จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 26 ม.ค.-1 ก.พ. 2561

จดหมาย

0 Don’t Walk Alone

ตามที่เครือข่ายประชาชนในนาม People GO Network ได้จัดงาน “We Walk…เดินมิตรภาพ” ระหว่างวันที่ 20 มกราคม 2561 – 17 กุมภาพันธ์ 2561
เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาทรัพยากรสิ่งแวดล้อม เกษตรทางเลือก หลักประกันสุขภาพ และการใช้สิทธิเสรีภาพ
โดยการเดินเท้าจากกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดขอนแก่น
ผู้จัดงานได้ดำเนินการแจ้งการชุมนุมตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558, 2561 ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการดำเนินกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2561 แล้วนั้น
วันที่ 19 มกราคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตอบกลับหนังสือแจ้งการชุมนุมสาธารณะว่า
จากการตรวจสอบกิจกรรมมีพฤติการณ์จำหน่ายเสื้อยืดซึ่งมีข้อความสื่อความหมายในทางการเมือง
และการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงลายมือชื่อยกเลิกกฎหมาย
ซึ่งไม่ใช่การชุมนุมสาธารณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจดูแล
แต่เป็นการมั่วสุม หรือชุมนุมการเมือง ตามข้อ 12 ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558
ซึ่งหากฝ่าฝืนต้องรับโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

องค์กรสิทธิมนุษยชนซึ่งลงนามท้ายแถลงการณ์นี้ มีความเห็นต่อข้อชี้แจงดังกล่าว
ดังนี้

1.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้มีข้อสังเกตเชิงสรุปต่อประเทศไทยเมื่อมีนาคม 2560 แสดงถึงความกังวลในการบังคับใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558
และเสนอแนะให้ไทยประกันสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
การจำกัดหรือห้ามดำเนินกิจกรรม “We Walk…เดินมิตรภาพ” ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกและเป็นการชุมนุมโดยสงบนั้น จึงขัดต่อข้อ 19 และข้อ 21 ของกติการะหว่างประเทศ
ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ไทยเป็นภาคี

2.พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มีวัตถุประสงค์มุ่งคุ้มครองพื้นที่สาธารณะโดยไม่ได้จำกัดประเภทของการชุมนุมไว้แต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะจึงมีอำนาจในการดูแลและคุ้มครองการใช้เสรีภาพการชุมนุมในพื้นที่ดังกล่าว
การปฏิเสธว่าการชุมนุมอยู่นอกเหนือจากอำนาจของตนนั้น
อาจถือเป็นการปฏิเสธการทำ “หน้าที่” ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ

3.คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ซึ่งออกตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญ 2557 นั้นเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจระบุขอบเขตของการชุมนุม หรือมั่วสุมทางการเมือง ได้อย่างกว้างขวาง โดยปราศจากความรับผิด
กลายเป็นปัจจัยทางกฎหมายที่จำกัดและละเมิดซึ่งสิทธิข้างต้นเกินความจำเป็นและไม่ได้สัดส่วน
องค์กรสิทธิมนุษยชนตามรายชื่อข้างท้ายขอย้ำว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ขัดต่อมาตรา 34 และมาตรา 44 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
ซึ่งรับรองเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมไว้ และขัดต่อหลักนิติรัฐซึ่งเรียกร้องให้ตรวจสอบทุกอำนาจอย่างชัดแจ้ง

4.การรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิโดยตรงของประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 133(3)
มิใช่การมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ที่ขัดกับข้อ 12 ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 แต่อย่างใด
การบังคับใช้คำสั่งห้ามการชุมนุมทางการเมืองต่อการดำเนินกิจกรรมเดินมิตรภาพ แม้เป็นการสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน
แต่ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์การคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน
และเห็นถึงความจำเป็นในการรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุผลข้างต้น องค์กรสิทธิมนุษยชนตามรายชื่อข้างท้ายจึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐยุติการใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 และเคารพเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุม
ตลอดทั้งอำนวยความสะดวกแก่ผู้จัดงาน ผู้เข้าร่วม และประชาชน ตามอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
มูลนิธินิติธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

ไม่มีความเห็นอะไรเพิ่มเติม
นอกจาก “เห็น” การออกหมายเรียก 8 แกนนำ
และหวาดๆ ว่า
กิจกรรม “We Walk…เดินมิตรภาพ”
จะถูกเหมาว่านี่คือตัวอย่างแห่งความ “ไม่สงบ”
ดังนั้น การยืดเวลาเลือกตั้ง จึงถูกต้องแล้ว!!
ในภาวะแห่งความ “โคลงเคลง” เสี่ยงต่อภาวะตู่ตู้แต๊ดแต๋
อย่างไปรษณียบัตร “ไมตรี รัตนา” ว่า
มักจะมีคนชอบ “ขี้ตู่” ริบเอาสิทธิของชาวบ้านไปหน้าตาเฉยเสมอ