ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

ตรวจแถวรถเด่น…ปี “2018” เรนเจอร์ แร็พเตอร์-มาสด้า CX-8

ค้างกันไว้จากฉบับที่แล้วเรื่องรถใหม่ที่จะมาในบ้านเรา

เริ่มกันที่ “นิสสัน” มาแน่นอนตามที่ผู้บริหารประกาศไว้คือ “ลีฟ” รถยนต์ไฟฟ้า100% หรืออีวี รุ่นขายดีที่สุดในโลก เจเนอเรชั่นล่าสุดสวยงามและดูสปอร์ตขึ้นเยอะ

อีกรุ่นคือ “นิสสัน พาลาดิน” รถพีพีวี หรือปิกอัพดัดแปลง หลังปล่อยให้ค่ายอื่นขายกันสนุก มีคิวเปิดตัวครั้งแรกในงานเซี่ยงไฮ้ มอเตอร์โชว์ ประเทศจีน เดือนเมษายนนี้ จากนั้นจึงเริ่มทำตลาดในประเทศต่างๆ รวมถึงเมืองไทย ใช้พื้นฐานเดียวกับนิสสัน นาวาร่า แต่ดูบึกบึนดุดันกว่า

ขนาดใกล้เคียงกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน เครื่องยนต์มีทั้งดีเซล ที่ประจำการอยู่ในนาวาร่า และเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 7 สปีด

พร้อมกันนี้นิสสัน เตรียมส่งเทคโนโลยี “e Power” ใช้เครื่องยนต์เป็นเครื่องปั่นไฟ เพื่อส่งกำลังไฟฟ้าไปยังมอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนตัวรถ ส่วนจะนำมาใส่กับรุ่นไหน ต้องรอลุ้นกันต่อไป

“มาสด้า” จัดให้กับ “มาสด้า CX-8” ที่หน้าตาคล้ายมากกับเจ้า CX-5 แต่มีเบาะนั่ง 3 แถว เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการรถอเนกประสงค์แบบ SUV 7 ที่นั่งแท้ๆ

ดีไซน์ภายนอก ภายใน ใกล้เคียงกับ CX-5 แต่ที่น่าตื่นตาคือความกว้างขวาง ทีมงานวิศวกรมาสด้ายืนยันว่า การยืดตัวให้ยาวขึ้นทำให้เบาะนั่งแถวสามนั่งแล้วไม่อึดอัด

ขุมพลังเลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 190 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

ขณะที่ “มาสด้า CX-9” SUV สุดหรูหราอลังการมาร่วมขบวนด้วย แต่ราคาน่าจะเอาเรื่อง คงเน้นในด้านภาพลักษณ์มากกว่า

 

สุดท้ายคือปิกอัพ ที่มาสด้าโยกสายพานการผลิตไปให้ “อีซูซุ” ช่วยดำเนินการ เพื่อตัวเองจะได้รุกผลิตรถยนต์นั่งเป็นหลัก น่าจะเห็นในช่วงปลายปี หรือถ้าไปทันก็ต้นปี 2562

ข้ามฟากมาที่แบรนด์อเมริกัน “ฟอร์ด” ที่ประสบความสำเร็จกับปิกอัพ “เรนเจอร์” และพีพีวี “ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์” อย่างมาก จึงต่อยอดความสำเร็จด้วยรุ่นพิเศษ “เรนเจอร์ แร็พเตอร์” ที่น่าจะมาทดแทน “เรนเจอร์ ไวลด์แทรค” ซึ่งแน่นอนว่าจุดเด่นคือชุดแต่ง ซึ่งเจ้าแร็พเตอร์ดูดุดันกว่าพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ หรือสมรรถนะ เพื่อเอาใจขาลุยโดยเฉพาะ

เครื่องยนต์ยังมีทั้งดีเซล 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตร ที่วางอยู่ในรุ่นปัจจุบัน พร้อมทั้งเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ ECO BLUE 2.0 ลิตร 4 สูบ VG TURBO ที่ให้กำลังมากขึ้น และมาในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ ให้ทั้งความประหยัดและปล่อยไอเสียน้อยลง

ตลาดรถหรูช่วงปี 2560 ขายดิบขายดีเหลือเกิน และเริ่มมีทิศทางชัดเจนว่าเทน้ำหนักไปยังพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะกลุ่ม “ปลั๊กอิน ไฮบริด” ลูกผสมน้ำมัน+ไฟฟ้า และเสียบชาร์จได้

เจ้าตลาดอย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ปีที่แล้วปล่อยรถรุ่นใหม่และรุ่นไมเนอร์เชนจ์แบบยิงสลุตถึง 18 รุ่น

ปีนี้น่าจะเพลาๆ ลงบ้าง แต่ก็มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ อาทิ “The New CLS” รถยนต์คูเป้ที่ได้รับความนิยมจากนักเลงรถหรูบ้านเราอย่างมาก

รุ่นใหม่ความหรูหราสง่างามยังคงอยู่ ภายนอกดูปราดเปรียวตามลักษณะของรถยนต์แบบคูเป้ ภายในคอนโซลแนวนอนยาว หน้าจอขนาดใหญ่ 2 จอ แสดงภาพมาตรวัดเสมือนจริง หน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ควบคุมด้วยระบบสัมผัส พร้อมช่องแอร์ทรงใบพัดตามสไตล์รถสปอร์ตของค่ายนี้

“กังหันฟ้า-ขาว” บีเอ็มดับเบิลยู ก่อนงานมอเตอร์โชว์ เดือนมีนาคมนี้ ที่ได้เจอกันแน่ๆ “บีเอ็มดับเบิลยู X2” สปอร์ต ครอสโอเวอร์ 5 ประตูขนาดเล็ก ที่จะมาเติมเต็มให้กับตระกูล X ของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ในบ้านเรามีให้เลือกตั้งแต่ X1 X3 X4 X5 และ X6

หน้าตากระเดียดไปทาง X4 แต่ภายในดูคล้ายกับ X1 ด้วยเพราะพัฒนามาบนแพลตฟอร์มเดียวกัน แต่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเล็กน้อย

เครื่องยนต์คาดกันว่าน่าจะมีทั้งเบนซิน 1.5 ลิตร แบบ 3 สูบ และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รุ่นใหม่ล่าสุด ที่นัยว่าให้แรงบิดมหาศาล

ทั้งหมดนั้นคือบางส่วนของรถใหม่ที่รอเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งทุกค่ายรถมั่นใจว่าปี 2561 จะเป็นอีกปีทองของวงการรถยนต์เมืองไทย เห็นได้จากทัศนะของผู้บริหารพูดไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด

อย่าง นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหาร ด้านการขาย และการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่าสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ตลาดเงินตลาดทุนขยายตัว การเมืองที่ค่อนข้างนิ่ง มาตรการ และการลงทุนของภาครัฐ ที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคดีขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่แทบไม่มีปัจจัยลบที่จะมากระทบกับเศรษฐกิจ

“มั่นใจว่ายอดขายตลาดรวมรถยนต์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 900,000 คัน เติบโตขึ้น 7-8% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มเจ้าของรถยนต์ในโครงการรถคันแรก ที่จะกลับเข้ามาซื้อรถใหม่ หลังจากที่พ้นเงื่อนไขห้ามขายภายใน 5 ปีไปแล้ว”

ส่วน นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นในทำนองเดียวกัน การส่งออกเริ่มดีขึ้นตามไปด้วย ตลาดเงินตลาดทุนมีความเชื่อมั่น จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ กลับมาฟื้นตัวชัดเจนต่อเนื่อง เรียกว่าดีขึ้นเรื่อยๆ

นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งยอดขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อปีที่แล้วมากกว่า 50% มาจากกลุ่มนี้และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในอนาคตจะเป็นเซ็กเมนต์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนยอดขายให้กับตลาดรวมรถยนต์ระดับหรูจากนี้ต่อไป

ส่วน นางปนัดดา เจณณวาสิน กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ตลาดหุ้น ตลาดทุนดีมาก ทำให้ตลาดรถค่อนข้างสดใส แต่มีปัจจัยเสี่ยง ทั้งในเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตร ที่บางรายการยังไม่ดีขึ้นเท่าใดนัก กับเศรษฐกิจโลกที่มีความอ่อนไหว

เห็นแนวโน้มรถใหม่ที่มาเปิดตัวและทัศนะของผู้บริหารค่ายรถในเมืองไทยแล้ว พอจะมั่นใจได้ว่า

ปี 2561 คงเป็นอีกปีที่ยอดเยี่ยมของวงการยานยนต์ไทยต่อเนื่องจากปี 2560