ศัลยา ประชาชาติ : รัฐธรรมนูญฉบับ “โลกใหม่” หมดเวลา พญาครุฑ “มีชัย” ส่งไม้ต่อ พญาราชสีห์ “วิษณุ”

เหล่าเนติบริกร ร่วมกันเดิน แยกกันตี 4 ปีในวงอำนาจ คสช.

“มีชัย ฤชุพันธุ์” มาเปิดใจกับ “มติชนสุดสัปดาห์และประชาชาติธุรกิจ” ภายใต้ความมั่นใจว่าได้จัดโครงสร้างประเทศ-วางผังอำนาจ 3 ใหม่

ส่วนวันเลือกตั้งใหญ่ ไม่มีใครยืนยันแน่ชัด-ยากที่จะคาดคะเนว่าเป็นเมื่อใด

แม่น้ำอำนาจทั้ง 5 สาย-ส่ายหน้า “ไม่ใช่ปี 2561” ค่อนข้างแน่

อย่างเร็วไม่เห็น อย่างช้า “มีชัย” ขีดเส้นไว้ให้ที่ “ไตรมาสแรก” ปี 2562

“เงื่อนไขจะอยู่ที่กฎหมาย 2 ฉบับเท่านั้น ซึ่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ยังไม่รู้ว่าจะออกมาใช้บังคับเมื่อไหร่ ตราบใดที่กฎหมายยังไม่ออกมา จะเริ่มนับวันเลือกตั้ง วันไหน ก็ยังตอบไม่ได้ โดยประมาณน่าจะอยู่ในปลายปี 2561 หรืออย่างช้าเลื่อนไป 2 เดือน น่าจะราวไตรมาสแรกของปี 2562” มีชัยระบุ

เมื่อวันเลือกตั้งถูกเลื่อน-ลอยไปไม่สิ้นสุด เสียงของพรรคการเมืองกระหึ่มขึ้น พรรคใหญ่ชงลูกไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ “มีชัย” ปรามว่า “ช้าก่อน อย่าใจร้อน อยากจะไปถึงเลือกตั้งเร็วๆ ให้บอกว่ากังวลด้วยเหตุผลอะไร เพราะตอนนี้หน้าตากฎหมายลูกยังไม่ชัด”

“มาตรา 44 เรื่องเลื่อนปลดล็อก มันเกิดเหตุซึ่งจะโทษใครไม่ได้ เพราะเป็นปัจจัยนอกเหนือจากที่เราคำนวณกันไว้ เมื่อฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถเปิดล็อกได้ เวลาก็เดินมาเรื่อย เพื่อไม่ให้ความเดือดร้อนกับพรรคการเมืองก็ต้องแก้ตรงนั้น คสช. ไม่ได้แก้เนื้อหาภายในรัฐธรรมนูญ”

สำหรับนักการเมืองที่คาใจ ว่ากฎ-กติกาใหม่ จะทำให้เส้นทางสู่อำนาจไม่ราบรื่น “มีชัย” ไม่ปฏิเสธ-สำทับว่า “คงจะจริงในส่วนของคนไม่ดี เพราะมีการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามไว้เข้มงวด จะสกัดคนเหล่านั้นออกไป ดังนั้น ที่เคยหยิบใครมาก็ได้ ก็จะไม่สะดวกอย่างนั้นแล้ว”

 

แม้โลกหลังเลือกตั้ง จะยากเกินกว่า “มีชัย” จะจินตนาการ แต่เขาคาด-และหวังว่า “ผมไม่เคยคิดว่าจะมีพรรคทหาร เพราะบทเรียนเก่าๆ มันบอก ผมฝันอยากเห็นใครคนใหม่ ตั้งพรรคใหม่ คนยังไม่มีแผล มีอุดมการณ์ ไม่ต้องกอบโกย เทียบนักการเมืองเก่า ผมว่าประชาชนอาจจะเลือกคนใหม่”

“มีชัย” เขียนรัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ นับไม่ถ้วน ความยากของฉบับ “โลกใหม่” คือ “การโน้มน้าวใจคนการเมืองให้เห็นดีเห็นงามกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น แต่เอาเข้าจริงพบว่าประชาชนเข้าใจง่ายกว่านักการเมือง”

เจ้าตำรับถาม-ตอบข้อกฎหมาย-กติกาการเมืองแห่ง www.meechaithailand.com ชี้ขาดว่า ผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะชิงชัย แพ้-ชนะ ขึ้นอยู่กับ “โลกโซเชียลมีเดีย”

“นักการเมืองก็ใช้ตัวนั้นเป็นตัวหลอกล่อ แต่เราก็เขียนกฎให้อำนาจไว้ป้องกัน ว่าถ้านักการเมืองทำ หรือใครทำ โดยใช้ข้อมูลไม่ถูกต้องจะถูกสกัดได้…เราต้องดูทั้งบุคคลสาธารณะ ที่มีชื่อเสียง มีสมาชิกติดตามมากๆ ว่าเขาชี้ไปในทางทิศไหน ก็จะมีผลต่อคะแนนเสียง ดังนั้นช่วง 3 วัน 7 วัน ก่อนเลือกตั้ง อาจจะต้องมีการมอนิเตอร์”

 

ถามถึงชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ถูกกล่าวขวัญถึงทั้งโลกโซเชียลในเวลานี้ ว่าคะแนนจะดีไปจนถึงวันเลือกตั้งหรือไม่ “มีชัย” บอกว่า “ยังยากจะคาดเดา แต่ก็ต้องดูว่าท่านพร้อมที่จะเหนื่อยต่อไปหรือเปล่า ท่าทางก็เหนื่อยอยู่ การยอมรับหรือไม่ยอมรับเป็นเรื่องของประชาชน เราไปคะเน ไปบอกอะไรล่วงหน้าไม่ได้ ต้องถึงเวลาแล้วมันต้องอยู่ที่เจ้าตัวและประชาชนจะสื่อสารถึงกัน เราไปคะเนไม่ได้”

มีคนอยากรู้กันว่า ตอนร่างกติกา “นายกฯ นอกบัญชี-นอกสภา” ในใจคิดหน้าตาว่าที่นายกรัฐมนตรีละม้ายคล้ายใคร “มีชัย” ตอบจากใจ “ไม่ได้ประเมินหน้าตาแบบไหน ผมคิดว่า… ทำไมเราต้องจำกัด ทำไมไม่เลือกคนที่ดีที่สุดมาเป็นนายกรัฐมนตรี”

และหาก “ทหาร” จะคืนอำนาจกลับมา “จะไปห้ามอะไรเขาได้ แต่ละคนก็มีเหตุผลของเขา”

“มีชัย” อ่านใจทะลุ “พล.อ.ประยุทธ์” ว่าถ้าต้อง “อยู่ต่อ” มีบ่วงห่วงเรื่อง “ปฏิรูป” เรื่องเดียว

“ลำพังตัวท่านนายกฯ เองอยากขนของกลับบ้านตั้งแต่วันนี้ วันพรุ่งนี้ เพราะเดินหน้ามาไกลเรื่องการปฏิรูป แต่ยังไม่เห็นผล มันมีกระบวนการยาว และต้องใช้ความอดทน แต่แผนการปฏิรูปมันจะเป็นช่วงๆ ไม่เกิน 5 ปี บางอย่าง 2 ปี บางอย่าง 1 ปี แต่จะต้องเริ่มเห็นผลในปีที่ 3 เป็นอย่างน้อย ว่าจะไปทางทิศไหน”

 

ปฏิทิน-ปฏิรูป “มีชัย” กะเกณฑ์ได้โดยคร่าว แต่ปฏิทินส่วนตัว เขาวางวันที่จะหันหลังให้รัฐสภา และจะไม่กลับมาอีกแล้ว คือ “วันที่กฎหมายฉบับสุดท้ายประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ก็จบ ตราบใดที่ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ยังเปลี่ยนแปลงได้ กรธ. ต้องคอยดูว่าจะมาร่างให้เขาใหม่หรือไม่”

“มั่นใจว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นฉบับสุดท้าย เพราะโดยสภาพร่างกายทำไม่ได้ พ้นวัยของเราที่จะทำ โชคดีที่ร่างกายไม่ล้มกลางคัน งานนี้มันแสนเข็ญนะ ใช้พลังงานมากที่สุดในชีวิต ผมเคราะห์หามยามร้ายนะ ไม่ใช่ของสนุก ต้องกินยานอนหลับทุกคืน เพื่อให้หลับลึก”

เมื่อพญาครุฑทางกฎหมาย ฉายาที่ “วิษณุ เครืองาม” ให้ไว้กับความเป็น “มีชัย” ต้องปลดระวางครั้งสุดท้าย เขาไม่ปรารถนาจะวางทายาท แต่ย้อนยก “วิษณุ” เป็น “พญาราชสีห์” ทางกฎหมาย เพราะ “เป็นคนครบเครื่อง ทั้งรอบรู้เรื่องความรู้กฎหมาย ประวัติศาสตร์ เขามีความจำดี สามารถนำสิ่งที่จำมาร้อยเรียงได้ นั่งฟังทั้งวันไม่เบื่อ คนแบบนี้หายาก”

ส่วน “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” เนติบริกรคนสุดท้องนั้น “มีชัย” ให้ข้อพึงคิดว่า “สักวันหนึ่งเขาก็เป็นพญาราชสีห์ได้เหมือนกัน แต่เขาอาจจะไม่เย็น พอไม่เย็น ตัวเองจะทุกข์”

นี่อาจเป็นบันทึกประวัติศาสตร์-ปากคำสุดท้าย “มีชัย” ในฐานะผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับโลกใหม่ 2 แผ่นดิน