ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 กรกฎาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
ไม่เกินจริงไปนัก ถ้าจะบอกว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ “ดุเดือดที่สุด” ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่ คือศึกช้างชนช้างที่ จ.ปทุมธานี สัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้จะเป็นการแข่งกันภายใต้เงื่อนไขจำกัด เป็นการชิงลาออก โดยอ้างหนีจากเกณฑ์ 180 วันที่ใช้งบประมาณไม่ได้ ทำให้มีตัวเลือกในสนามน้อย หลายคนเตรียมตัวไม่ทัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ดีกรีการแข่งขันเบาลง
ระหว่าง “ชาญ พวงเพ็ชร์” หรือลุงชาญใจดี บ้านใหญ่หลังเก่าปทุมธานี ปะทะ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง บ้านใหญ่หลังใหม่ที่เพิ่งลงจากเก้าอี้นายก อบจ. หวังใช้การเลือกตั้งครั้งนี้ ส่งให้นั่งเก้าอี้เดิมอีกสมัย
ที่บอกว่าดุเดือด เพราะเป็นการเลือกตั้งที่ “ไม่ธรรมดา”
ครั้งนี้นายชาญลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แต่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ลงชิงชัยในนามกลุ่มอิสระ ทั้งที่ใครๆ ก็รู้กันว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ สนิทกับนายทักษิณ ชินวัตร อย่างมาก เป็นที่มาของวลีที่รู้จักกันดีอย่าง “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ก่อนจะมาแยกทางกันช่วงการเลือกตั้งปี 2566
รอบนี้นายทักษิณลุยประกาศศึกน้องรัก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยหันมาช่วยนายชาญหาเสียงแบบชนิดทุ่มสรรพกำลังพรรคเพื่อไทย เอาเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานีให้ได้
ไม่ว่าการส่งบุตรสาวและบุตรชาย มาเดินตลาดช่วยนายชาญหาเสียง กระทั่งนายทักษิณลุยเอง ยกหูเดินสายประสานงานบ้านใหญ่หลังต่างๆ ที่คุ้นเคยกันในปทุมธานีให้ช่วยนายชาญ
ว่ากันว่าการเมืองบ้านใหญ่ทั้งจังหวัด หลักๆ คือ 8 กลุ่มก้อนการเมือง ลืมความขัดแย้งในอดีต หันมาจับมือนายทักษิณช่วยนายชาญ เพื่อล้ม พล.ต.ท.คำรณวิทย์
เพราะถ้าชนะ
1. เป็นการสั่งสอน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ หลังจากออกจากชายคาเพื่อไทยไป
2. สำคัญที่สุดคือการเอาคืน “พรรคก้าวไกล” พรรคที่เคยกวาด ส.ส.ปทุมธานี ถิ่นเก่าไทยรักไทยของนายทักษิณ ไปชนิดที่เรียกได้ว่า “เกือบทั้งจังหวัด”
แม้โพลของนิด้าจะให้ “บิ๊กแจ๊ส” ชนะนายชาญเล็กน้อย แต่ผลจากการทุ่มสรรพกำลังระดับสูง ผลเลือกตั้งก็เป็น “ตามคาด” นายชาญชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ในท้ายที่สุด
นับเป็นชัยชนะที่ได้สร้างความปราบปลื้มยินดีให้กับชาวเพื่อไทย
แกนนำพรรค-รัฐมนตรีของพรรค หลายคนถึงกับให้สัมภาษณ์ “มนต์ขลังทักษิณ” กลับมาแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธว่านายชาญไม่ใช่ผู้ชนะ ยังไงเขาก็ชนะ แต่ในทางการเมืองดูกันแต่คะแนนไม่ได้ ต้องดูด้วยว่า พรรคเพื่อไทย ชนะจริงหรือ?
และนายทักษิณชนะจริงหรือ?
เพราะเอาเข้าจริง นายชาญก็มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่มีคดีทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพช่วยน้ำท่วมปี 2554 ติดตัว ทำให้อาจจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ แม้จะชนะเลือกตั้งก็ตาม
ยิ่งถ้าเจาะไปให้ชัด ต้องยอมรับว่าชัยชนะครั้งนี้ เป็นการชนะแบบฉิวเฉียดของนายชาญ ด้วยคะแนน 203,032 ต่อ 201,212 คะแนน หรือห่างกันแค่หลัก “พันกว่าคะแนน”
ทั้งยังมีคะแนน “โหวตโน” สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์การเลือกตั้งท้องถิ่นถึง 3.3 หมื่นคน
ดูจากสีหน้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ตอนให้สัมภาษณ์เปิดใจหลังพ่ายแพ้ก็ได้ ไม่มีท่าทีคนแพ้เลย เพราะเขารู้ว่าเขาไม่ได้สู้แค่กับ “ชาญ”
แต่เขาคนเดียวต้องสู้กับเพื่อไทยทั้งพรรค สู้กับทักษิณและตระกูลชินวัตร ต่างหาก
ดังนั้น ถ้าวิเคราะห์กันในระดับ “มิติการเมือง” คงจะพูดว่าพรรคเพื่อไทยชนะ-จัดการศัตรูทางการเมือง “แก้แค้น” ได้สำเร็จ ก็พูดได้ไม่เต็มปาก
ในทางตรงกันข้าม กลับมีคำถามขึ้นมาด้วยว่า การที่นายทักษิณ บ้านใหญ่ปทุมธานีทุกหลัง และองคาพยพเพื่อไทย ลงไปช่วยนายชาญหาเสียง แต่ก็ยังแพ้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ในหลายเขต หลายอำเภอ
พูดกันอย่างตรงไปตรงมา คะแนนรวมทั้งจังหวัดห่างกันพันกว่าคะแนน มันโน้มไปในทางให้เชื่อว่า “มนต์ขลังทักษิณ” เสื่อมความนิยมลงมากกว่า
และการที่คะแนนโหวตโนสูงเช่นนี้ ก็ยิ่งสะท้อนพลังอิสระ ตัวแปรสำคัญที่จะพลิกชันชนะให้กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ เกิดขึ้นแล้วในจังหวัดปทุมธานี
อย่าลืมว่าปทุมธานีก็เป็นเพียงจังหวัดปริมณฑลจังหวัดหนึ่ง แต่ทำไมบ้านจันทร์ส่องหล้า ถึงต้องทุ่มทุนสร้าง ออกโรงหนุนขนาดนี้
เพราะมันไม่ใช่ศึกชิงชัยการเมืองระดับจังหวัด แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการโต้กลับ “การเมืองเชิงกระแส” ด้วยการใช้ “การเมืองเชิงพื้นที่”
เป็นการส่งสัญญาณให้การเมืองเชิงพื้นที่-เครือข่าย ทั่วทุกพื้นที่เตรียมความพร้อมในศึกการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ
รวมถึงเป็นการเอาคืน “พรรคก้าวไกล” ไปด้วยในที
แต่เพราะความ “ชนะไม่ขาด” ไม่นับปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล และตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่ทำให้ท้ายที่สุด ไม่สามารถจับมือกันสู้เพื่อไทยได้
แต่ถ้าเอาคะแนนมาแกะดูร่องรอยบางอย่าง จะพบว่า หากพรรคก้าวไกล และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จับมือกันได้จริงก่อนหน้านี้ นายชาญ บ้านใหญ่ปทุมธานีทุกหลัง รวมถึงนายทักษิณก็มีหนาวเช่นกัน
ภาวะที่ถูกวิจารณ์ว่าเสื่อม “มนต์ขลังทางการเมือง” ของนายทักษิณ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว และถูกผลิตซ้ำต่อเนื่อง
นับตั้งแต่ได้รับการพักโทษ สปอตไลต์การเมืองต่างจับจ้องไปที่นายทักษิณในฐานะผู้มีบารมีตัวจริง
ต่อมาได้เห็นบทบาททักษิณในการเดินสายไปที่ต่างๆ พร้อมวาระทางเศรษฐกิจ-การเมือง แต่หลายครั้งกลับไม่ได้รับการตอบรับจากสังคมแบบเดิม
อย่างเดินทางไปเชียงใหม่ ไปหารือกับแกนนำกลุ่มต้านรัฐบาลทหารพม่าเพื่อหวังคลี่คลายความรุนแรงในประเทศเพื่อนบ้าน หรือการไปภูเก็ตและมีโอกาสได้คุยกับผู้นำมาเลเซียเรื่องปัญหาชายแดนใต้ของไทย เพื่อหวังให้สถานการณ์ดีขึ้น แทนที่ภาพลักษณ์จะเป็นบวก กลับเป็นลบแทน
การดึงดันตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ที่ยังถูกตั้งคำถามเรื่องคุณสมบัติ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ถึง 2 ครั้ง ก็ถูกมองว่าเป็นฝีมือนายใหญ่ กระทั่งสำเร็จในการปรับ ครม.ครั้งที่ 2 แต่ก็อยู่ไม่ได้ ต้องลาออกเพื่อรักษาส่วนร่วม
แต่ก็ไม่พ้น ทำนายเศรษฐาคอพาดเขียง ชะตากรรมการเมืองอยู่ในมือ “ศาลรัฐธรรมนูญ”
แน่นอนว่า แม้มนต์ขลังจะถูกประเมินว่าเริ่มเสื่อม-ลดความศักดิ์สิทธิ์ลงบ้าง แต่นายทักษิณยังเป็นผู้เล่นสำคัญในทางการเมืองจากนี้ต่อไป
ยังไงพรรคเพื่อไทยก็ขาดนายทักษิณไม่ได้
ยิ่งรัฐบาลเศรษฐาบริหารประเทศอย่างยากลำบาก “การเคลื่อนของนายทักษิณ” จึงยังจำเป็น
และพรรคเพื่อไทยก็ยังต้องเดินหน้าต่อสู้ กอบกู้ศรัทธาและความชอบธรรมทางการเมืองที่หายไปกลับคืนมาต่อไป
แต่ที่น่าเศร้าแทนก็คือ รัฐบาลยิ่งทำงาน ทำไมเรตติ้งยิ่งตก ทั้งที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งยังไม่ถึงปี สำรวจเมื่อไหร่ก็ลดลงทีละนิด
ล่าสุดคือนิด้าโพล ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำรวจความนิยมทางการเมือง พบประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 45.5 ยังนิยมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ขณะที่อันดับ 2 ร้อยละ 20.55 ระบุว่ายังไม่มีใครเหมาะสม ส่วนนายเศรษฐา ได้ร้อยละ 12.85 ตามด้วย อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 4.85
ยิ่งไปดูคะแนนพรรคการเมืองในดวงใจ พรรคก้าวไกลยิ่งนำโด่ง ร้อยละ 49.20 ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 16.85
ยังไม่นับศึก ส.ว.ที่เพิ่งจบไป ที่ในมุมหนึ่งก็เป็นความพ่ายแพ้ของ “การเมืองค่ายแดง” ต่อ “การเมืองค่ายน้ำเงิน” อย่างหมดรูป คนระดับนายกฯ-รองนายกฯ ตกรอบเกลี้ยง จนถูกเรียกว่า “ส.ว.สีน้ำเงิน”
ต่อให้เป็นพรรครัฐบาลเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าในเชิงพื้นที่ ยังไงก็เป็นคู่แข่งกัน
การที่หนึ่งในคู่แข่งพรรคเพื่อไทย มีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการ “ปะทะ” กันยิ่งขึ้นในอนาคตต่างหาก
มาถึงวันนี้ ใครที่บอกว่า “มนต์ขลังบ้านจันทร์ส่องหล้า” ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่เช่นเดิม
ลองคิดดีๆ ลองคิดอีกที…
ถ้ายังใช้วิธีการเดิมๆ ก็อย่าไปประเมินคาดหวังผลลัพธ์ที่มันสูงมากนัก
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022