คนโดนสิงห์ : ใจสั่งมา

คอลัมน์ Technical Time-Out

เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่า” “ใจสั่งมา” คือคำแก้ตัวอันสุดแสนจะคลาสสิค สำหรับการย้ายทีมของนักฟุตบอลสมัยนี้ โดยเฉพาะเมื่อมันดันไปเหลื่อมล้ำกับ” “ความถูกต้อง” แต่ก็เต็มไปด้วยความ “ย้อนแย้ง” ในกรณีไปไม่มาลาไม่ไหว้ที่ “ฟิลิปเป้ คูตินโญ่” ย้ายจากลิเวอร์พูลไปบาร์เซโลน่า สมใจอยากในตลาดซื้อขายรอบ 2

หรืออาจมีเส้นบางๆ คั่นกลาง ระหว่าง 2 คำดังกล่าว จนยากตัดสินได้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่ผิด

อันที่จริง ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเป็นเรื่องที่เกินคาดคิดเหมือน “เจอร์เก้น คล็อปป์” บอกไว้หลังการบินอ้าวไปบาร์ซ่าของแข้งทีมชาติบราซิลวัยเบญจเพสว่า “คูตี้” ไม่เคยปกปิดกับตัวเขา (คล็อปป์), เจ้าของสโมสร หรือเพื่อนร่วมทีมว่า ต้องการไปสวมเสื้อบาร์เซโลน่า นับจากโดนทีมหงส์แดงเตะตัดขาไม่ให้ย้ายในตลาดรอบแรกหลายเดือนก่อน

แต่คูตินโญ่ไม่ยักกะบอก “เดอะ ค็อป” ทั้งโลกให้รับรู้กันไปเลยว่า เขาจริงใจแค่ไหนที่จะกล่าวแบบเต็มปากเต็มคำว่า จะไม่ลดละความพยายามเผ่นหาบาร์ซ่า! เพราะถ้าบ้า (บิ่น) ทำอย่างนั้นจริง คงได้ทั้ง “ใจ” เดอะ ค็อป โลกไม่สวย ทว่าคงได้ “เท้า” เดอะ ค็อป โลกสวยที่รับไม่ได้ แน่นอนว่าเขาเลือกที่จะไม่ทำแบบแรก ไม่อย่างนั้นก่อนหน้าย้ายไม่ถึงเดือน คงไม่กล้าบอกว่า

“ผมยังเป็นนักเตะลิเวอร์พูล และจะทำให้ดีที่สุดเมื่อได้โอกาสลงสนาม เพื่อเป็นการแสดงความนับถือสโมสร และแฟนบอล แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น และทุกคนจะรู้เองในเดือนมกราคม”

 

เอาจริงๆ การไปหาสิ่งดีกว่า หรือเรียกให้สวย, ดูดี และมีน้ำหนักขึ้นมาหน่อยก็คือ “ความก้าวหน้า” ไม่ใช่สิ่งผิดขนาดต้องด่าพ่อล่อแม่ ตราบใดที่ “เงิน” ถูกยกให้เป็น “ปัจจัย 5” ในชีวิตคนเราไปแล้ว ใครจะเพี้ยนย่ำอยู่กับที่พร้อมลูกเมียนั่งมองตาปริบๆ ทุกคนอยากกอบโกยตอนน้ำกำลังขึ้น เพื่อสะสมทุนชีวิตยามบั้นปลายกันเกือบทั้งนั้น

แถมชีวิตนักฟุตบอลก็แสนสั้น ต่างจากหลายอาชีพ บวกความสุ่มเสี่ยงเจ็บหนัก เจ็บเรื้อรังได้ตลอด แล้วยิ่งคูตินโญ่มีทีมในดวงใจเป็นบาร์ซ่าด้วยแล้วเลยไปกันใหญ่ ประกอบกับถูกสกัดไม่ให้ไปคัมป์นูในตลาดหน้าร้อน และต้องระบายออกมาเป็นน้ำตา หลังทำประตูให้ชาติบ้านเกิดเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก นัดชนะเอกวาดอร์ เป็นเรื่องคาใจที่สุมอยู่ในอก

เพียงแค่รอวันระเบิดออกมาเท่านั้น

 

เดอะ ค็อป ที่รับได้กับความจริง ย่อมบรรลุทันทีว่า “ใจ” ของคูตี้ไม่ได้อยู่กับพวกเขาอีกแล้ว ดังนั้น ทุกสิ่งนับจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มสุดยอดทั้งยิงทั้งจ่าย และการมีอารมณ์ร่วมโดยมีปลอกแขนกัปตันทีมบางนัด ล้วนเป็นการทำตามหน้าที่ในฐานะผู้เล่นลิเวอร์พูล และเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ ซึ่งดูแล้วช่างเย็นชาเหลือเกิน

เหมือนที่เขา “ไม่กล้า” แม้แต่จะบอกใบ้ให้แฟนบอลหงส์แดงในแอนฟิลด์รับรู้เป็นนัย ด้วยการหันไปปรบมือไปครบอัฒจันทร์ทุกด้าน ขณะโดนเปลี่ยนตัวออกท้ายเกมชนะเลสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 30 ธันวาคม ทั้งที่ตัวเขารู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นการลงเล่นต่อหน้าเดอะ ค็อป ครั้งสุดท้าย

เรียกได้ว่าตลอดเกือบ 5 ปีเต็มที่ร่วมหัวจมท้ายกันมา ลิเวอร์พูล และเด็กหงส์ทั่วโลก เป็นแค่หนึ่งในทีม และคนรู้จักที่เขาเคยทำงานให้ ไม่ใช่ทีมที่ให้โอกาสเขากลายเป็น ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ซึ่งมีค่าตัวสูงสุดอันดับ 3 ตลอดกาลในโลกลูกหนังอย่างทุกวันนี้

จึงไม่แปลกที่คูตี้จะเอ่ยถึงลิเวอร์พูล และเดอะ ค็อป ตามมารยาทในงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับบาร์เซโลน่าว่า ขอบคุณทุกช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก่อนร่ายยาวเป็นหางว่าวกับทีมใหม่ล้วนๆ แม้จะกลับลำเปิดใจผ่านโลกออนไลน์อินสตาแกรมส่วนตัววันถัดมายาวเหยียดไม่แพ้กัน ทว่าก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก

เนื่องจากความซึ้งที่แฝงมากับทุกตัวอักษร มันขัดแย้งกับการกระทำก่อนหน้านี้ รวมทั้งยังเขียนสโลแกนอมตะหงส์แดงทิ้งท้ายว่า” “คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย” (You”ll Never Walk Alone)”

แต่ตอนนี้ตัวเองขอแยกวงไปเดินที่อื่นก่อน

 

หลายคนบอกว่า การย้ายทีมหนนี้ “วิน-วิน” กันทุกฝ่าย คูตินโญ่ได้เดินตามฝันกับทีมในฝัน บาร์ซ่าได้ตัวแทนสมน้ำสมเนื้อของเนย์มาร์ ส่วนลิเวอร์พูลได้เงินจากการขาย 160 ล้านยูโรไปล่าแข้งทีมอื่นที่ต่ำชั้นกว่า เฉกเช่นกงเกวียนกำเกวียนที่ตัวเองถูกบาร์ซ่าดูดกำลังหลักทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ และคูตี้ ไปต่อหน้าต่อตา

แต่หากเลือกได้ ลิเวอร์พูลกับกองเชียร์คงไม่สนเงินก้อนโต ต่อให้วงการนี้เป็นธุรกิจเต็มรูปแบบไปแล้ว

ทว่าในเมื่อตัวนักเตะอ้างความเป็นมืออาชีพ และเสียงเรียกร้องจากหัวใจเป็นที่ตั้ง ก็ยากรั้งคนที่ไม่มีใจให้เสียเวลากันทุกฝ่าย เพราะต้องไม่ลืมว่าคนเรามีเหตุผลร้อยแปด

หนึ่งในนั้นไม่พ้น “ใจสั่งมา” ต่อให้มันไปไม่ได้กับ “ความถูกต้อง” ก็ตาม