในเรื่อง กม.

จนที่สุด นายเศรษฐา ก็ออกมายืนยันว่า กลาโหมยังไม่ได้ส่งเรื่องมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตามที่มีกระแสข่าว

นายกฯ ได้หันไปสอบถามนายสุทินว่า “ส่งมาหรือยังครับ” ก่อนที่นายสุทินจะตอบว่า “ยังไม่ได้ส่ง”

“นี่ไงยังไม่ได้ส่ง ซึ่งถ้ายังไม่ส่ง ก็ยังไม่เห็น”

พร้อมย้ำว่า ทุกเรื่องที่นำเข้าที่ประชุม ครม. ต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่แล้ว และมีคณะกรรมการกฤษฎีกาทำหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งเราให้ความสำคัญเรื่องของความถูกต้อง และความชอบธรรมตามกฎหมาย

 

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณให้นายสุทินดึงเรื่องไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบให้รอบคอบ เพราะหากในอนาคตเกิดปัญหาใดขึ้นกับเรือดำน้ำจีนของกองทัพเรือจะมีการสืบสาวมาถึงในยุคนี้ จึงให้ตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด

แต่ขั้วอำนาจใน ทร. มองว่า อาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างว่า จะมีการต่อรองใดหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องเรือดำน้ำที่นายสุทินและนายกฯ ต้องการให้ยกเลิกเรือดำน้ำจีน และเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต มาตั้งแต่ต้น แต่ไม่สำเร็จ เพราะทางจีนไม่ยอม และ ทร.ก็ยืนยันว่า ต้องการเรือดำน้ำจีน เครื่องยนต์จีน จนรัฐบาลต้องยอมเดินหน้าต่อ

พล.ร.อ.อะดุง ที่กำลังจะเกษียณ ถูกมองว่า ล่าช้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องรีบ แต่ พล.ร.อ.อะดุงให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้จบ เพราะ ผบ.ทร.คนใหม่จะได้ไปทำอย่างอื่น

แต่ก็ยังอุบที่จะไม่พูดว่าตัดสินใจเลือก ผบ.ทร.คนใหม่แล้วหรือยัง โดยระบุแค่ว่า ดีทุกคน จึงยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใคร

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

เรื่องเรือดำน้ำจีนส่งผลให้มีการเชื่อมโยงว่า เป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักของ พล.ร.อ.อะดุง กับรัฐบาลนี้หรือไม่ เพราะ ทร.โดนตัดงบประมาณต่อเรือฟริเกต ไปในชั้นกรรมาธิการ และถูกตัดงบฯ ซื้อ ฮ.ให้ศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล) แถมไม่ทันบรรจุในงบฯ ปี 2568 อีกด้วย

จนมีข่าวว่า ต้องมีการประสานกับสายชินวัตร เพื่อให้ช่วยเคลียร์ทางบ้านจันทร์ส่องหล้า นายกฯ และนายสุทินให้

แต่เมื่อ ทร.กระพือกระแสข่าวกดดันนายสุทิน และรัฐบาลขนาดนี้ ยังมีเวลาอีกเกือบ 3 เดือน ก็น่าจะทันในยุคของ พล.ร.อ.อะดุง

เพราะหากเป็นไปตามกระแสข่าวในกองทัพเรือระบุว่า พล.ร.อ.อะดุง จะเสนอชื่อบิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผช.ผบ.ทร. เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 ที่ทำโครงการเรือดำน้ำมาตั้งแต่ต้น ให้เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ เพราะแม้จะเคยชิงเก้าอี้ ผบ.ทร.ด้วยกันมา และมีบางเรื่องไม่ถูกใจกัน

แต่ท้ายที่สุดก็ต้องเลือกเพื่อน

อีกเหตุผลหนึ่งคือต้องดัน พล.ร.อ.ชลธิศ ไปสู้กับ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ทร. แคนดิเดตที่อาวุโสสูงสุดใน ทร. แม้จะเป็นรุ่นน้อง ตท.25 แต่อาวุโสกว่า และอายุเท่ากัน เกษียณพร้อมกัน

โดยมี เสธ.น้อย พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสธ.ทร. จากเตรียมทหาร 24 เป็นตัวสอดแทรก แต่ก็ถือเป็นขั้วอำนาจเดียวกันกับ พล.ร.อ.ชลธิศ และ พล.ร.อ.อะดุง

โดยมีการจับตามองไปที่ พล.ร.อ.สุวิน เพราะในการโยกย้ายตุลาคม 2566 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมในขณะนั้น ได้เจรจากับบิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร.ตอนนั้น โดยยอมให้ พล.ร.อ.อะดุง เป็น ผบ.ทร.ก่อน 1 ปี แล้วให้ พล.ร.อ.สุวิน ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร. เพื่อเตรียมจ่อเป็น ผบ.ทร.ในตุลาคม 2567 แต่ทว่า ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.ร.อ.เชิงชาย ต่างก็ไม่อยู่ในอำนาจแล้วจะมีใครรักษาสัญญานั้น คงมีแต่สัญญาใจของ พล.ร.อ.อะดุง และ พล.ร.อ.ชลธิศ ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 ด้วยกันมา

กระแสข่าวใน ทร.เวลานี้ จับตาไปที่ พล.ร.อ.ชลธิศ ที่ดูมีการเตรียมตัว เตรียมพร้อม เพราะมีสัญญาณจากอดีต ผบ.ทร. ที่ พล.ร.อ.อะดุง เคารพนับถือ และเป็นผู้มีพระคุณในการสนับสนุนให้เป็น ผบ.ทร.

พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์

ที่เข้มข้นไม่แพ้กันคือ การชิงเก้าอี้เสนาธิการทหารเรือ ที่จะหมายถึงโอกาสในการเป็น ผบ.ทร.ในอนาคตด้วย เพราะมีข่าวว่า พล.ร.อ.อะดุง จะสนับสนุนให้ เสธ.ต้น พล.ร.ท.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการ หน้าห้อง แกนนำ ตท.27 ขึ้น เสธ.ทร. เพื่อสานต่อโครงการเรือดำน้ำจีนเพราะเป็นคีย์แมนสำคัญในห้วงการเจรจาแก้ปัญหาเรือดำน้ำจีนกับทางฝ่ายจีน

แต่หากพิจารณาตามไลน์แล้ว พล.ร.ท.นเรศ วงศ์ตระกูล รองเสนาธิการทหารเรือ แกนนำ ตท.26 ก็จ่ออยู่ อีกทั้งเติบโตมาจากเจ้ากรมยุทธการทหารเรือและร่วมทำโครงการเรือดำน้ำมาตั้งแต่ต้น

อย่างไรก็ตาม หาก พล.ร.ท.ธาดาวุธ พลาดเก้าอี้ เสธ.ทร. ก็อาจจะนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) กลุ่มสายกำลังรบ และก็ยังถือว่าเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร.ในอนาคตอันใกล้

พล.ร.ท.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล

ขณะที่กองทัพบก นอกจากศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. จะเข้มข้นแล้ว เก้าอี้เสนาธิการทหารบก ก็พลิกผันตามเก้าอี้ ผบ.ทบ.

เพราะในเวลานี้ ชื่อของ เสธ.ย้อย หรือ เสธ.ธง พล.ท.ธงชัย รอดย้อย รอง เสธ.ทบ. แกนนำ ตท.25 มาแรงในสายบุ๋น เพราะเติบโตมาในสายยุทธการจนเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก เป็นที่ยอมรับในฝีมือ และเป็นกำลังหลักในการทำงานในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

ขณะที่เจ้ากรมปู พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก แกนนำ ตท.26 ก็มาแรง เพราะเพื่อนร่วมรุ่นของบิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบกและแคนดิเดต ผบ.ทบ.คนใหม่

แม้ตามไลน์ พล.ท.ชัยพฤกษ์ จะต้องขึ้นเป็นรองเสนาธิการทหารบกเสียก่อนก็ตาม แต่ก็สามารถขึ้นจากเจ้ากรมยุทธการทหารบก เป็นเสนาธิการทหารบกได้เลย

และยังได้เปรียบในเชิงคอนเน็กชั่นเพราะเป็นน้องรักของบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม

พลเรือโทนเรศ วงศ์ตระกูล

กล่าวกันว่า หาก พล.อ.พนา เป็น ผบ.ทบ. พล.ท.ชัยพฤกษ์ จะเป็น เสธ.ทบ.

แต่หากบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผู้ช่วย ผบ.ทบ แกนนำ ตท.24 ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. พล.ท.ธงชัย จะเป็น เสธ.ทบ. แม้ว่าในห้วงเกือบปีที่ผ่านมา พล.ท.ธงชัย จะทำงานกับ พล.อ.พนาอย่างใกล้ชิด ทั้งในกองทัพบกและใน กอ.รมน.ก็ตาม

โดยการประชุม กอ.รมน.วาระพิเศษล่าสุด พล.ท.ธงชัยก็รับหน้าที่เป็นคนบรี๊ฟเรื่องยาเสพติดและแผนปฏิบัติการปราบยาเสพติด ให้นายเศรษฐา จนมีเสียงชมว่าทำได้ดี กระชับและเห็นภาพ

แต่ทว่า การชิงเก้าอี้ เสธ.ทบ. อาจมีนัยยะสำคัญที่แตกต่างจากเก้าอี้เสนาธิการทหารเรือ เพราะใน ทบ.ถือเป็นสายบุ๋น และไม่ได้เป็นทหารคอแดง ก็ไม่สามารถขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้ แต่เสนาธิการทหารบก จะได้ควบเก้าอี้เลขาธิการ กอ.รมน.ด้วย จึงถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ

ท่ามกลางกระแสข่าวคนละขั้วของ พล.อ.พนา กับบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ทำให้ พล.อ.เจริญชัยออกงานคู่กับ พล.อ.พนามากขึ้น เพื่อสยบข่าวร้าว เพราะหากประเมินกันในกองทัพบกแล้วก็ยังให้ พล.อ.พนาเป็นต่อแคนดิเดตคนอื่น

โดยเฉพาะการที่ พล.อ.ธราพงษ์ถูกมองว่าเป็นสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ เพราะเติบโตมาในกองพลบูรพาพยัคฆ์ ก็อาจทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ค่อยแฮปปี้เท่าใดนัก

แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายการเมืองไม่สามารถแทรกแซงการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.คอแดงได้ เพราะ ผบ.ทบ.จะต้องดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) อีกด้วย

(คนหน้า) พลโท ธงชัย รอดย้อย

ขณะที่แกนนำ ตท.24 อีกคน บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. ที่แม้จะเป็น “ทหารคอเขียว” แต่ก็มีกระแสข่าวมาตลอดว่าไม่อาจมองข้ามได้ ด้วยเพราะเป็นคนเก่งและมีอายุราชการถึงกันยายน 2570 หากยังคงอยู่ในกองทัพบกต่อไปในการโยกย้ายครั้งนี้ ก็มีโอกาสลุ้นหาก พล.อ.ธราพงษ์ ที่เกษียณ 2569 ได้เป็น ผบ.ทบ.

แม้ว่ากระแสเตรียมทหารรุ่น 24 จะมาแรง เพราะมีทั้งบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ เป็นปลัดกลาโหม บิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล เป็น ผบ.ทอ. ถึง 3 คนก็ตาม

แต่คาดว่าฝ่ายการเมืองคงไม่วางใจที่จะให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพเป็นเตรียมทหารรุ่น 24 รุ่นเดียวกันหมด เพราะในอดีตก็มีบทเรียนในเรื่องของการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น เพราะผู้นำเหล่าทัพเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันหมด แม้ว่าในยุคนี้การรัฐประหารจะเกิดขึ้นได้ยากมากก็ตาม

ขณะที่มีรายงานว่า นายสุทินกำลังพลิกพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมปี 2551 และระเบียบของคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล หรือที่เรียกว่า 7 เสือกลาโหม ศึกษาอำนาจหน้าที่ของ รมว.กลาโหม ในการแต่งตั้งโยกย้ายชั้นนายพลสามารถทำอะไรได้บ้าง และครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน

อีกทั้งตามไทม์ไลน์การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลครั้งใหญ่ปลายปี ก็กำลังเริ่มขึ้นและคาดว่าจะมีการหารือนัดแรกในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคมนี้

โดยนายสุทินได้มอบหมายให้บิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม และบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม ในฐานะที่เป็นทหารเก่าและเป็นที่ไว้วางใจให้ช่วยดูอีกทางหนึ่ง

กล่าวกันว่าในยุค รมว.กลาโหมพลเรือน รัฐบาลพลเรือน นายกฯ พลเรือนเช่นนี้ อาจใช้หลักการประชาธิปไตย การโหวตเกิดขึ้น ก็เป็นได้

คนขวาสุด) พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์