ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 กรกฎาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
แทบจะหงายเงิบกันเป็นแถวๆ เมื่อบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้นำเข้าและทำตลาดค่าย “บีวายดี”
ประกาศลดราคาเก๋งเล็กของค่าย “ดอลฟิน” ลงอีกคันละ 1.6 แสนบาท
ทำให้ปรับราคารุ่นนำเข้าจากเดิม Standard Range 699,999 บาท
และ Extended Range 859,999 บาท
ลดเหลือ 559,900 บาท บาท และ 699,900 บาท ตามลำดับ
จากก่อนหน้านี้เคยปรับลดราคารุ่นอื่นๆ ไปก่อนหน้า อาทิ ATTO 3
สาเหตุหลักๆ ที่แจ้งมาคือต้องการล้างสต๊อกรุ่นนำเข้า ที่เหลือราวๆ 2,000 คัน
เพื่อเตรียมทำตลาดรุ่นผลิตในประเทศ ที่จะคลอดออกจากสายพานวันที่ 4 กรกฎาคม 2567
ถ้าหากดูจากความเคลื่อนไหวที่ประเทศจีน ที่เปิดตัวรุ่นปรับโฉมโมเดลเยียร์ 2024 ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ปรับเพิ่มออปชั่นและโฉมภายนอกเล็กน้อย
มีแนวโน้มว่าจะเป็นรุ่นที่ผลิตในไทยด้วยเช่นกัน
ซึ่งที่จีน ดอลฟินทำราคาถูกกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วย
เนื่องจากราคาแบตเตอรี่ถูกลงนั่นเอง
ทั้งมีรุ่นย่อยใหม่ที่วางแบตเตอรี่ความจุลดลง วิ่งได้ไกลสุดราวๆ 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ หรือเพิ่งเริ่มทำงาน สามารถเข้าถึงง่ายขึ้น
แต่ที่น่าสนใจที่สุดไม่พ้นการตั้งราคารุ่นผลิตในประเทศไทย จะออกมาที่เท่าไหร่
แม้ขณะเขียนต้นฉบับยังไม่ทราบ ถึงรถที่ออกจากสายพานการผลิต
แต่หากดูสเป๊กของจีน ถือว่าไม่ต่างจากตัวเดิมมากนัก
ด้วยความร้อนแรงของดอลฟิน ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
จึงถือโอกาสนำรถรุ่นนี้ มาทำความรู้จักกันอีกครั้ง
รวมถึงความรู้สึกในการขับขี่ ว่าเหมาะกับใคร และน่าสนใจขนาดไหน
ทรงเก๋ง 5 ประตู ด้านนอกเน้นความเรียบง่าย กระจังขนาดเล็กสีดำพร้อมสัญลักษณ์ BYD
ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบ Follow Me Home และปรับไฟสูงอัตโนมัติ
ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED ลากยาวแนวขวาง สะดุดตามากขึ้น
มือจับเปิดประตูทรงครีบโลมา
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมระบบทำความร้อน
มีที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 16 นิ้ว
รุ่นปรับโฉมขายในจีนใกล้เคียงกัน ต่างกันเล็กน้อยเช่นกันชน หรือลายล้อ
ภายในเน้นสีทูโทน พวงมาลัย 3 ก้านแบบไฟฟ้าพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น
เรือนไมล์ขนาดเล็กแบบดิจิทัลขนาด 5 นิ้ว
จอกลาง 12.8 นิ้ว ปรับหมุนอัจฉริยะ ไม่ต่างจากรุ่น ATTO 3
รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รองรับ Apple CarPlay
สั่งการด้วยเสียงเป็นภาษาไทย ลำโพง 6 ตำแหน่ง
คอนโซลกลาง มี USB 2 พอร์ต typeA+ typeC
USB 2 พอร์ต สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเช่นกัน แบบ typeA + typeC
เบาะนั่งแบบหนังสังเคราะห์ โดยรุ่นปรับโฉมที่จีนเปลี่ยนลายเบาะใหม่
เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 มีที่เท้าแขนกลางให้
ขณะที่พื้นราบเรียบเพิ่มความสบายในห้องโดยสารตอนหลัง
มีระบบ Keyless Entry และ Keyless Start
มีคีย์การ์ดแบบพกพาแตะบริเวณกระจกมองข้างเพื่อเปิด-ล็อกประตูได้
ขุมพลังมี 2 บล็อก ต่างที่ความจุแบตเตอรี่
รุ่น Standard Range ความจุ 44.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แรงบิด 180 นิวตัน-เมตร
อัตราเร่งที่ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 12.3 วินาที
เดินทางได้ไกล 410 กิโลเมตร
ส่วนรุ่น Extended Range ความจุ 60.48 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังมอเตอร์ 150 กิโลวัตต์ แรงบิด 310 นิวตัน-เมตร
อัตราเร่งที่ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 7 วินาที
เดินทางได้ไกล 490 กิโลเมตร
มาพร้อมด้วยหัวชาร์จ AC Type 2 ขนาด 7 กิโลวัตต์
พอร์ตชาร์จ DC ขนาด 60 และ 80 กิโลวัตต์
มีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (VtoL) จ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
ระบบกันสะเทือนหน้า แม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังทอร์ชั่นบีม ดิสก์เบรก 4 ล้อ
มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,770 x 4,290 x 1,570 มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถ 130 มิลลิเมตร
ส่วนอารมณ์การขับขี่ จากที่เคยได้ลองถือว่าเป็นรถที่คล่องตัวในเมือง และการออกต่างจังหวัดทำได้สบายๆ
ด้วยขนาดตัวถังและเป็นรถท้ายตัด การขับซิกแซ็ก หรือเปลี่ยนเลนเวลารถติดๆ ถือว่าง่ายและปลอดภัย
อัตราเร่งตีนต้นแม้ไม่จี๊ดเหมือนรุ่นพี่ แต่ก็เพียงพอแและดีกว่ารถเครื่อยนต์สันดาป
หากขับในเมืองหรือความเร็วไม่สูงมาก ช่วงล่างนุ่มนวลดี
แต่ถ้าต้องทำความเร็วอาจรู้สึกยวบนิดๆ
โหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมดหลักๆ ECO, NORMAL และ SPORT
เช่นเดียวกับพวงมาลัยสามารถปรับได้ 2 โหมดเช่นกัน คือ Comfort และ Sport
หากปรับโหมดขับขี่แล้ว ควรปรับโหมดพวงมาลัยให้เข้ากันด้วย เพื่อความสบายและมั่นใจมากขึ้น
ตามสเป๊กความเร็งสูงสุดอยู่ที่ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากที่ทดลองถือว่าใกล้เคียง
ระบบความปลอดภัย และออปชั่นตัวช่วยต่างๆ ให้มาตามมาตรฐาน
อาทิ ถุงลม-ม่านนิรภัย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนด้านหน้า-หลัง
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ฯลฯ
โดยภาพรวมหากเทียบกับราคา ถือว่าเป็นรถไฟฟ้าที่น่าใช้คันหนึ่ง
แน่นอนว่าจุดอ่อนไม่พ้นพิสัยทำการที่ไม่ไกลมาก หากคิดจะเดินทางต่างจังหวัดต้องวางแผนให้เหมาะสม
แต่หากเน้นขับในเมือง-ชานเมือง บอกเลยว่าเป็นรถที่ขับดีและคุ้มค่ามากๆ
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022