Daniel Arsham. Venice 3024 การเดินทางสำรวจซากอารยธรรมในโลกอนาคต 1000 ปีข้างหน้า

ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์

Daniel Arsham. Venice 3024

การเดินทางสำรวจซากอารยธรรมในโลกอนาคต 1000 ปีข้างหน้า

 

ในมหกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ ครั้งที่ 60 ในปีนี้ เรามีโอกาสได้ไปชมนิทรรศการศิลปะของศิลปินระดับโลกผู้หนึ่งที่จัดขึ้นในกรุงเวนิส ประเทศอิตาลี ในช่วงเวลาเดียวกัน

ศิลปินผู้นั้นมีชื่อว่า

แดเนียล อาร์ชัม (Daniel Arsham) ศิลปินชาวอเมริกันผู้ยืนอยู่บนพรมแดนของศิลปะ สถาปัตยกรรม งานออกแบบ และศิลปะการแสดง

เขาเติบโตในไมอามี สหรัฐอเมริกา โดยจบการศึกษาจากสถาบัน Cooper Union ของนิวยอร์ก ที่นั่นเขาได้รับรางวัล Gelman Trust Fellowship Award ในปี ค.ศ.2003

ผลงานของอาร์ชัมมักเล่นกับนิยามของงานสถาปัตยกรรมตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นผนังอาคารที่ผุกร่อนทะลุเป็นรูจนมองเห็นห้องอื่นๆ ได้ไม่รู้จบ หรือบันไดที่ไม่มีจุดหมายให้ไปถึง และภูมิทัศน์ที่ปกคลุมด้วยธรรมชาติซุกซ่อนอยู่ภายในตัวอาคารเป็นต้น

อาร์ชัมผลักพรมแดนทางสถาปัตยกรรมให้กว้างไกลออกไปสู่ขอบเขตที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ด้วยการขุดลึกลงไปในประสบการณ์รอบตัวในชีวิตประจำวัน และใช้รูปทรงกับพื้นที่เหล่านั้นสร้างความสับสน ฉงนสนเท่ห์ และคาดไม่ถึงให้กับผู้ชม ผ่านผลงานประติมากรรมจัดวางอันเรียบง่าย แต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความแปลกประหลาดน่าพิศวง

ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรมรูปผนังอาคารที่ส่วนหนึ่งยื่นออกมาเป็นรูปทรงพลิ้วไหวเหมือนผ้าม่านปลิวลม

ประติมากรรมรูปร่างคนที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้ายับย่นที่กลืนไปเป็นเนื้อเดียวกับผนัง

หรือประติมากรรมรูปทรงวัตถุสมัยใหม่ ทั้งโทรศัพท์ นาฬิกาปลุก กล้องถ่ายรูป เทปคาสเส็ต หูฟัง แล็บท็อปคอมพิวเตอร์ ฯลฯ

ซึ่งทั้งหมดมีรูปลักษณ์แตกกะเทาะ ผุกร่อนสึกหรอ ราวกับถูกนักโบราณคดีจากโลกอนาคตขุดค้นพบ

การทดลองทางโครงสร้าง การสำรวจประวัติศาสตร์รอบตัว และการเสียดสีอย่างเจ็บแสบ เปี่ยมด้วยอารมณ์ขันและปฏิภาณ ทั้งหมดทั้งมวลนี้หลอมรวมอยู่ในผลงานศิลปะที่สำรวจ และตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นจริงและจินตนาการของอาร์ชัมตลอดมา

ในปี 2004 อาร์ชัมเข้าร่วมในนิทรรศการ “Miami Nice” ในแกลเลอรี Perrotin (ปารีส) หลังจากนั้นเขากลับไปไมอามี และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งแกลเลอรี The House และ Placemaker

ในปีเดียวกัน นักออกแบบท่าเต้นระดับตำนานชาวอเมริกัน เมิร์ซ คันนิงแฮม (Merce Cunningham) ขอให้อาร์ชัมออกแบบฉากและเวทีให้กับการแสดง eyeSpace ของเขา ซึ่งได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นฉากอันงดงามน่าพิศวง

อาร์ชัมเข้าร่วมทัวร์การแสดงกับสำนักเต้นของคันนิงแฮมในออสเตรีย ยุโรป และทั่วสหรัฐอเมริกา แถมฉากเวทีที่อาร์ชัมออกแบบให้คันนิงแฮมก็ถูกสะสมเป็นคอลเล็กชั่นถาวรของพิพิธภัณฑ์ Walker Art Center อีกด้วย

และถึงแม้จะไม่มีพื้นฐานการออกแบบเวทีละครมาก่อน แต่เขาก็ยังทำงานนี้อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมงานกับ โรเบิร์ต วิลสัน (Robert Wilson) ศิลปินและผู้กำกับละครเวทีเชิงทดลองระดับแนวหน้าของอเมริกัน และ โจนาห์ โบเคียร์ (Jonah Bokear) อดีตนักเต้นในสำนักของคันนิงแฮม ออกเดินสายการแสดงไปทั่วโลก ทั้งในพิพิธภัณฑ์ New Museum, สถาบัน Institut Valenci? d’Art Modern (IVAM) ในสเปน, เทศกาล Hellenic Festival ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ, เทศกาล Jacob Pillow dance Festival ในแมสซาชูเซตส์ และเทศกาล Festival d’Avignon อันเลื่องชื่อในฝรั่งเศส

อาร์ชัมยังร่วมงานกับศิลปินฟังก์ร็อก ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี และโปรดิวเซอร์ชื่อดังของโลกอย่าง ฟาร์เรล วิลเลียมส์ (Pharrell Williams) ทำผลงานประติมากรรมชุดรูปหล่อโพรงขี้เถ้าภูเขาไฟจากคีย์บอร์ดตัวแรกของวิลเลียมส์อีกด้วย

ในปี 2007 อาร์ชัมร่วมกับ อเล็กซ์ มัสโตเน็น (Alex Mustonen) ก่อตั้งสตูดิโอศิลปะและดีไซน์ Snarkitecture ขึ้นในนิวยอร์ก เพื่อสำรวจพรมแดนระหว่างสถาปัตยกรรม ศิลปะ และงานดีไซน์ และมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โครงการทางสถาปัตยกรรม ศิลปะจัดวาง และศิลปวัตถุที่เป็นตัวสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้คนและสังคม โดยได้แรงบันดาลใจจากข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการผสมผสานงานศิลปะ สถาปัตยกรรม และงานดีไซน์ เพื่อเปิดประตูสู่ผลลัพธ์แห่งการสร้างสรรค์ใหม่ๆ อันเปี่ยมจินตนาการ รวมถึงออกแบบผลงานดีไซน์ที่มีฟังก์ชั่นใช้งานได้จริงอีกด้วย

อาร์ชัมแสดงผลงานในศูนย์ศิลปะร่วมสมัย P.S.1 ในนิวยอร์ก, พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งไมอามี, เทศกาลศิลปะ Athens Biennale ในกรุงเอเธนส์, พิพิธภัณฑ์ New Museum ในนิวยอร์ก, พิพิธภัณฑ์ Mills College Art Museum ในโอ๊กแลนด์ แคลิฟอร์เนีย และพิพิธภัณฑ์ Carr? d’Art ในเมืองนีมส์ ประเทศฝรั่งเศส

กลับมาที่นิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งล่าสุดของ แดเนียล อาร์ชัม ในเมืองเวนิสครั้งนี้ในชื่อว่า Daniel Arsham. Venice 3024 ที่นำพาผู้ชมเดินทางไปยังอนาคตในอีก 1,000 ปีข้างหน้าของเมืองเวนิส ด้วยการหลอมรวมซากอารยธรรมของกรีกและโรมันโบราณเข้ากับวัตถุจากวัฒนธรรมป๊อปในยุคสมัยของเรา

วัตถุเหล่านี้เต็มไปด้วยร่องรอยแตกกะเทาะ ผุกร่อน ตกผลึก และคราบตะกอน ราวกับเป็นเถ้าภูเขาไฟที่ผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลาอันยาวนานนับพันปี

ทั้งประติมากรรมปูนพลาสเตอร์ที่จำลองรูปสลักหินอ่อนและรูปปั้นสำริดของกรีกและโรมันโบราณของทวยเทพ เทพี และรัฐบุรุษต่างๆ ที่แตกกะเทาะ ผุกร่อน จนเผยให้เห็นร่องรอยของตะกอนผลึกภายใน ประติมากรรมเหล่านี้บางตัวยังผสานตัวเข้ากับตัวละครในการ์ตูนอะนิเมะญี่ปุ่น

ลักษณะการผสมผสานเช่นนี้ยังปรากฏในงานจิตรกรรมลวดลายกระเบื้องโมเสก ที่เขาร่วมงานกับ Bisazza แบรนด์กระเบื้องโมเสกดีไซน์ชั้นนำของโลก โดยนำเสนอตัวละครลูกครึ่ง (ครึ่งจริงๆ คือเป็นซีกซ้ายและขวาประกบกัน) ระหว่างประติมากรรมกรีกโบราณและตัวการ์ตูนอะนิเมะออกมาอย่างขัดแย้งแต่ก็ลงตัวอย่างน่าประหลาด

ภายในนิทรรศการยังมีประติมากรรมของตัวละครในวัฒนธรรมป๊อป จากภาพยนตร์ที่เรารู้จักกันดีอย่าง ตัวละคร C-3PO และ Stormtrooper ในหนัง Star Wars หรือรถยนต์ DeLorean ไทม์แมชชีน ในหนัง Back to the Future ราวกับเครื่องเดินทางข้ามเวลาชิ้นนี้จะนำพาวัตถุเหล่านี้จากอนาคตข้างหน้านับพันปีกลับมาเผยโฉมให้เราเห็นในนิทรรศการครั้งนี้ก็ไม่ปาน

แถมประติมากรรมเหล่านี้ยังถูกทำออกมาอย่างถูกต้องสมจริง ยังกับได้รับการสนับสนุนจากสตูดิโอหนังทั้งสองเรื่องนี้ยังไงยังงั้นเลย!

นอกจากนี้ ยังมีผลงานศิลปะในรูปของยวดยานพาหนะอย่าง Eroded Blue Calcite Superveloce 800, 2023 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีขาว ประดับด้วยร่องรอยแตกกะเทาะตกผลึกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในผลงานของอาร์ชัม ที่เปิดตัวในงานแสดงศิลปะนานาชาติ Art Basel Miami Beach ในปี 2023 ที่ผ่านมาอีกด้วย

เมื่อผนวกกับบรรยากาศและผลงานศิลปะโบราณที่ตกแต่งในพื้นที่จัดแสดงงานในโบสถ์โรมันคาทอลิกโบราณในยุคศตวรรษที่ 13 อย่าง Santa Caterina (Chiesa di Santa Caterina) ในกรุงเวนิส ซึ่งเคยถูกเพลิงไหม้ในช่วงปี 1970 จนเราสามารถเห็นร่องรอยการเผาผลาญจากไฟหลงเหลืออยู่ ยิ่งขับเน้นให้ผลงานเหล่านี้เต็มไปด้วยความงดงามอันเปี่ยมมนต์ขลังอย่างน่าประหลาด

แต่ที่ยอกย้อนอย่างแรงก็คือ ถึงแม้จะเป็นนิทรรศการของศิลปินระดับโลกที่เปี่ยมคุณภาพขนาดนี้

แต่นิทรรศการครั้งนี้กลับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ ไม่แม้แต่จะเป็น Collateral event หรือนิทรรศการเสริมของมหกรรม

แถมที่ลักลั่นกว่านั้นก็คือ ทางผู้จัดนิทรรศการยังไม่ได้รับอนุญาตติดป้ายชื่อนิทรรศการขนาดใหญ่หน้าพื้นที่แสดงงานจนต้องเอามาติดตั้งไว้ข้างในอาคารแทน ได้แต่แขวนโปสเตอร์งานตรงหน้าต่างโบสถ์

ทำให้ผู้ชมงาน เวนิส เบียนนาเล่ ที่เดินผ่านไปผ่านมาอาจพลาดโอกาสที่จะชมนิทรรศการนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

เอาเป็นว่า ถ้าใครมีโอกาสไปชมงานเวนิส เบียนนาเล่ ก็ลองไปชมกันก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนน่ะนะ

นิทรรศการ Daniel Arsham. Venice 3024 จัดแสดงที่โบสถ์ Santa Caterina (Chiesa di Santa Caterina) เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2024-15 กันยายน 2024 •

ภาพถ่ายโดย ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์

อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์