ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 มิถุนายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | เอกภาพ |
ผู้เขียน | พิชัย แก้ววิชิต |
เผยแพร่ |
พวกเราเกิดและเติบโตมาในรูปแบบชีวิตที่พ่อแม่ยังคงเลี้ยงดู ผ่านร้อนหนาวของความถูกผิด ดีเลว พวกเราสัมผัสสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เมื่อครั้งจำความได้ จนเป็นเราในแบบที่เราเป็น เราถูกสั่งสอน ในแบบที่ไม่เป็นไปตามขั้นบันไดอายุ สิ่งที่หลายคนเรียกและแบ่งเขตมันว่าความยากลำบากกับความสุขสบายนั้น จิตใต้สำนึกของพวกเรามันแยกกันไม่ออก และแบ่งไม่เป็น
“แค่มีกินและไม่ถูกตี” ก็ถือได้ว่า สิ่งนี้คือความผาสุกของชีวิตในวัยเยาว์แล้ว
ส่วนความทุกข์ที่พวกเรารู้สึกและเข้าใจได้ คงเป็นวันที่พ่อแม่ทะเลาะกัน ช่วงเวลาในแบบนี้ต่างหาก ที่พวกเรารู้เรียกมันว่าความทุกข์โดยแท้จริง
อาหารการกินของพวกเราไม่เคยอด แม้จะอยากอาหารที่เลือกไม่ได้ก็ตามที เพราะราคาของมื้ออาหาร ขึ้นอยู่กับงบการเงินในกระเป๋าตังค์ของท่านพ่อ
พวกเราเติบโตและคุ้นเคยมากับเงินกู้ร้อยละยี่สิบ ด้วยเหตุนี้ เราจึงคุ้นชินกับรสชาติชีวิตที่มาจากไข่ ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เพราะในยามคับขัน เพียงมีกินก็พอแล้ว
ชีวิตข้างวงเหล้าของพวกเรา บางครั้งก็รู้สึกขอบคุณท่านพ่อที่ชอบดื่ม เพราะมักมีกับแกล้มอร่อยๆ ติดไม้ติดมือมาด้วยบ้าง โดยเฉพาะคอเป็ดพะโล้ล้วนๆ ไม่ปนส่วนอื่น มันอร่อยมาก พวกเราเป็นตัวกินกับแกล้มในวงเหล้า และกับหารายได้พิเศษของพวกเรา ที่นอกเหนือจากเงินไปโรงเรียน คือการเป็นเด็กเดิน
เดินไปซื้อเหล้า น้ำแข็ง โซดา บุหรี่ และอื่นๆ “เศษเงินทอนคือความหวัง” ที่พวกเราจะได้จากวงสังสรรค์ ในยุคที่ยังไม่มีกฎหมายกำหนดอายุผู้ซื้อเหล้ายา ยกเว้นปลาปิ้งที่ซื้อได้ตามใจกัน นอกเหนือจากเศษเงินทอน ก็มีลุ้นอยู่บ้างกับทิปพิเศษ สำหรับการเป็นเด็กใช้ง่าย บริการดี
การได้รับแบงก์ห้าสิบหรือแบงก์ร้อย ทำให้การเดินไปเดินกลับพร้อมถุงเหล้าและน้ำแข็งในกำมือเพลิดเพลินใจ ราวกับซอยทั้งซอยถูกปูไว้ด้วยกลีบกุหลาบ
วงเหล้าย่อมมีวันเลิกรา เมื่อดึกดื่นเกินเที่ยงคืน ภายในห้องเช่าเดี่ยวที่นอนรวมกันโดยพร้อมเพรียง พ่อ แม่ และพวกเรา เมื่อไฟห้องดับราวกับสติของท่านพ่อก็ดับวูบตามไปด้วย
เสียงคำพูดขาดสติ มากับความหมายที่ชวนทะเลาะ มันคือช่วงเวลาที่แสนจะมืดมน ถึงแม้ท่านแม่ของพวกเราจะทนไม่ไหวกับคนขาดสติ
ลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟที่มุมห้องให้สว่างจ้า บรรยากาศก็ยังคงมืดมน
การทำร้ายเริ่มต้นด้วยน้ำคำ ที่เป็นราวกับน้ำมัน ไฟแห่งความโกรธลุกโชน “ไฟที่ไม่เคยสว่างไสวในใจพวกเรา” ในความเป็นเด็ก จะทำอะไรได้มากไปกว่า “การนอนตะแคงร้องไห้” และอาจแอบหันไปมองดูเหตุการณ์บ้างเป็นระยะ ด้วยความเป็นห่วงคู่ขัดแย้งทั้งสอง หวังว่าน้ำตาจะลบล้างค่ำคืนที่ไม่น่าจดจำนี้ และไม่ง่วงนอนเกินไปในห้องเรียน
ละแวกบ้านของเด็กคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อน และไม่ใช่เพื่อนของพวกเรา ก็มีสภาพไม่ต่างกันมากนัก ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใหญ่ในบ้านของใครจะก่อเรื่องถี่มากกว่ากัน
“สภาพแวดล้อมที่ไร้โลกสวย” ทำให้พวกเขาบางคนกลายเป็นตัวปัญหาให้กับตัวเอง เริ่มคบหากับยาเสพติด ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหากับใครที่คาใจ จากนั้นก็เริ่มลืมที่จะไปโรงเรียน
พวกเราไม่ทำอย่างนั้น “เพราะพวกเรากลัว” กลัวท่านพ่อและท่านแม่จะเดือดร้อน และไม่อยากเพิ่มปัญหาให้ตัวเองไม่รู้จักจบสิ้น “พวกเราเหนื่อยแล้วกับสภาพความเป็นอยู่”
บนโลกที่จับต้องยาก พวกเรามีดินแดนเป็นของตัวเอง มันเป็นพื้นที่ปลอดภัย และสงบอยู่พอสมควร ด้วยหนังสือการ์ตูนเพียงไม่กี่เล่ม และกับของเล่นเพียงไม่กี่ชิ้น
ดินแดนแห่งนี้ ช่วยให้พวกเรารอดพ้น และอยู่ต่อจนโตพอ เรียนรู้ที่จะ “รักคุณค่าของตัวเองได้ แม้ในยามยากจน”
“ดินแดนแห่งนี้ ยังมีเมล็ดพันธุ์อีกมาก รอวันที่จะงอกเงยและงดงาม”
ขอบคุณมากมายครับ •
เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022