อาชญากรรม : ลุยอาบนวดวิคตอเรีย ฟันกามเด็ก-ค้ามนุษย์ ผงะตั๋วฟรี! “ขรก.-ตร.” ดีเอสไอลุยคดีพิเศษ

นับเป็นเรื่องที่ท้าทายความเชื่อมั่นของวงการตำรวจไทยอย่างมาก

เมื่อดีเอสไอร่วมมือกับกรมการปกครอง บุกเข้าตรวจค้นสถานบริการอาบอบนวดชื่อดัง “วิคตอเรีย ซีเครท” ย่านพระราม 9 ช่วงกลางวันแสกๆ

แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อพบหญิงสาวกำลังให้บริการในสถานที่ดังกล่าวถึง 113 คน

ส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าว ไม่มีบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง

แถมมีรายงานว่าน่าจะมีหญิงสาวอายุต่ำกว่า 18 ปีรวมอยู่ด้วย

อาจเข้าข่ายขบวนการค้ากาม ค้ามนุษย์ข้ามชาติ!??

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตรวจสอบบัญชีโพยให้บริการของสถานบริการ ก็พบมีตั๋วฟรี อ้างชื่อตำรวจชั้นระดับผู้บังคับการ และข้าราชการกรมสรรพากรรวมอยู่ด้วย

นำมาซึ่งคำสั่งย้าย 5 เสือ สน.วังทองหลาง เจ้าของพื้นที่

และให้ตรวจสอบตำรวจ 4 หน่วยงานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

ส่วนผู้ประกอบการก็ต้องเอาผิด และอาจลามไปถึงผู้ซื้อบริการเด็กอายุต่ำกว่า 18 ด้วย

กลายเป็นมหากาพย์ที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง

จับ “วิคตอเรีย”-เหยื่อ 113 คน

การบุกจับครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 มกราคม โดย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมทหาร และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจสอบสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ตั้งอยู่เลขที่ 555 ซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. หลังจากได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 5 ชั้น รั้วรอบขอบชิด ชั้นล่างตกแต่งหรูหรา เป็นสถานที่สำหรับให้ผู้ใช้บริการเรียกหญิงสาว บริเวณชั้น 3-5 เป็นห้องพักกว่า 200 ห้อง มีเฟอร์นิเจอร์และอ่างอาบน้ำ

ขณะเข้าตรวจค้นพบลูกค้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดกิจกรรมทุกอย่าง แล้วเชิญออกนอกพื้นที่

จากนั้นจึงควบคุมหญิงให้บริการทั้งหมด รวม 113 คน มาตรวจสอบ แต่ไม่พบบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง ซึ่งคาดว่าถูกล่อลวงมาค้าประเวณี

พร้อมนำตัวส่งศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนางานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ดอนเมือง แยกเป็นสัญชาติพม่า 96 ราย (ไทยใหญ่) สัญชาติลาว 11 ราย สัญชาติจีน 2 ราย (สิบสองปันนา) มีคนไทย 4 ราย

ทั้งนี้ ในการเข้าค้น พบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ขาหยั่ง ซึ่งคาดว่ามีไว้เพื่อใช้ในการตรวจภายในของหญิงบริการเท่านั้น

เจ้าหน้าที่จับกุมนายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ อมรรัตนสิริ อายุ 55 ปี หัวหน้าคนเชียร์แขก ก่อนแจ้งข้อหา ร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหาฯ

หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และได้กระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน ร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้น หรือโดยสมาชิกขององค์กรอาชญากรรมโดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหาฯ

หน่วงเหนี่ยวกักขัง รับไว้ซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และอื่นๆ รวม 6 ข้อหา

ส่งตัวฝากขังศาลอาญารัชดา เช่นเดียวกับพวกอีก 5 คน

พร้อมใช้มาตรการของกรมการปกครอง สั่งปิดสถานบริการดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลพื้นที่จนกว่าจะเก็บพยานหลักฐานทั้งหมดเสร็จสิ้น

ทั้งนี้ หลังจากครบ 5 ปี พื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถเปิดสถานบริการในรูปแบบเดิมได้อีก

เด้ง 5 เสือ-ผงะโพยตั๋วฟรีอื้อ

ทั้งนี้ การบุกจับกุมของดีเอสไอและกรมการปกครองดังกล่าว ย่อมเกิดคำถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่

และเพียงข้ามวัน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ก็มีคำสั่งที่ 11/2561 ลงวันที่ 13 มกราคม เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ มีคำสั่งให้ตำรวจ 5 นาย ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกก.สน.วังทองหลาง 2.พ.ต.ท.นเรนทร์ เครื่องสนุก รอง ผกก.สส.สน.วังทองหลาง

3.พ.ต.ท.พิชัย ทูลธรรม สวป.สน.วังทองหลาง รรท.รอง ผกก.ป.สน.วังทองหลาง 4.พ.ต.ท.เดชาวัสส์ ขันกสิกรรม สวป.สน.วังทองหลาง 5.พ.ต.ท.ปรัชญา บุญยืน สว.สส.สน.วังทองหลาง ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.น. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ยังพบว่าการตรวจสอบบัญชีของวิคตอเรีย พบบัญชีและใบเสร็จการให้บริการลูกค้า ที่ระบุว่าเป็นการรับรองเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน มีทั้งรับรอง 100 เปอร์เซ็นต์ และแบ่งเป็นสัดส่วน

โดยมีชื่อผู้ใช้ตั๋วฟรี ทั้งตำรวจระดับผู้การ ผู้กำกับฯ ฯลฯ และข้าราชการกรมสรรพากร ระดับเขตพื้นที่

ยิ่งเป็นคำถามของการรู้เห็นเป็นใจให้กับสถานประกอบการให้ทำผิดกฎหมาย

หลังจากเป็นข่าว นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่คนปัจจุบัน คนปัจจุบันไม่ได้ไปใช้บริการ ไปทำงานเช้า เย็นกลับ

แต่หากมีชื่อจากดีเอสไอมาให้ตรวจสอบก็พร้อมร่วมมือ

ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยมาตรการทางการบริหาร ในการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยมอบหมายให้ ปปป.ตร. ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน

นอกจากนี้ ที่พาดพิงหน่วยงานตำรวจ 4 หน่วย คือ บช.น. บช.ก. บช.ทท. และ สตม. สั่งการให้แต่ละหน่วยงานตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที ไม่ต้องรอข้อมูลจากหน่วยไหนแล้ว

“การสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีในเรื่องนี้ไม่เจอตอแน่นอน ไม่กลัวว่าใครเป็นเพื่อนใคร หรือมีอิทธิพลอย่างไร หากพบว่าใครผิด เอาหมด ถ้าทำผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งกำชับให้ดำเนินการทุกรายตามพยานหลักฐาน”

จะถึงขั้นล้างบางกันเลยหรือไม่ ต้องติดตาม

ลุยคดีพิเศษ “ค้ามนุษย์-กามเด็ก”

ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้น จากการตรวจสอบพบว่าอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท มีห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ออนเซน เป็นเจ้าของ มี น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ อายุ 45 ปี เป็นกรรมการผู้ขอใบอนุญาต

โดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับ น.ส.ศศิธรและพวกรวม 8 คนในข้อหาค้ามนุษย์

และช่วงเย็นวันที่ 16 มกราคม น.ส.ศศิธร ก็เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหา ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งความผิด 13 ข้อหา อาทิ การกระทำความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ ร่วมเป็นธุระจัดหา เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี ซึ่งมีเด็กอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีรวมอยู่ด้วย รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

พร้อมส่งตัวไปคุมตัวที่ สน.วังทองหลาง พื้นที่เกิดเหตุ

ขณะที่เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

โดยช่วงสายวันที่ 17 มกราคม เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวส่งฝากขังศาล พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกัน นำตัวส่งเรือนจำ

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบอายุของเหยื่อสาวโดยใช้วิธีตรวจเอ็กซเรย์กระดูก และตรวจอายุฟันด้วยวิธีพาโนรามิกวิว ซึ่งเป็นวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐานสากล ใช้เป็นหลักฐานการดำเนินคดีได้ ผลตรวจออกมาแล้วพบว่าใน 27 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 3 ราย โดยผลการตรวจชี้ว่า 1 คน อายุน่าจะไม่ถึง 15 ปี

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าต้องเช็กวงจรปิดเพื่อหาตัวคนซื้อกามเด็กนำมาดำเนินคดี ใช้รูปแบบคดีค้ากามแม่ฮ่องสอน ไม่ว่าเชื่อมโยงถึงลูกค้าหรือเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด

ขณะที่ดีเอสไอสั่งรับไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่ามีเหยื่อสาว 7 รายที่ถูกล่อลวงไปค้าประเวณียังประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือจนสามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทยได้เมื่อช่วงปลายปี 2560

และมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าพฤติการณ์ของสถานบริการอาบอบนวดแห่งนี้ เข้าข่ายเป็นการค้าประเวณีข้ามชาติ ซึ่งเหยื่อทั้ง 7 รายที่เดินทางมาร้องทุกข์ต่อดีเอสไอให้ข้อมูลว่า ถูกนายหน้าล่อลวงให้ ทำงานที่สถานบริการอาบอบนวดดังกล่าว

ก่อนจะถูกส่งตัวไปค้าประเวณียังประเทศเพื่อนบ้าน

เป็นจุดเริ่มต้นของการทลายเครือข่ายค้ากามครั้งใหญ่