MatiTalk โภคิน พลกุล : ต้องเลิกเรียกหา วัฒนธรรมคนบิดเบือนกฎหมาย เลิกศรีธนญชัย บ้านเมืองจะได้เจริญ…

ต้องเลิกเรียกหา วัฒนธรรมคนบิดเบือนกฎหมาย

โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษาณ์มติชนสุดสัปดาห์ ต่อมุมมองถึง กฎหมาย และนักกฎหมายในบริบทการเมืองไทย

“บางคนมีประสบการณ์สูงทั้งแบบประชาธิปไตยและแบบเผด็จการ ถ้าเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ทางกฎหมายในระบอบเผด็จการได้เขาจะมาสร้างในระบอบประชาธิปไตยได้หรอครับ ”

ดร.โภคิน ให้ความเห็นว่า ถ้าเป็นระบอบประชาธิปไตยปกติ พรรคการเมืองก็ต้องมีคนที่มีความชำนาญกฎหมาย เพื่อช่วยพรรคการเมืองในการทำนโยบายหรือในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ

ขณะเดียวกันเมื่อพรรคการเมืองเป็นรัฐบาล พรรคการเมืองก็มีที่ปรึกษาสำคัญที่สุดคือกฤษฎีกา ทั้งตัวสำนักงานและตัวคณะกรรมการ ซึ่งสามารถที่จะสอบถามความเห็นต่าง ๆ ได้อยู่แล้ว แต่บ้านเราปัญหาที่เรามาให้ความสำคัญกับ “มือกฎหมาย” เพราะว่าที่ผ่านมาเราจะเห็นชัดเจนว่า “กฎหมายถูกบิดเบือนตลอด” คือ มันควรจะเป็นแบบ ก. แต่ก็ทำให้เป็นแบบ ข. แบบ A แบบ B ก็ได้หมด เมื่อเป็นอย่างนี้ทำให้คนไม่รู้แล้วว่า “หลักที่ถูกต้อง” คืออะไร ?

แต่ถ้าถามผม ๆ ก็จะอธิบายตามหลักที่ถูกต้องมาเป็นอย่างไร ตัวกฎหมายมันไม่ได้ชั่วร้าย ส่วนใหญ่ดีแต่การไปบิดเบือนมัน ก็ทำให้ได้ผลประหลาด แต่ผลประหลาดแล้วก็เพื่อตอบโจทย์คนที่ได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นสังคมก็เลยไปฝังว่า “ถ้ามือกฎหมายไหนก็ตามมาทำให้เกิดผลประหลาดที่เป็นผลดีกับคนบางคนได้และเสียทั้งระบบแบบอย่างนี้ดี” แล้วเราก็ว่าคนเหล่านี้ว่าเป็นเนติบริกร เป็นศรีธนญชัย สารพัดประโยชน์ตลอด

เราไม่ยืนยันในหลักการอันนี้ ถ้าผมเป็นพรรคการเมืองไม่ว่าแบบไหนผมจะยืนในสิ่งที่ถูกต้องผมจะไม่พึ่งอะไรที่มาบิดเบือนโดยอาศัยความเชี่ยวชาญหรือจะอาศัยแวดวง อาศัยเครือข่ายต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

ดังนั้นผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยมีคนเก่งๆอยู่มากมายต้องมั่นใจตัวเองว่าเราจะยืนในสิ่งที่ถูกต้อง บางครั้งอาจจะไปคิดว่า เพราะบางคนมีประสบการณ์สูงทั้งแบบประชาธิปไตยและแบบเผด็จการ ถ้าเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ทางกฎหมายในระบอบเผด็จการได้เขาจะมาสร้างในระบอบประชาธิปไตยได้หรอครับ

ระบอบประชาธิปไตยถูกตรวจสอบมากว่าต้องใช้เหตุใช้ผล ในระบอบเผด็จการให้คุณฟ้องประชาชนได้ตายเขาจะเอาอย่างนั้นก็จบ

ผมจึงคิดว่าพรรคการเมืองทุกพรรคต้องมั่นใจว่าเราเดินแบบนี้แล้วกลไกทางกฎหมายไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลย มีเหตุผล มีคำอธิบายที่เป็นหลักอยู่แล้วยึดหลักการเท่านั้นเองครับบ้านเมืองก็จะไปได้ครับ

กระบวนการยุติธรรมจะเป็นอย่างไรต่อในวันที่ผู้คนหมดศรัทธา ?

ถ้าว่าไปแล้วก็ตั้งแต่การยึดอำนาจ คนที่ทำให้การยึดอำนาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องคือ ศาลศาลฎีกาการยึดอำนาจน คือการกระทำผิดที่ร้ายแรง คือกบฏ

แต่เราบอกว่าถ้าทำกบฏสำเร็จคุณเป็นรัฏฐาธิปัตย์  คือพูดง่ายๆทำชั่วแล้วสำเร็จ กลายเป็นคนดี แต่ถ้าทำชั่วไม่สำเร็จกลายเป็นคนชั่ว มันเพี้ยนมาตั้งแต่ต้น แล้วก็เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด

ดังนั้นพอถูกบิดเบือนอันนี้ได้ แต่ก่อนก็ไม่หนักหนาพอมาทีหลังมีรายละเอียดซับซ้อนมากขึ้นก็บิดเบือนไปเรื่อยเปื่อย แล้วการบิดเบือนมันไม่ได้เกิดเฉพาะคนมาตีความ

ไม่ว่าจะเป็นเนติบริกร แต่กลายเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ชี้ขาดก็ยังบิดเบือน พูดง่ายๆว่า ไม่ตีความกฎหมายอย่างที่มันควรจะเป็น

ดังนั้นเราถึงบอกว่าเราล่มสลายเรื่องความยุติธรรม เมื่อล่มสลายหมดทุกคนก็จะพึ่งอะไรก็ได้ที่ฉันคิดว่าฉันได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นแล้วก็ไม่แคร์ว่าไม่ใช่ความยุติธรรม ไม่ใช่หลักที่ถูกต้องอีกต่อไปแล้วนะ

เราถึงต้องสถาปนาสิ่งนี้ขึ้นมาให้ได้ ถ้าบ้านเมืองยังเดินอย่างนี้ตลอดเวลานักกฎหมายที่กะล่อนที่พูดจาเรื่อยเปื่อย เพ้อเจ้อ พูดกันคนละทีสองที แบบนู้นทีแบบนั้นที คนก็จะสับสนมากไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร

อยากเรียกร้องเรื่องนักกฎหมายที่มีจิตวิญญาณอย่างนี้พูดว่าสิ่งที่ถูกต้อง คืออย่างนี้ นี้เป็นสิ่งที่เขาบิดเบือนมันไม่ใช่ให้ประชาชนได้เรียนได้รับทราบว่าอย่างนี้พวกเขาจะไม่เอา แล้วผมก็คิดว่าการยึดอำนาจถ้ายังยึดแล้วสำเร็จก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์กลายเป็นคนดีไม่มีทางที่ระบบกฎหมายจะไม่ถูกบิดเบือน เพราะจุดใหญ่มันไปตั้งแต่มากกว่า 60-70 ปีที่แล้ว

การยุบพรรค กับประเทศไทยควรจะจบไปได้หรือยังไง

ดร.โภคิน กล่าวต่อว่า เป็นสิ่งที่เลอะเทอะมาตั้งแต่ต้นแล้ว คือเดิมทีเดียว พรรคการเมืองพอเราเริ่มมีใหม่ๆแล้วก็มีกฎหมายพรรคการเมืองแต่ไม่ได้ไปคุมเข้มอะไรมากมาย คือเหมือนจะตั้งบริษัทตั้งสมาคมในต่างประเทศยุคแรกๆของเราไม่มีกฎหมายพรรคการเมืองมี สมัย จอมพล ป. ก็เพราะว่า พรรคการเมืองเปรียบเหมือนเป็นสมาคมอย่างหนึ่งที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองต้องมากำหนดก็เริ่มยุ่ง แล้วคนยึดอำนาจก็พยายามจะคุมพรรคการเมือง

กกต.ใหญ่มากเลยเป็นใครมาจากไหน อันนู้นผิดอันนี้ถูกอันนี้ชี้อย่างนี้อย่างนั้น ก็วุ่ทำให้นวายไปหมด พอมีศาลรัฐธรรมนูญซึ่งแต่ก่อนก็เป็นคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งมองว่าปัญหาเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ เป็นปัญหาของ 3 องค์กรหลักๆนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการเพื่อจะเอาปัญหามาชี้แล้วก็ตีความแล้วก็ดำเนินการไปตามที่ตีความกัน

พอมีศาลรัฐธรรมนูญก็ให้มาชี้ขาดเหมือนเดิมก็คือกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ กับอำนาจขององค์กรต่างๆวุ่นวายไปหมดคุณสมบัติ

แล้วพอไม่ได้ทำอย่างตรงไปตรงมาทำกันแบบเรียกว่าที่ผมบริการบิดเบือนกฎหมายพอสมควรก็เลยไม่มีใครเชื่อถืออะไรอีก

ผมยังคิดว่าอะไรที่ทำไปแล้วมันวุ่นวาย เยิ่นเย้อ ซับซ้อนทำให้ง่ายแบบเดิมดีกว่า รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาอยู่มา 200 กว่าปี เขาก็อยู่ของเขาได้ แล้วก็เป็นชาติมหาอำนาจได้อีกหลายประเทศก็เป็นแบบเดียวกัน

แต่บ้านเราแก้แล้วแก้อีก ฉีกแล้วฉีกอีก นับวันก็ยิ่งเจ๊ง ยิ่งจมลงไป ยิ่งพยายามจะไปเขียน ฉบับนี้(2560) ก็เขียนเพื่อกันเพื่อไทยวันนั้นทุกอย่างหมด แล้ววันนี้เพื่อไทยก็มาเป็นรัฐบาล แล้วสามารถกันได้จริงไหม แต่ที่กันแน่ๆคือกันประเทศจากการก้าวไปข้างหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญ ฉุดประเทศให้ถอยหลังต่างหากและทำให้มายด์เซ็ทคนเปลี่ยนไป แทนที่จะยืนอย่างสมาร์ท อธิบายกฎหมายอย่างสมาร์ท  ก็พลอยอยากเป็นศรีธนญชัยกับเขาบ้างเพื่อตอบโจทย์ตัวเองบ้างบ้านเมืองก็พังหมด

กฎหมายจะเป็นทางออกหรือทางตัน 

กฎหมาย คือ สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อมากำหนดกิจกรรมของมนุษย์ของพวกเราด้วยกัน เพื่อให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม เป็นธรรม คำว่า เป็นธรรมที่ว่าก็คือไม่ใช่ให้ใครเอารัดเอาเปรียบได้หรือไม่ใช่ให้มีการเลือกปฏิบัติ เรื่องเดียวกันต้องปฏิบัติอย่างเป็นธรรม

ดร.โภคิน ทิ้งท้ายว่า ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นคนก็จะรังเกียจกฎหมายแล้วไม่อยากเคารพกฎหมายเขาก็จะไปหาคนที่ทำบิดเบือนแล้วได้ผลมากกว่าจะหาคนที่บอกว่ากฎหมายคืออย่างนี้นะแล้วประเทศไทยมีกี่ปีมาไปหาคุณบิดเบือนแล้วได้ผล แล้วเราก็เลยมีวัฒนธรรมใครสามารถบิดเบือนแล้วได้ผล ฉันจะพึ่งคนนั้น สิ่งเหล่านี้จะต้องเลิก