ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 มกราคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | นงนุช สิงหเดชะ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ
“หนึ่งหญิง” ถือกระเป๋าหรู-ช้อปปิ้งลอนดอน
“หนึ่งชาย” ใส่นาฬิกาสุดแพงอยู่กรุงเทพฯ
หลังจากหลบหนีออกนอกประเทศไทยไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ก็กบดานอย่างเงียบเชียบ ซึ่งหลายคนที่อ่านสถานการณ์ออกก็เดาได้ว่า เมื่อถึงเวลาอันสมควร เธอหรือผู้ช่วยเหลือเธอ จะต้องเคลื่อนไหวเปิดเผยให้เห็นว่าเธออยู่ที่ไหน
ข่าวลือหนาหูเมื่อแรกที่เธอหลบหนีไปก็คือ การขอลี้ภัยในอังกฤษ เพียงแต่ในขณะนั้นยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ส่วนผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยก็พากันเป็นใบ้ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ อ้างแต่ว่าทางอังกฤษไม่ได้ส่งข้อมูลให้
พอล่วงเข้าปี 2561 ก็เริ่มมีรูปของเธอปรากฏทางโซเชียลมีเดียถึง 2 ภาพว่าเธออยู่ในลอนดอน ซึ่งรูปที่โผล่มาตอนแรกนั้น เข้าใจว่ามีคนแอบถ่ายเธอได้เพราะภาพไม่ชัดและไม่ได้ตั้งท่าถ่าย
แต่รูปที่สองเข้าใจว่าเป็นภาพที่ปล่อยมาแบบจงใจคล้ายกับจะยืนยันอีกที
ภาพที่สองนี้เป็นภาพเธอแต่งตัวหรู ถือกระเป๋าแอร์เมสราคาแพงช้อปปิ้งอยู่ในห้างที่ลอนดอนแล้วถ่ายรูปกับแฟนคลับคนไทย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2560 ดูเหมือนหลานของเธอ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร จะปล่อยรูปของคุณอาชิมลางนำร่องไปก่อนแล้ว เพียงแต่ทำเป็นปริศนายั่วความอยากรู้อยากเห็นด้วยการโพสต์ภาพด้านหลังของชายหญิง แต่งกายด้วยเสื้อกันหนาวสีดำมีฮู้ดทั้งคู่ กำลังเดินอยู่ท่ามกลางหิมะหนา
ซึ่งไม่ต้องใช้ความพยายามก็พอเดาออกว่าเป็นภาพยิ่งลักษณ์กับลูกชาย
หรือก่อนหน้านั้นเล็กน้อย เฟซบุ๊กของเอม-พินทองทา ลูกสาวทักษิณ มักโพสต์ภาพที่เธอพาลูกและสามีไปเยี่ยมคุณทักษิณที่ลอนดอน ซึ่งนั่นก็คล้ายจะบอกเป็นนัยว่ายิ่งลักษณ์อยู่ที่นี่แน่นอน เพียงแต่ไม่มีภาพยิ่งลักษณ์ร่วมเฟรม
อย่าลืมว่าคุณทักษิณมีคฤหาสน์อยู่ที่ลอนดอน ดังนั้น ข่าวลือที่ออกมาครั้งแรกว่าเธอเตรียมจะขอลี้ภัยในอังกฤษ จึงไม่ใช่ข่าวเลื่อนลอย
เข้าใจว่าการที่มีการปล่อยภาพคุณยิ่งลักษณ์ออกมาในห้วงนี้ น่าจะเป็นเพราะกระบวนการขอพำนักในอังกฤษเสร็จสมบูรณ์แล้ว
นอกจากนี้ คนในพรรคเพื่อไทยที่เคยช่วยปิดปากนิ่งเงียบมานานก็ออกมายอมรับว่าคุณยิ่งลักษณ์ขอพำนักในอังกฤษด้วยวิธีขอวีซ่าสำหรับนักลงทุน ซึ่งให้สิทธิแก่ผู้นำเงินไปลงทุนในอังกฤษตามเกณฑ์ที่กำหนดพำนักในประเทศได้ 5 ปีและต่ออายุได้อีกหลังครบกำหนด ไม่ได้ใช้วิธีขอลี้ภัยแต่อย่างใด
หลังจากมีหลักฐานชัด นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จึงออกมายอมรับว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษได้เล่าให้เขาฟังตั้งแต่เดือนกันยายนว่าคุณยิ่งลักษณ์อยู่ลอนดอน
ซึ่งนายดอนคาดว่ายิ่งลักษณ์น่าจะใช้พาสปอร์ตประเทศอื่นเข้าอังกฤษ
แต่เขาอ้างว่าหากยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัย ทางกระทรวงการต่างประเทศไม่มีหน้าที่คัดค้าน แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะคัดค้านหรือไม่
ซึ่งก็ชัดแล้วสำหรับท่าทีรัฐบาล เมื่อนายกรัฐมนตรีพูดเองว่าคงทำอะไรไม่ได้ (แปลว่าคงไม่ตามตัวคุณยิ่งลักษณ์กลับมา)
อันที่จริงน่าเชื่อได้ว่าทุกคนในรัฐบาลไทยรู้อยู่แล้วว่าคุณยิ่งลักษณ์อยู่ที่ไหน
เพียงแต่ไม่ได้กระตือรือร้นเพียงพอที่จะติดตามตัว
เพราะคิดว่าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากหากอยู่อังกฤษจริง ทางอังกฤษก็คงไม่ร่วมมือที่จะส่งตัวให้
เพราะอังกฤษก็จะคิดตามมาตรฐานตัวเองว่าคุณยิ่งลักษณ์มาจากการเลือกตั้งและถูกดำเนินคดีในยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
โดยไม่ได้สนใจเนื้อหาสาระการทำผิดของคุณยิ่งลักษณ์
ภาพยิ่งลักษณ์โผล่ที่ลอนดอนด้วยอาการสบายใจ เดินช้อปปิ้งชิลๆ แต่งตัวหรู ถือกระเป๋าแพงที่สุด บ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง อย่างแรกเลยน่าจะเป็นเพราะเธอและผู้อยู่เบื้องหลังต้องการโชว์ว่าประเทศอังกฤษซึ่งปกครองแบบประชาธิปไตยยินดีต้อนรับและให้ที่พักพิงแก่เธอโดยไม่ได้สนใจว่าเธอจะทำผิดอะไรมาในประเทศไทย ไม่ได้สนใจคำพิพากษาของศาลไทย
พูดให้ง่ายก็คือ หากมาจากการเลือกตั้ง แม้จะทำผิดตามกฎหมายไทย ก็จะได้รับการช่วยเหลือจากประเทศอังกฤษหรือประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากประเทศพัฒนาแล้วอาจสนใจแค่เรื่องระบบการปกครอง แต่ไม่ได้สนใจว่าคนคนนั้นทำผิดอาญาอะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความมาตรฐานของประเทศเหล่านี้เป็นมาตรฐานที่น่าชื่นชมหรือเอาอย่าง
ถ้าหากประเทศต้นทางอย่างประเทศไทย ไม่ได้มีความมุ่งมั่นที่จะนำคนผิดกลับมารับโทษ แถมยังอ่อนข้อ ออมชอมกับอังกฤษโดยอ้างว่าไม่อยากให้กระทบความสัมพันธ์และอยากให้ฝรั่งมาญาติดีกับตัวเอง ประชาชนที่ตั้งความหวังกับรัฐบาลนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้กระมัง ที่ปาวๆ ว่าจะปราบโกง ปราบคอร์รัปชั่น ก็พูดไปอย่างนั้นหรือเปล่า
คนเขาถึงแซวกันว่า ที่จริงคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้หลบหนีเอง แต่มีคนบริการพาหนีอย่างเป็นขั้นเป็นตอนต่างหาก ถึงได้ผ่านด่านทหารที่สระแก้วแบบฉลุย เข้าเขมร ออกดูไบและไปต่ออังกฤษได้สบายอย่างไรเล่า
ในขณะที่ “หญิงหนึ่ง” ซึ่งต้องคดีอาญา สามารถหลบหนีไปช้อปปิ้งสบายใจเฉิบที่ลอนดอน
ส่วนอีก “หนึ่งชาย” ในประเทศไทยที่มีหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงและสมควรมีหน้าที่ติดตามตัวคุณยิ่งลักษณ์หรือป้องกันไม่ให้คุณยิ่งลักษณ์หนีแต่แรก ก็ใส่นาฬิกาหรูเรือนละหลายล้านบาท นับสิบๆ เรือนสบายใจเฉิบอยู่ที่กรุงเทพฯ
แต่ปัญหาคือบางรายการไม่ปรากฏว่าแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับ ป.ป.ช. ซักไปซักมาก็อ้างว่าไม่ใช่ของตัว แต่เป็นของเพื่อนให้ยืมมา
ถ้าเพื่อนให้ยืมนาฬิการาคาเรือนละหลายล้านบาทมาใส่ น่าเชื่อหรือไม่ เป็นการให้ยืมเฉยๆ หรือว่ามีผลประโยชน์อะไรตอบแทน
ดูแล้วสงสารประเทศไทย พวกเขาเล่นอะไรกัน