Da Vinci Alive Bangkok ท่องจักรวาล ‘อภิมหาพหูสูต’ แห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ

ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติhttps://www.facebook.com/buncha2509

ด้วยความที่ผมชื่นชอบเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) อย่างยิ่ง และเคยแปลหนังสือประวัติของเขาซึ่งเขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซกสัน มาก่อน จึงไม่พลาดไปชมนิทรรศการ Da Vinci Alive ที่ไอคอนสยาม ซึ่งจัดโดย Grande Experiences บริษัทชั้นนำระดับโลกในการจัดนิทรรศการขนาดใหญ่

แม้ว่าบัตรค่าเข้าชมจะมีราคาสูงอยู่บ้างแต่ก็คุ้มค่ามาก เพราะการจัดแสดงได้อย่างงดงาม มีพลัง ละลานตา แจ่มแค่ไหนดูได้จากผมซึ่งใช้เวลาไปกว่า 4 ชั่วโมง และบันทึกภาพได้กว่า 1,300 ภาพ นี่เองที่ทำให้อยากนำมาเล่า

บริเวณด้านหน้าจัดคล้ายอาคาร 2 ชั้น ชั้นบนประดับด้วยภาพเขียนงดงาม ชั้นล่างโดยรอบเป็นร้านขายของที่ระลึก มุมเรียนศิลปะ และที่จำหน่ายบัตร ส่วนโถงตรงกลางจัดแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์บางอย่างที่เลโอนาร์โด ดา วินชี ออกแบบ เช่น กล่องสายโซ่ข้อเหวี่ยง รอกผสม เครื่องยิงหิน กลไกบล็อกอัตโนมัติ และรถเข็นหุ้มหลังคาสำหรับโจมตีป้อมปราการ

ส่วนประตูทางเข้ามีภาพเขียนลายเส้นซึ่งถอดแบบมาจากภาพวาดลายเส้นที่เชื่อกันว่าเลโอนาร์โด ดา วินชี วาดภาพตนเอง ทางขวามีภาพโมนาลิซา ส่วนทางซ้ายมีภาพสุดโปรดของผมคือ สุภาพสตรีพร้อมด้วยตัวเออร์มีน (Lady with an Ermine)

บริเวณด้านหน้านิทรรศการ อุปกรณ์ในภาพคือเครื่องยิงหิน

สิ่งแรกที่ต้อนรับเราคือ ภาพรวมประวัติของ ‘อภิมหาพหูสูต’ ผู้นี้ ผมเรียกเลโอนาร์โด ดา วินชี ด้วยคำนี้เพราะหมายถึงคนที่รอบรู้หลายด้านและรู้ลึกด้วย อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า มนุษย์เรเนซองส์ (Renaissance Man)

ถัดไปเป็นพื้นที่จัดแสดงเครื่องจักรกลโยธา (Civil Machines) อันแสดงให้เห็นว่าเขาชื่นชอบการวาด ออกแบบ และวิเคราะห์การทำงานของเครื่องจักรกลอย่างยิ่ง

บนผนังมีภาพผังเมืองอิโมลาด้วย แต่ไม่มีคำอธิบายเอาไว้ มีแต่มาตรวัดระยะทางอยู่ใกล้ๆ น่ารู้ด้วยว่าเลโอนาร์โด ดา วินชี ยังมีทักษะในการวาดแผนที่ด้วย ส่วนในห้องมีเครื่องเจาะแนวราบ เครื่องตั้งเสา รถเข็นที่ขับเคลื่อนด้วยข้อเหวี่ยง และรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองอันโด่งดัง รวมทั้งโมเดลเมืองที่เขาออกแบบเอาไว้

พื้นที่ถัดไปแสดงความใฝ่ฝันของเขาด้านการบิน มีอุปกรณ์โดดเด่น ได้แก่ ปีกกระพือและการศึกษาปีก ใบพัดอากาศ (ดูภาพ) เครื่องบินแนวดิ่ง พื้นที่นี้ยังจัดแสดงอุปกรณ์วัดทิศทางลม มาตรวัดความเร็วลม เกจวัดความเร็วลมหรือน้ำ เครื่องวัดความลาดชัน รวมทั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับแสง ได้แก่ โปรเจ็กเตอร์ และอุปกรณ์จับเวลา ได้แก่ กลไกนาฬิกา

บริเวณโดยรอบจัดแสดงวิตรูเวียนแมน (Vitruvian Man) ซึ่งเขาได้นำแนวคิดของมาร์คุส วิตรูวิอุส ปอลลิโอ (Marcus Vitruvius Pollio) เกี่ยวกับ ‘มนุษย์ที่มีสัดส่วนที่ดี’ มาทำให้เป็นรูปธรรมและสวยงาม เลโอนาร์โด ดา วินชี กล่าวว่า ‘มนุษย์คือต้นแบบแห่งโลก’

การจัดแสดงภาพวาดกายวิภาคของเลโอนาร์โด ดา วินชี อยู่ใน Anatomy Studio มีภาพความละเอียดสูง ขยายใหญ่ให้เห็นกันชัดๆ ว่าเขามีความประณีตเพียงใดในการวาดภาพโครงสร้างต่างๆ ของมนุษย์ ไม่ว่ากระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเลือด ภาพเหล่านี้แตะจิตใจผมอย่างยิ่ง ลองนึกภาพคนคนหนึ่งมุ่งมั่นผ่าศพกลางดึกภายใต้แสงเทียน และบรรจงวาดภาพลายเส้นที่แม่นยำอย่างน่าทึ่ง

ใบพัดอากาศ

ฝั่งตรงข้าม Anatomy Studio เป็นพื้นที่จัดแสดงเอกสารเรียกว่า โคเด็กซ์ (Codex; พหูพจน์คือ Codices) อันหมายถึง เอกสารโบราณเขียนด้วยลายมือ ในกรณีของเลโอนาร์โด เอกสารเหล่านี้ได้รับการรวบรวมเป็นเล่ม แต่ละเล่มมีเนื้อหาในแนวทางเดียวกัน เช่น โคเด็กซ์ ฟอร์สเตอร์ (มีจัดแสดง) เกี่ยวกับเรขาคณิต น้ำหนัก และเครื่องจักรกลไฮดรอลิกส์ และโคเด็กซ์ “การบินของนก” (มีจัดแสดง) เกี่ยวกับการวิเคราะห์การบินของนกอย่างเป็นระบบ โดยกล่าวถึงกลไกการบิน แรงต้านอากาศ และกระแสลม

ใกล้ๆ กันนั้นเป็นพื้นจัดแสดงภาพเขียนและภาพวาดลายเส้น รวม 15 ภาพ ทุกภาพล้วนโดดเด่นแตกต่างกันไป เช่น ภาพการแจ้งข่าวประสูติของพระเยซู ซึ่งเขาวาดในวัยหนุ่มและยังมีข้อผิดพลาดอยู่ และภาพแม่พระแห่งหินผาสองภาพ ซึ่งหลักๆ แล้วคล้ายกัน แต่มีจุดแตกต่างหลายจุด แต่น่าสังเกตว่าภาพการถวายนมัสการของโหราจารย์อันโด่งดังกลับไม่ปรากฏในห้องนี้

ถัดไปเป็นพื้นที่ฉายวีดิทัศน์อธิบายภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย โดยฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ไฮไลต์ นั่นคือ ภาพโมนาลิซา ซึ่งได้รับการวิเคราะห์ในหลายรูปแบบ

ที่น่าสนใจที่สุดคือ ผลการวิจัยของ พาสคาล คอตต์ (Pascal Cotte) โดยใช้เทคโนโลยี Layer Amplification Method (LAM) ซึ่งพบว่าภาพนี้จริงๆ แล้วมี 4 ภาพซ้อนกัน ชั้นล่างสุดเป็นภาพร่างแรกเริ่มของบุคคลปริศนา ชั้นถัดมาเป็นภาพบุคคลที่สองซึ่งมีไข่มุก และคาดว่าน่าจะเป็นเทพธิดา นักบุญ หรือพระแม่ ชัดถัดขึ้นมาอีกเป็นภาพเหมือนของลิซา เกอราร์ดีนี และภาพชั้นบนสุดที่เราเห็น คือ โมนาลิซา

กายวิภาคของมนุษย์

เลโอนาร์โด ดา วินชี ยังเกี่ยวข้องกับการละครด้วย โดยเป็นทั้งผู้จัดการแสดง นักออกแบบเสื้อผ้าและนักออกแบบเครื่องดนตรี นอกจากนี้ เขายังหลงใหลในสายน้ำ และออกแบบหรือเสนอการปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สกรูของอาร์คิมีดิส สะพานฉุกเฉิน (มีโมเดลให้ต่อเล่นด้วย) ทุ่นสำหรับเดินบนน้ำ ชูชีพ อุปกรณ์ช่วยหายใจ อุปกรณ์ดำน้ำ และเรือตัวถังคู่

บริเวณใกล้ๆ กันนั้น มีอุปกรณ์เครื่องกล เช่น ตลับลูกปืน เลื่อยไฮโดรลิก และเครื่องบดลูกกลิ้ง

ถัดไปเป็นพื้นที่จัดแสดงวิศวกรรมการทหาร ซึ่งเขาได้ออกแบบยุทโธปกรณ์เอาไว้หลายชิ้น โดยชิ้นที่เด่นสะดุดตามากที่สุดน่าจะเป็น ‘ต้นแบบรถถัง’ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายๆ จานบิน

จบพื้นที่ของเลโอนาร์โด ดา วินชี ก็เป็นพื้นที่เล็กๆ นำเสนอศิลปินหลายคนในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ

ในที่สุดก็มาถึงพื้นที่สุดท้ายอันอลังการคือ ห้องขนาดใหญ่ซึ่งมีจอภาพกว่า 20 จอ ฉายภาพศิลปะในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ พร้อมเสียงดนตรีประกอบ ตรงนี้เดิมทีผมคิดว่าจะอยู่แค่ 10 นาที แต่เอาเข้าจริงก็อยู่จนจบครบ 50 นาที เพราะถูกตรึงด้วยการนำเสนอที่เรียกว่า Immersive Digital Art หรือศิลปะดิจิทัลที่ดึงดูดและโอบล้อมเราและทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งของศิลปะนั้น

คุณผู้อ่านที่สนใจแง่มุมเชิงลึกเกี่ยวกับ เลโอนาร์โด ดา วินชี ขอแนะนำหนังสือที่ผมแปลจาก Leonardo da Vinci เขียนโดย Walter Isaacson ครับ

โคเด็กซ์ “การบินของนก”
ภาพเขียนฝีมือเลโอนาร์โด ดา วินชี
ภาพ ‘โมนาลิซา’ 4 ชั้น
วิศวกรรมการทหาร
หนังสือ เลโอนาร์โด ดา วินชี เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซกสัน
แปลโดย บัญชา ธนบุญสมบัติ