IGNITE ‘อนุทิน’

ในสัปดาห์แห่งความตึงเครียดทางการเมืองระดับสูง “จำเลยทางการเมือง” มีทั้งคนจากพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายพรรคแกนนำรัฐบาล

จู่ๆ ความน่ายินดี ก็บังเกิดขึ้นกับผู้นำพรรคภูมิใจไทย

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า และเหรียญรัตนาภรณ์

มี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ฝ่ายหน้า”

รองลงมา เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “ทุติยจุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า” จำนวน 16 คน ส่วนใหญ่เป็นองคมนตรี และมีข้าราชการในพระองค์บางส่วน

แต่ที่น่าสนใจตามรายชื่อคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับพระราชทานด้วย

ถือเป็นบุคคลที่ไม่ใช่นายทหารและองคมนตรีเพียงคนเดียวที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้

มากกว่านั้น ราชกิจจานุเบกษา ยังระบุ โปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ ชั้นที่ 3 ซึ่งมีผู้ได้รับเพียง 2 คนคือ “พล.อ.ประยุทธ์ และ นายอนุทิน”

ยิ่งสร้างความปลื้มปีติให้นายอนุทิน

 

สําหรับความสำคัญของเครื่องราชฯ จุลจอมเกล้า ชั้น “ทุติยจุลจอมเกล้า” เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติอันดับที่ 18 ของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย การพระราชทานจะขึ้นอยู่กับพระราชอัธยาศัยส่วนพระองค์เท่านั้น

ส่วนเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2562 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น

หลังได้รับพระราชทาน นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกว่า พูดอยู่ตลอดเวลาว่ามีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทั้งตนและครอบครัวมีความตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ก็ตาม สนองพระเดชพระคุณ สนองพระมหากรุณาธิคุณที่ตนได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์

“จริงๆ ก็ได้รับมาตลอดระยะเวลา ได้เคยถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทของทุกพระองค์ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีช่วยเมื่อ 20 ปีก่อนจนมาถึงปัจจุบัน ฉะนั้น ไม่มีอะไรเทียบเคียงความตั้งใจ หรือทำให้ผมมีความไขว้เขวว่าจะมีสถาบันอื่นใดที่ดี หรือประเสริฐกว่ามาทดแทนสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยได้ อันนี้คือตัวผม”

นั่นคือคำกล่าวของนายอนุทินเปิดใจกับสื่อ หลังได้รับโปรดเกล้าฯ

 

หากประเมินความสำเร็จทางการเมืองว่าการเข้าสู่อำนาจรัฐได้คือความสำเร็จ ต้องยอมพรรคภูมิใจไทยภายใต้การนำของนายอนุทิน ประสบความสำเร็จทางการเมืองมายาวนานมากกว่า 1 ทศวรรษ

ในครั้งวิกฤตการเมืองปี 2556-2557 ก่อนการรัฐประหาร พรรคภูมิใจไทยและนายอนุทิน ก็ไม่ได้บอบช้ำกระทั่งถูกเป็นเป้าทางการเมืองเช่นที่พรรคเพื่อไทยโดน

มาในช่วงการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล คสช. สู่ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบหลังการเลือกตั้งปี 2562 พรรคภูมิใจไทยและนายอนุทินก็เป็นฐานสำคัญในการผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาสานต่ออำนาจได้สำเร็จ กระทั่งอยู่จนครบวาระ

หลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่คาดการณ์กันมาได้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า “กลุ่มพลังใหม่” หรือกลุ่มคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงจะชนะการเลือกตั้ง ทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล

นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยก็ยังรู้รักษาตัวรอด ประคับประคองเก้าอี้ ส.ส.จนได้มาเกิน 70 เก้าอี้ และกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อต้านพรรคก้าวไกลกลางสภา

คงยังจำกันได้กับการปราศรัยของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ที่ในครานั้น ออกหน้านำ โจมตีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากกรณีนำเสนอนโยบายแก้ไขมาตรา 112 นำมาสู่การเป็นตัวแปรสำคัญจับมือกับพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับ 2 และอันดับ 3 ตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

แถมคว้าชิ้นปลามัน กระทรวงสำคัญอย่างมหาดไทย ศึกษาธิการ แรงงาน และการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาครองได้สำเร็จ แม้จะมี ส.ส.ในมือแค่ 71 เก้าอี้

นี่คือความ “เก๋าเกมทางการเมือง” ของภูมิใจไทยภายใต้การนำของนายอนุทินโดยแท้

 

แต่การเข้ามากุมอำนาจรัฐรอบนี้ไม่ง่าย พรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย สูญเสียความชอบธรรมทางการเมืองไปไม่น้อยหลังพลิกขั้วเปลี่ยนข้างตั้งรัฐบาล ด้วยหวังเข้ามามีอำนาจรัฐและจะใช้กลไกทางนโยบายฟื้นฟูศรัทธากลับคืนมา

แต่เรื่องกลับไม่ค่อยเป็นดังหวัง ด้วยเครื่องมือที่มี ทรัพยากรที่ร่อยหรอ บวกกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทิ้งมาตั้งแต่รัฐบาลเก่าทำให้ 10 เดือนผ่านไป ผลงานเด่นๆ จึงยังไม่ปรากฏ

จะมีที่ทำได้เลยคือนโยบายด้านสังคมอย่างการเลิกกัญชาเสรี ที่ก็กระทบกับภูมิใจไทยตรงๆ เพราะนโยบายกัญชาที่สำเร็จได้ในรัฐบาลที่แล้ว ใครก็รู้กันว่าถูกผลักดันโดยภูมิใจไทย การ “รุก” ทางนโยบายของเพื่อไทย จึงเป็นการจัดการกับ “กล่องดวงใจ” ของภูมิใจไทยเลยทีเดียว

จะเห็นร่องรอยการปะทะกัน หากไปดูการให้สัมภาษณ์ระดับลูกพรรคเรื่องนี้

ล่าสุดคือการอภิปรายงบประมาณปี 2568 จะเห็นลูกพรรคภูมิใจไทยออกมาตั้งคำถามกับการตัดงบฯ กระทรวงมหาดไทยหลายหมื่นล้าน พร้อมกล่าวทำนองขู่ หากงบฯ ไม่ผ่าน ใครจะรับผิดชอบ?

แน่นอนในระดับนโยบายหลายเรื่อง เพื่อไทยกับภูมิใจไทยก็จะมีเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันเช่นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

หลายเรื่องก็เป็นเผือกร้อนที่ภูมิใจไทยไม่ได้ก่อ แต่ก็ต้องมาร่วมแบกรับไว้กลางความกดดัน โดยเฉพาะเรื่องนโยบายต่างๆ หากภูมิใจไทยไม่แสดงจุดยืนที่ชัด ก็จะส่งผลกับพรรคเอง

ภูมิใจไทยยังมีปัญหาในระดับพรรค ทั้งปัญหาจากกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรค ถูกศาลตัดสินซุกหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ นำมาสู่การยื่นคำร้องยุบพรรคภูมิใจไทย ที่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นของ กกต.

มีความเห็นในมุมหนึ่งว่า ถ้านำตัวอย่างความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปเปรียบเทียบกับกรณีเงินกู้คือเงินบริจาคของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่นำมาสู่การยุบพรรคและตัดสิทธิการเมือง น่าคิดว่าคดีของภูมิใจไทยชัดเจนอีกกว่าหรือไม่?

นี่คือปัญหาระดับวิกฤต ที่ภูมิใจไทยกำลังจะต้องเผชิญ และ กกต.ก็กำลังถูกถามอยู่ในขณะนี้

 

ขณะที่ปัญหาเรื่องบุคลากรของพรรค ก็เป็นเรื่องราวไม่หยุด ไล่ตั้งแต่การจับกุมญาติของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ล่าสุดคือปาร์ตี้ยา-พกปืนคาโรงแรมกลางเมือง ก่อนหน้านี้ไม่นานก็คือกรณีลูกเขยนายชาดาถูกจับฐานเรียกรับสินบนจนเป็นข่าวดัง

เหล่านี้ล้วนก่อผลกระทบกับพรรคภูมิใจไทย เพราะนายชาดาคือผู้ใหญ่ในพรรค และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ทั้งยังได้รับมอบหมายให้แก้ปัญหา “มาเฟีย” ในประเทศ

ล่าสุดคือกรณีศาลฎีกาตัดสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ส.ส.ภูมิใจไทยตลอดชีวิต ฝ่าฝืนจริยธรรม กรณีเสียบบัตรแทนกันเมื่อปี 2563 ก็ยิ่งบั่นทอนกำลังรบระดับขุนพลของพรรค

ทั้งหมดคือสถานการณ์ “ด้านลบ” ที่กำลังเกิดและอาจจะเกิดขึ้นกับภูมิใจไทยได้อีก

 

แต่ภูมิใจไทยก็ยังสำคัญในเกมการเมือง ดูจากการให้สัมภาษณ์ของ ช่อ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้าที่จู่ๆ ก็ออกมาเปิดเผยว่า เอฟซีพรรคก้าวไกลเชียร์ให้จับขั้วกับภูมิใจไทย ดีกว่าจับกับเพื่อไทย จนเป็นข่าวดัง

นายอนุทินถึงกับต้องออกมาชี้แจงข่าวนี้ทันที ว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ไม่ส่งผลเปลี่ยนขั้วการเมือง

ดังนั้น การได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ของนายอนุทินในสัปดาห์แห่งความตึงเครียดทางการเมืองเช่นนี้ จึงนำมาซึ่งความปีติยินดีอย่างยิ่งของนายอนุทิน ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “อยู่ใต้พระบารมี สองแผ่นดิน ชั่วชีวิน ขอเป็นข้าฟ้าจักรี” มีแฟนเพจเข้าไปร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก

วันที่ 19 มิถุนายน ในการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 นายอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จึงได้แท็กทีม ส.ส.รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยใส่เสื้อสีเหลืองเข้าร่วมประชุม อย่างพร้อมเพรียง ใส่อยู่พรรคเดียวจนเป็นข่าวดัง

เป็นการแสดงออกแบบสไตล์นายอนุทิน ด้วยสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ที่สร้างกำลังใจอย่างมากให้กับนายอนุทิน และสถานการณ์ของพรรคภูมิใจไทยขณะนี้

ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะทำให้เกิด IGNITE ไทยแลนด์ ตามนโยบายได้ไหม แต่ต้องยอมรับในสถานการณ์ทางการเมืองอันไม่แน่นอน อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และ IGNITE อนุทิน วันนี้เกิดขึ้นแล้ว…