ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 กรกฎาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
กฎหมายบอกว่า…ผู้ใดกระทําการเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทําการใดๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ให้ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะเลือกหรือได้รับเลือก
หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี
เบื้องหลังของคะแนนจัดตั้ง
ผลคะแนน ว่าที่ ส.ว. สูงสุด 6 คนแรกทั้ง 20 กลุ่มที่ใกล้เคียงกัน และมีลักษณะคล้ายกันมาก ดังนั้น หลายคนจึงคาดว่าน่าจะเป็นการจัดตั้งเพื่อ…ฮั้ว…ของกลุ่มการเมือง
จากการส่งคนลงไปในสนามการเลือกตั้ง ส.ว. ทีมงานเราค้นพบว่ามีการจัดตั้งแบบนี้มาหลายเดือนแล้ว เป็นกลุ่มก้อนของกลุ่มการเมืองใหญ่ ที่น่าจะมีจุดมุ่งหมายเพิ่มเสียงในรัฐสภาโดยผ่านการเลือก ส.ว. ( เพราะการเลือกตั้ง ส.ส.ยังอีกนาน)
ก่อนการเลือก ส.ว. 2 เดือน ฝ่ายก้าวหน้าได้มีการโฆษณาชักชวนคนมาลง ส.ว. แต่ในทางปฏิบัติไม่มีการจัดตั้งทางภาคพื้นดิน จึงคล้ายกับเป็นการทำสงครามทางอากาศด้วยการโฆษณาเท่านั้น
ส่วนในภาคพื้นดินนอกจากกลุ่มนี้ ก็มีกลุ่มอิสระบางกลุ่มหรือนักการเมืองท้องถิ่นผู้ที่อยากเป็น ส.ว.บางส่วนพยายามเตรียมการกันเอง ไม่พบสายงานของกลุ่มการเมืองใหญ่ทั้งแดงและส้ม
ตามทฤษฎี พวกมากลากไป ถ้าอยากมี ส.ว.จำนวนมาก แบบเลือกกันเอง ต้องจัดตั้งคนกลุ่มใหญ่ให้เลือกคนที่กำหนดไว้ ทั้งอำเภอ และจังหวัด เพื่อหาตัวแทนมาโหวตในระดับประเทศ กลุ่มอาชีพละ 50 คน 20 กลุ่ม รวม 1,000 คน
จุดเริ่มต้น จากจัดตั้งระดับอำเภอ
เข้าสู่จังหวัด
1.ในระดับอำเภอแม้ว่าอยากได้ทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ แต่อาจจะหาคนลงสมัครไม่ได้ครบ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพที่หายาก จึงเกิดกรณีส่งคนเข้าไปมั่ว แล้วก็อ้างข้างๆ คูๆ ว่าอยู่ในอาชีพนี้ ซึ่งดูเหมือนเจ้าหน้าที่ กกต.ระดับล่างก็จะยอมเป็นส่วนใหญ่ เราจึงได้พบเห็นนักกีฬา อบต.มาสมัครในกลุ่มกีฬาและศิลปะ หรือคนขายปลาหมึกตากแห้งมาสมัครในกลุ่มพลังงาน ฯลฯ
แต่ที่แปลกมากก็คือทำไม กกต.ยอมให้สมัคร
2. วิธีการสมัครในระดับอำเภอคือจะต้องจัดคนประมาณกลุ่มละ 5 คน รอบแรกเลือกกันเอง ได้เปรียบกว่าผู้ที่สมัครอิสระ จึงผ่านรอบแรกไป ตามเป้าหมายคือ 2-3 ใน 5 คน
3. เมื่อเข้ารอบ 2 เลือกไขว้กับกลุ่มอื่นที่จับสลากมา ก็มีการจัดตั้งไว้แล้ว 10-20 กลุ่ม จึงได้เปรียบเมื่อมีการเลือกไขว้ ก็เจอพวกกันเอง การคัดเลือกเอาตัวแทน 3 คน ก็มีโอกาสได้ 1-3 คน ในทุกกลุ่มอาชีพที่เตรียมไว้ เข้าสู่ระดับจังหวัด
ส่วนคนที่สอบตกก็หมดหน้าที่ เดินทางกลับบ้าน
หาคนที่เป็นตัวแทนจากระดับจังหวัด
เข้าระดับประเทศ
กลุ่มอาชีพละ 50 คน
1.การกำหนดเป้าหมาย…ไม่จำเป็นต้องทำทั้ง 77 จังหวัด เพราะแต่ละจังหวัดก็มีจำนวนอำเภอไม่เท่ากัน จึงเลือกทำในเขตจังหวัดที่มีอำเภอน้อย 7-12 อำเภอ ส่วน กทม. ที่มีถึง 50 เขต ลงทุนมาก ไม่มีใครทำ เพราะได้ตัวแทน ส.ว.แค่กลุ่มอาชีพละ 2 คน เท่ากันทุกจังหวัด
การหากลุ่มอาชีพละ 50 คน 20 กลุ่ม รวม 1,000 คน ทำเพียงแค่ 40-50 จังหวัดก็อาจถึง 1,000 คนแล้ว
การกำหนดจังหวัดเป้าหมาย ต้องมีสายงานจัดตั้งอยู่ หรือมีพรรคพวก มีแนวร่วมอยู่ บางจังหวัดอาจจะเอาทั้งหมด 20 กลุ่ม 40 คน แต่ในความเป็นจริงอาจจะได้แค่ 30 กว่าคนเท่านั้น บางจังหวัดได้แค่ 10 คนก็ใช้ได้เพราะสามารถนำมารวมกับจังหวัดอื่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกลุ่มอาชีพละ 50 คนในระดับประเทศ
2. การปฏิบัติ คือ กลุ่มจัดตั้งที่มาจากทุกอำเภอ จะถูกสั่งให้เลือกตัวแทนที่กำหนดไว้ ว่ากลุ่มอาชีพไหนจะเลือกใครในรอบแรก เพื่อให้เข้าไปอย่างน้อย 2 คนใน 5 คน และในรอบไขว้ ก็สั่งให้ว่าจะต้องเลือกใคร เพื่อให้ได้ตัวแทนจังหวัดกลุ่มละ 2 คน
มีบางคนไม่ได้เตรียมตัวที่จะเข้าไปสู่ระดับประเทศ แต่เพราะจับสลากชนะ ก็จำเป็นต้องเข้ามา ดังนั้น เราจึงเห็นประวัติและประสบการณ์ของคนเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าไม่น่าจะใช่ตัวจริง
เมื่อแดงและส้มขยับตัวน้อยมาก จึงไม่มีทางสู้ตั้งแต่ระดับอำเภอและจังหวัด คนที่สมัครอิสระก็พอรอดมาได้บ้าง
ประเมินว่ากลุ่มจัดตั้งใหญ่เตรียมคนไว้เป็นหมื่นจึงสามารถทะลุผ่านมาถึงรอบประเทศได้ทุกกลุ่มอาชีพ ประมาณ 1,000 คน จาก 3,000 คน
การเลือกระดับประเทศ
ทำตามโพย
เพื่อให้คะแนนมากกว่าคนอื่น
1.ตามกติกากำหนดไว้ว่าเลือกตั้งระดับประเทศรอบแรกเลือกกันเอง ในกลุ่มอาชีพ คัดเอาคะแนนสูงสุด 40 คนจาก 150 คน ที่มาจากทุกจังหวัด
รอบแรกหนึ่งคนเลือกได้ 10 คน ถ้าอยากชนะ ต้องจัดเป็นทีมใหญ่กว่ากลุ่มอื่น ที่มีประมาณ 10 คน ให้ไม่น้อยกว่า 30-50 คน
2. เวลาเลือกก็จัดตัวจริงไว้ 10 คนเลือกกันเองก็จะได้คนละ 10 คะแนน จากนั้นก็จัดโหวตเตอร์ซึ่งเรียกกันว่าผู้พลีชีพอีก 20 คน โหวตให้ตัวจริง 10 คนโดยไม่โหวตตนเอง ตัวจริงทุกคนก็จะมีคะแนนเพิ่มคนละ 20 คะแนน ดังนั้น ทีมจริงจะได้คนละ 30 คะแนน
แต่ถ้ากลุ่มอาชีพใดหามาได้ถึง 50 คน นอกจากจัดทีมแรก 30 คนแล้วก็จัดทีมที่ 2 อีก 20 คนโดยมีตัวจริง 10 คนและโหวตเตอร์ 10 เมื่อทำแบบทีมแรก ตัวจริงทีมที่ 2 ก็จะได้คนละ 20 คะแนน
3. ดังนั้น การเลือกรอบแรกผู้ที่ได้ 30 คะแนน 10 คนน่าจะได้เข้ารอบ 40 คนเป็นอันดับต้นๆ ส่วนผู้ที่ได้ 20 คะแนน ก็จะได้เข้ารอบในอันดับหลังหรืออาจจะมีกลุ่มอื่นมาแซง ทำให้สอบตกไปบ้างซึ่งอาจเหลือเพียง 6-9 คน
เมื่อรวมทั้ง 2 ทีมเข้าด้วยกัน ผู้ที่เข้าไปโหวตรอบ 2 แบบเลือกไขว้ ก็จะมีจำนวนคนระหว่าง 16-19 ต่อกลุ่มอาชีพ ทั้ง 20 กลุ่ม
ทำไมถึงได้ 120 คน
และคะแนนสูง 60-70 ทุกกลุ่ม?
1.เท่าที่สายข่าวเราได้เห็นโพยของการจัดตั้งกลุ่มน้ำเงินก่อนการเลือก 3 วันมีตัวจริงแค่กลุ่มละ 5 คน 20 กลุ่ม แสดงว่าเป้าหมายคือ 100 คน
ก่อนนั้นประเมินกันว่าการเตรียมจัดตั้งคนเข้ามาแข่งน่าจะอยากได้ ส.ว. 60-70 คน และคาดว่าน่าจะมีคนสมัครถึง 200,000 คน
แต่พอถึงวันสมัครจริงกลับปรากฏว่ามีคนสมัครไม่ถึง 50,000 คน ดังนั้น อัตราของคนที่จัดตั้งจึงคิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงขึ้นมาก โอกาสที่จะได้ ส.ว.ก็มากขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะมีคู่แข่งน้อยกว่าที่คาด ทำให้เข้ามาถึงระดับประเทศ กลุ่มละ 50 คน ทำได้ไม่ยาก
2. การลงคะแนนระดับประเทศรอบแรก คัด 40 คนของแต่ละกลุ่มอาชีพ ฝ่ายจัดตั้งสามารถทำตามทฤษฎีได้จริง ผลคะแนนออกมาในช่วงเช้ามีคะแนนสูงเกิน 5 คน จึงได้สำรองคนที่ 6 มาด้วย ทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ
3. ดังนั้น การโหวตในรอบสุดท้ายแบบไขว้ ไม่ว่าจะจับสลากแบบไหน ก็จะได้กลุ่มอาชีพที่จัดตั้งไว้ทุกกลุ่ม (16-19 คน) ครบทุกสาย ผู้ที่เข้าไปก็โหวตตามโพย ว่าให้เลือกเบอร์อะไร ไม่ต้องรู้ชื่อก็ได้
เมื่อมีคนช่วยโหวตจาก 4 กลุ่มในแต่ละสาย ประมาณ 16+17+18+19 รวม 70 คน ก็สามารถกระจายโหวตตามโพย ให้กลุ่มอาชีพละ 6 คน จะได้คะแนนอยู่ระหว่าง 50-70 ต่อคน
ในขณะที่คู่แข่งมีกำลังอยู่เพียงประปราย ไม่กี่กลุ่ม และจำนวนคนในแต่ละกลุ่มก็ไม่มาก รวมกันไม่ถึง 10 คน ต้องอาศัยการขอคะแนนและการแตะมือเป็นแนวร่วมกัน
ถ้าจับสลากโชคไม่ดีก็ไม่มีพรรคพวกมาช่วยโหวตอาจได้คะแนน 0 หรือไม่ถึง 5 คะแนน คนที่มีฐานเสียงอยู่บ้างบวกความดังก็จะได้ 20 กว่าคะแนนเท่านั้น ทำให้พอมีโอกาสติด 4 อันดับสุดท้ายหรือสำรอง
ในที่สุดผลคะแนนก็ออกมาประจาน ว่านี่คือการจัดตั้ง
มีคำถามถึง กกต. ว่า…แบบนี้ยังเป็นการเลือกตั้งที่ถูกกฎหมายหรือ?
นี่เป็นการดูถูกประชาชนทั้งประเทศ
ผู้สมัครเป็นหมื่นคนที่ถูกหลอก เสียเงิน เสียเวลา จะยอมรับว่านี่คือการเลือกตั้งที่ชอบธรรมหรือ?
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022