สนทนากับ “ธเนศ วงศ์ยานนาวา” ว่าด้วยความสุข มีแบรนด์เนม โชว์นาฬิกา=มีความสุข? มีบัตรคนจน=ทุกข์หรือเปล่า?

ใครหลายๆ คนอาจไม่เคยตั้งคำถามกับ “ความสุข”

และแน่นอนที่สุดความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากมีและต้องไขว่คว้าไว้

ในวันนี้เราไปสนทนากับ อ.ธเนศ วงศ์ยานนาวา เจ้าพ่อโพสต์โมเดิร์น

เพื่อพิจารณาประเด็นนี้ในหลากมิติที่น่าสนใจ

: ความสุขคืออะไร

ผมว่าความสุข พูดง่ายๆ เหมือนเวลาคุณไปส้วม มันเป็นเพียงแค่โมเมนต์หนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่คุณได้ปล่อยอะไรบางอย่างออกมาแล้วคุณมีความสุข ถ้าพูดให้เป็นรูปธรรมก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่จะมีสิ่งพวกนี้ได้ เพราะว่าในท้ายที่สุดแล้วก่อนที่คุณจะมีความสุข คุณก็ต้องไม่ไหว

ผมคิดว่าถ้าเรามองย้อนกลับไปตามความเข้าใจ โดยตัดเรื่องสภาวะตามธรรมชาติออกไป (เพราะคุณไม่สามารถประเมินได้) อย่างน้อยที่สุด ศาสนาจำนวนมากตั้งแต่ 1,000 ปีก่อนคริสตกาลไม่เคยตั้งอยู่บนคำถามว่ามนุษย์มีความสุขหรือไม่ มันถูกอธิบายอยู่เพียงว่าชีวิตมีแต่ความบัดซบทั้งสิ้น นี่คือเงื่อนไขที่เขาวาดภาพให้กับมนุษย์จำนวนมากในโลกนี้ บอกว่าคนมีบาปมีความชั่วตั้งแต่กำเนิดและมีทุกข์ เพราะฉะนั้น เราต้องไขว่คว้าหาความสุข ก็นึกว่าเรากำลังวิ่งไปเรื่อยๆ เพื่อไปห้องน้ำ

คุณจะมีความสุขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผ่านองค์ประกอบหลายอย่างที่มากระตุ้นทำให้เรามีความสุข และเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องป่าวประกาศให้กับคนรู้ว่าเรามีความสุข เมื่อคุณรู้ว่าคนอื่นเป็นทุกข์ การที่เรามีความสุขทำให้เราเป็นคนที่ได้อะไรบาง อย่างที่คนอื่นไม่มี

ผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีใครที่จะเก็บไว้คนเดียว การประกาศ แสดงออกไปว่าฉันเป็นผู้ค้นพบอะไรบางอย่าง ที่เป็นสิ่งที่บอกให้กับคนอื่นรับรู้ไม่มีใครเก็บไว้คนเดียว (เว้นแต่คุณเป็นฤๅษี)

: ทำไมเรื่องของความสุขมากระจุกตัวช่วงเริ่มต้นปีใหม่

ความสุขกับช่วงเทศกาลต่างๆ เป็นเรื่องที่ธรรมดา เพราะเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ทำให้คนได้หลุดออกจากอะไรบางอย่างในชีวิตประจำวัน ที่ต้องทำซ้ำๆ ซากๆ ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงพิเศษให้คนทำอะไรที่แหวกแนว ไม่ทำงาน มันเป็นเฟสทีฟ ทำให้คุณมีความสุข ซึ่งเทศกาลใดจะเป็นวันไหนมันเป็นสิ่งที่โลกจัดระเบียบมันขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น ทำให้เราได้หลุดออกจากวิถีชีวิตจำเจในช่วงเสี้ยวเวลาหนึ่ง

ก็เหมือนกับวันเกิด ลองคิดดูว่าถ้าเราฉลองวันไม่เกิดจะมีความสุขกว่าหรือเปล่า? อันไหนจะดีกว่ากัน? เราควรจะฉลองวันไม่เกิดเพราะมันมีถึง 364 วัน แต่การฉลองวันไม่เกิดมันสร้างปัญหา สำหรับฝรั่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมาเขาเริ่มที่จะควบคุมกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งคุณไม่สามารถที่จะเฉลิมฉลองสิ่งเหล่านี้ได้นาน

ยกตัวอย่าง เช่น สมมุติว่า ลูกคุณตาย ก่อนที่จะบัพติศมา เขาก็จะประกาศชัดเจนว่าคุณห้ามไว้ทุกข์ยาวนานเพราะว่าจะเป็นการทำลายสายพานการผลิตและระบบเศรษฐกิจ ถ้าคุณจะต้องลางานไป มันจะกระทบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ส่วนอะไรที่เป็นงานรื่นเริงต่างๆ 500 ปีที่ผ่านมาในวิธีคิดของฝรั่งก็ต้องถูกควบคุมให้อยู่ในระเบียบ

ลองนึกภาพตามว่าหากเราเฉลิมฉลองวันไม่เกิดจะมีเจ้านายที่ไหนแฮปปี้ เพราะว่ามันมากไปกว่าปกติความสุขจริงเป็นเรื่องของช่วงเวลาหนึ่ง

: แบรนด์เนมหรู โชว์นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า = ความสุข?

เป็นเรื่องปกติธรรมดา ผมไม่เคยรู้สึกว่าสิ่งพวกนี้เป็นอะไร เพราะว่าในท้ายที่สุดแล้วการแสดงออกทางการแต่งกายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเมื่อก่อนนี้สังคมมีข้อจำกัดในเรื่องการแต่งกายว่าคุณจะต้องแต่งกายตามฐานันดร ทำให้คุณต้องเลียนแบบชนชั้นสูง มิเช่นนั้นจะถูกจับ

ในปัจจุบันนี้เช่นกัน คุณสามารถที่จะแสดงออกได้ตราบใดถ้าคุณมีเงินไปหาซื้อมา เพื่อให้รางวัลกับตัวเอง

ของพวกนี้เหมือนกับมีเหรียญตราในสมัยก่อน เพื่อแสดงตนว่าเป็นท่านลอร์ด ท่านเซอร์ จะต้องมีเครื่องแต่งกายที่ถูกต้อง มีสัญลักษณ์ต่างๆ แต่ในปัจจุบันนี้คุณไม่จำเป็นแล้ว ซึ่งการที่จะบอกว่าคุณเป็นคนกลุ่มไหน ผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีแบรนด์เนม เพื่อบอกว่าคุณมีสถานะในระดับหนึ่ง เพราะคุณไม่ต้องการให้ใครในสังคมดูถูกได้ ยิ่งถ้าคุณแต่งตัวซอมซ่อ คุณก็โดนว่าอยู่ดีว่าแต่งตัวไม่สมฐานะเลย จึงเป็นธรรมดาที่คนต้องการไต่เต้าเลื่อนลำดับฐานะในทางสังคม

สิ่งของพวกนี้จึงเป็นของสำคัญมากในการที่จะบอกว่าฉันประสบความสำเร็จในชีวิต โดยแสดงออกทางสื่อสารธารณะ เช่น มันง่ายมากที่คุณจะใช้รถยนต์หรูเพื่อบ่งบอกสถานะ ขับไปไหนมาไหนมันเห็นชัด แต่หากคุณมีบ้านหรูยังไงก็ไม่มีใครเห็น ต่อให้บ้านคุณมีแกรนด์เปียโนหรือมีไวโอลินราคา 50 ล้านคุณก็ไม่มาถือโชว์ตามสนามหลวงใช่หรือไม่

ฉะนั้น เสื้อผ้านาฬิการองเท้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการแสดงออก

: ใช้บัตรคนจนมีความสุขได้หรือไม่?

ความจนเป็นสิ่งที่เป็นปัญหามาตลอด ผมตอบไม่ได้ว่าคนเหล่านี้จะมีความสุขหรือเปล่า แต่ว่าเงินก็ช่วยแก้ปัญหาได้หลายๆ อย่างให้กับคน เช่น ในเรื่องของความเจ็บป่วย การมีบัตรคนจนหรือคุณไปรับสวัสดิการนั้น ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับโลกสมัยใหม่ ดังเช่นในอดีตที่มี “โรงทาน” คุณต้องไปรอรับความช่วยเหลือ

สิ่งเหล่านี้เป็นกลไกสำคัญมากในการให้กับคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งสังคมหรือชนชั้นสูงต้องทำเพื่อให้สังคมเรานั้นอยู่ร่วมกันได้ ผมว่าเป็นเรื่องปกติ แน่นอนคนพวกนี้อาจมีความรู้สึกคิดเปรียบเทียบกับคนอื่น

แต่ท้ายที่สุดแล้วอย่างที่ผมบอกแต่แรกว่าความสุขไม่ได้เป็นสิ่งที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ความสุขเป็นสิ่งที่ต้องให้คนอื่นได้รับรู้

: ชาวโซเชียลจำนวนมากตั้งปณิธานต้องมีนั่นนี่ หมายความว่า มีวัตถุ = มีความสุข?

เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ต่างๆ มีวัตถุต่างๆ มันก็เพลงราชาเงินผ่อน (คาราบาว) ที่ท่อนหนึ่งบอกไว้ว่า “ความสุขเล็กน้อยนี่ว่าจะถอยวิดีโอ มาฉายดูหนังโป๊ที่กลาดเกลื่อนเมืองไทย” ผมมองว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่คุณต้องมีวัตถุในครอบครอง เช่นในอดีตคุณจะต้องมีขวานมีจอบ เป็นเพราะว่าวัตถุเป็นของที่ง่ายที่สุดที่คนจะครอบครองสามารถหยิบฉวยได้

ถ้าคุณจะครอบครองผู้คนหรือการที่คุณให้เพื่อนมาเอาใจมันยาก

ลองนึกภาพเล่นๆ ผมพูดให้ขำๆ ถ้าคุณเอาคนผูกแล้วเดินไปเดินมามันไม่ได้นะเว้ย นี่ไม่ใช่ระบบทาส วัตถุง่ายที่สุดแล้วที่คุณจะได้แสดงออก เพราะว่ามันไม่มีชีวิต มันไม่หันมาด่าคุณด้วย

เพราะถ้ามันหันมาด่าคุณ คุณก็จะไม่มีความสุข อะไรที่พูดไม่ได้ มันมีแนวโน้มที่คุณจะแฮปปี้มากกว่า

: แต่คนในสังคมชอบพูดว่า “ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้”?

แต่มันให้ลูกหลานได้ไง คนอื่นเอาไปได้ การมีวัตถุไม่ใช่เพียงแค่ร่ำรวยมีข้าวของเครื่องใช้ แต่มันจะบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ในช่วงที่คุณมีชีวิตอยู่ และมันทำให้คุณมีอัตตาพองโต ฉะนั้น มันจะเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ ต้องสมฐานะ

อย่างไรก็ตาม มนุษย์ต้องการความสุขหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแค่วัตถุอย่างเดียว คุณต้องการเพื่อน ต้องการสังคม ต้องพ่อแม่-ครอบครัว คุณต้องการสารพัด ไม่ใช่แค่วัตถุ เพียงแต่วัตถุมันเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดอย่างที่ผมบอก

: หากคนที่ไม่มีความสุขในชีวิตเลยทำอย่างไร?

1,000 ปีก่อนคริสตกาลที่ผ่านมานั้น ภายใต้สมมติฐานว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาให้ไม่มีความสุข คุณถึงต้องไปอยู่กับพระเจ้า ก็ถูกแล้ว “การไม่มีความสุขเป็นเรื่องปกติ” เพราะฉะนั้น กลับไปสู่ประเด็นที่ผมพูดตั้งแต่เริ่มต้นโมเมนต์ที่คุณมีความสุขจึงเป็นเพียงแค่เสี้ยวเวลาหนึ่งในชีวิต เพราะฉะนั้น ความสุขเป็นช่วงเวลาสั้นมาก

สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ผมอยากใช้คำว่า “เราถูกสาปให้ต้องแสวงหาความสุข” ยิ่งทำให้เราต้องหนักข้อขึ้นไปอีกเพราะเราต้องแสดงให้คนอื่นดูด้วย จะทำยังไงเพื่อจะบอกว่าเรามีความสุขเพราะความสุขจะมีความหมายได้ก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้เก็บไว้คนเดียว คุณต้องแสดงออก เราก็ต้องแชร์สิ่งพวกนี้

มนุษย์เกิดมาด้วยการแชร์ เหมือนเวลาคุณเรียกเพื่อนมางานวันเกิดคุณ คุณอยากแชร์ความสุข ใครตายสักคนคุณก็ต้องไปงานศพ ก็แชร์ความทุกข์ สิ่งมีชีวิตต้องแชร์อะไรบางอย่าง เราเกิดก็เริ่มต้นมาจากการแชร์ พ่อแม่เราแชร์-แลกเปลี่ยน DNA ถึงกลายมาเป็นเรา

: ไม่อยากอยู่แล้วที่นี่ อยากย้ายที่อยู่ คนอื่นมีชีวิตที่ดีกว่า

เป็นเรื่องธรรมดา ฝรั่งก็มีคำที่บอกอยู่ว่า “หญ้าบ้านคนอื่นเขียวกว่าหญ้าบ้านตัวเอง” ทุกคนเป็นหมด ผมบอกแล้วว่าความสุขก็เกิดจากการให้คุณอิจฉา กลับไปสู่สิ่งที่ผมพูดตั้งแต่แรกว่าความสุขไม่ได้เกิดขึ้นโดดๆ มนุษย์ไม่ได้อยู่คนเดียวโดดๆ คุณต้องแบ่งปันและแชร์สิ่งเหล่านี้กับคนอื่น ในโลกปัจจุบัน

ส่วนใครที่บอกว่าให้คุณ “จงมีความสุขซะ” เรามอบความสุขให้แล้ว อย่างนั้นเป็นพวกเซลส์แมนขายของ ความสุขไม่ใช่เรื่องที่จะมีกันง่ายๆ ถึงมีก็อยู่กับเราไม่นานด้วย