ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 กรกฎาคม 2567 |
---|---|
เผยแพร่ |
“เกียรติยศ” ถ้าฟังอย่างผิวเผินเข้าใจความหมายได้ไม่ยาก
แต่ในชีวิตจริง “เกียรติยศ” ถูกใช้อย่างซับซ้อน สุดแท้แต่ละสังคมหรือชุมชนจะกำหนดขึ้น เช่น จากฐานะความร่ำรวย ชนชั้น ตำแหน่ง สถานะทางสังคม รถยนต์นั่ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เข็มขัด เครื่องประดับ บ้านช่องห้องหอ หรือแม้กระทั่ง “สุสาน” ล้วนถูกใช้เป็นเงื่อนไขปัจจัยในการจำแนกลำดับชั้นของเกียรติยศ
เมื่อ 20 ปีก่อนมีภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งโด่งดังมาก
“คืนบาป พรหมพิราม” เป็นภาพยนตร์ไทยที่กวาดรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 13 ไปเยอะมาก เช่น รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงหญิงนำยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม
คืนบาป-พรหมพิราม นำเอาคดีอาชญากรรมเมื่อปี 2520 มาเขียนเป็นบทภาพยนตร์
เหตุเกิดในพื้นที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
ราว 5 ทุ่มของวันที่ 27 กรกฎาคม 2520 ที่สถานีรถไฟบ้านดารา อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ หญิงสาวอายุราว 20 คนหนึ่งขึ้นรถไฟขบวนเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ต่อมาถูก “นายตรวจรถไฟ” ขอดูตั๋ว เมื่อไม่มีตั๋ว ไม่มีเงิน ถึงจะดึกดื่นค่อนคืนเช่นนั้น นายตรวจก็ไล่ลงที่สถานีรถไฟ “พรหมพิราม”
ชีวิตหญิงผู้หนึ่งจะเป็นเช่นไรยากจะคาดเดา
หญิงสาวเคว้งคว้าง หิวโหย โซซัดโซเซออกจากชานชาลาพรหมพิรามไป พลันสายลมเย็นวูบมาพร้อมปรากฏเงาสลัวของคนกลุ่มหนึ่ง เมื่อชัดขึ้นก็เห็นเป็นชายล้วน พวกนั้นชักชวนไปกินอาหารในงานเลี้ยงซึ่งมองเห็นแสงไฟริบหรี่เบื้องหน้า
มิคาดว่า นั่นกลายเป็น “คืนบาป-พรหมพิราม”
สองวันถัดมา หนังสือพิมพ์พาดหัว พบศพวางให้รถไฟทับคอขาด อำพรางคดีที่พรหมพิราม
เหตุเกิดผ่านไปเกือบ 1 เดือน ตำรวจยังเงียบ แต่ “คนดีพรหมพิราม” ไม่อาจนิ่งเฉย รวมตัวกันร้องสื่อว่า หญิงที่ถูกรถไฟทับคอขาดไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการข่มขืนแล้วฆาตกรรมอำพราง
พ.ต.อ.สมชาย ไชยเวช หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกขณะนั้น (พล.ต.อ.สมชาย ไชยเวช อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ) เข้าควบคุมการทำคดีเองจนสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดได้เกือบ 10 คน
ตั้งแต่สมัยก่อนถึงสมัยนี้ ในสังคมไทยยังมีความคิดว่า “เกียรติหญิง” ไม่เท่าเทียมชาย
แม้แต่ในบรรดา “หญิง” ด้วยกันก็ยังเหยียดแบ่งชั้นจำแนกแยกย่อยกันออกไปตามตำแหน่ง สถานะทางสังคม ตามแต่จะ “สร้างขึ้น” เช่น ถ้าในด้านความสวยก็มีเวทีให้ประกวด จากนั้นก็จำแนกชั้นตามที่หญิงผ่าน “เข้ารอบ” หญิงผ่านไปจนถึงชั้น “นางงาม” ก็มีมง ในจำพวกที่มี “มง” ก็ยังต้องดูว่ามงเล็ก มงกลาง หรือมงใหญ่
สำหรับ “หญิง” ที่ถูกชายรุมข่มขืนและฆาตกรรมอำพรางนำศพไปวางให้รถไฟทับ ที่พรหมพิราม เมื่อปี 2520 นั้นทราบภายหลังว่า สติไม่สมประกอบนัก จึงย่อมจะถูกเหยียดคุณค่าให้ต่ำลงไปจนแทบไม่เห็นความเป็นมนุษย์
ตายฟรี ถ้าคดีถูกเป่าให้เป็น “อุบัติเหตุ”!
คนเข้มแข็งจำนวนหนึ่งในสังคมของเราจึงคุ้นชินที่จะข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า
“ชาย” ก็มักง่ายกับการกดขี่รังแก “หญิง”!
กล่าวสำหรับ “ศาลยุติธรรม” น่ายินดีที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติแต่งตั้งให้ “นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล” ขึ้นเป็น “ประธานศาลฎีกา” คนที่ 50 สืบต่อจากนางอโนชา ชีวิตโสภณ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 นี้
สร้างเป็นวัฒนธรรมองค์กรชายหญิงเสมอกัน ส่วนใครจะเก่งกล้าสามารถมีภาวะผู้นำขั้นไหนนั้นก็ว่ากันไป แต่ภาพที่ปรากฏก็คือ หากคุณสมบัติสำหรับตำแหน่งครบถ้วนถูกต้องเหมาะสม ในบ้านเราทั้งศาลยุติธรรมและสำนักงานอัยการสูงสุด มี “ผู้หญิง” ขึ้นเป็นผู้นำหน่วยแล้วหลายคน
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ในวงการศาลยุติธรรม ยังไม่เคยมีปรากฏที่ “ผู้พิพากษาหญิง” ระดับสูงๆ ถูกไล่ออก
ต่างกับ “ชาย” หลายคนโชกโชนจึงชุ่มโชกไปด้วย “ลาภ” และ “เลือด” ทำให้ในอดีตเคยมีรุ่นใหญ่ระดับ “ประธานศาลอุทธรณ์” ระดับ “รองประธานศาลฎีกา” ถูกไล่ออกไปแล้วไม่น้อยกว่า 5 ราย
ถึงอย่างนั้น “ความเสี่ยง” อันเกิดจากการประพฤติปฏิบัติละเมิดจริยธรรมของผู้พิพากษาชายก็ยังมีอยู่มากกว่าหญิง เพราะมักตกหลุมพรางของความรัก ความโลภ ความโกรธ โทสะ โมหะ ดังเช่น ข่าว “ถุงขนมฮ่องกง” ที่ยังไม่เคลียร์
หรือว่า หมวด 5 จริยธรรม เกี่ยวกับการดำรงตนและครอบครัวของตุลาการ จะไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ!
หรือว่า ข้อ 35 “จักต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดอยู่ในกรอบของศีลธรรม…” ยังขาดความเข้มข้น
ประเด็น “เกียรติยศ” ของผู้ทำหน้าที่ “อำนวยความยุติธรรม” และ “ชี้กรรม” ของผู้อื่นจึงไม่ใช่สถานะหรือตำแหน่งที่ “สูง” และห้ามแตะต้อง หากแต่ควรจะเป็น “การประพฤติ” ที่อยู่ใน “มาตรฐานทางจริยธรรม” มี “ความโปร่งใส” และถูกตรวจสอบได้
ไม่ใช่ “คุมกันเอง” แล้วปฏิเสธ “ค่านิยม” การมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่สร้างธรรมเนียมที่เปิดเผยโปร่งใสอย่างสง่าผ่าเผยต่อสาธารณชน ไม่มีมาตรการที่ทำให้เกิดความละอายต่อการกระทำ มีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ไม่มุบมิบ ไม่ปกปิดซ่อนเร้น
และไม่กลัวที่เรื่องข้างในจะรั่วออกไปสู่โลกภายนอก
ดังเช่น เหตุที่เกิดบน “ตู้นอน” ในรถไฟสายหนึ่ง เมื่อเร็วๆ นี้
“ผู้บังคับบัญชา” ซึ่งเป็น “ชาย” นายหนึ่งกระทำผิดกฎหมาย คุกคามล่วงละเมิดทางเพศต่อ “หญิงสาว” ผู้ใต้บังคับบัญชา
กรณีนี้ “สาหัส” กว่าเมื่อปี 2545 ที่เคยมีคนหนึ่ง จดทะเบียนสมรสซ้อนถึง 4 ใบ ซึ่งนอกจากจะทำผิดกฎหมายเสียเองแล้ว ในทางวินัยถือว่า “ประพฤติชั่ว” อนาคตดับ ถูกไล่ออกจากราชการ ทั้งๆ ที่เป็น “ดาวรุ่ง” ของวงการ
รายใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ “นายชาย” ก่อเหตุอุกอาจ แต่ “หญิงสาว” ต่อสู้ ขัดขืน จนเรื่องฉาว
อาจจะจริงที่มนุษย์เรามี “เกียรติยศ” ไม่เท่ากัน
แต่ “เกียรติ” ที่ว่านั้นไม่ใช่จากสูงต่ำดำขาว ตำแหน่งใหญ่เล็ก ไม่มีหรือมั่งมี หากแต่อยู่ที่คุณเป็นใคร ทำอะไร และประพฤติอย่างไร!?!!!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022