เบื้องหน้าสถานการณ์ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญประสบด้วยความเข้มข้น ตรึงเครียด ไม่ว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าที่ส่งผ่านจากอัยการไปยังศาลยุติธรรม

หลายคนติดตามบทบาทของ”นักวิเคราะห์”ทางการเมืองใน ลักษณะยิ่งกว่า”แฟนพันธุ์แท้”

บางคนชอบลีลาในแบบของ อาจารย์สุขุม นวลสกุล บางคนชอบลีลาในแบบของ อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข

บางคนชอบความเชื่อมั่นในแบบของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และรับฟังกระสวนเฉียบขาดการฟันธงในแบบของ อาจารย์ธนพร ธนศรีรางกูร

กระนั้น ภายในลักษณะ”สุดโต่ง”ในแบบของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ อาจารย์ธนพร ธนศรีรางกูร ท่วงทำนองในแบบของ อาจารย์สุขุม นวลสกุล  ท่วงทำนองในแบบของ อาจารย์สุร ชาติ บำรุงสุข กลับมีเสน่ห์

มิได้เป็นเสน่ห์จากด้านแห่งความเป็น”นักรัฐศาสตร์”ประการเดียว หากแต่ยังเป็นเสน่ห์จากการผสมผสาน”วิชาการ”เข้ากับความจัดเจนในทาง”การเมือง”อย่างเหมาะสม

เป็นความเหมาะสมในท่ามกลางความร้อนรุ่มสถานการณ์

อาจารย์สุขุม นวลสกุล อาจเป็นคนรุ่นหลัง 2500 รากฐานมาจากภาคใต้ ฝึกปรือวิทยายุทธผ่านคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ขณะที่ อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข เป็นคนรุ่นเดือนตุลาคม ไม่ว่าเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าเดือนตุลาคม 2519

2 คนนี้ผ่านพระราม 6 เข้าสู่สะพานพระราม 7 และ 8

อาจารย์สุขุม นวลสกุล ก้าวกระโดดเป็นอย่างมากเมื่อเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข สะสมบทเรียนจากหลังสถานการณ์ เดือนตุลาคม 2516 และถูกจับกุมจากสถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 จากนั้นก็ไปต่างประเทศจนได้ดุษฎีบัณฑิต

ไม่ว่า อาจารย์สุขุม นวลสกุล ไม่ว่า อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุขจึงมีความเร่าร้อนบนฐานแห่งวิชาการอันสุขุม นุ่มลึก

ยิ่งสถานการณ์มากด้วยความขัดแย้ง ยิ่งการต่อสู้ทวีความร้อนแรง และแหลมคม ความเห็นจาก”นักวิเคราะห์”มีความจำเป็น

ไม่ว่าบนจอ”โทรทัศน์” ไม่ว่าเวทีอภิปรายผ่าน”โซเชียล”

การติดตาม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็มีความจำเป็น การติดตาม อาจารย์ธนพร ธนศรีรางกูร ก็ขาดไม่ได้ การติดตาม อาจารย์สุขุม นวลสกุล อาจารย์สุรชาติ บำรุง ยิ่งจำเป็น

เป็นความจำเป็นในการสะสม”ข้อมูล”ก่อนที่จะเลือก ก่อนการตัดสินใจในทางความคิด