จดหมาย / ประจำวันที่ 12-18 มกราคม 2561

จดหมาย

0 เวลา-นาฬิกา

วันเดือนปีผ่านผันนั้นเหลือเชื่อ
ตะวันเรื่อแสงงามยามฟ้าสาง
น้ำค้างวะวับวามยามรุ่งราง
แดดจางจางส่องมาชายคาเรือน

เป็นวันที่ปีใหม่ได้มาถึง
เป็นวันซึ่งสมมุติไว้ให้เสมือน
ผ่านฤดู ผ่านห้วงหาว ผ่านดาวเดือน
เวลาเปลี่ยนหมุนไปตามวัยวาร

ไม่มีใครอาจหยุดฉุดรั้งไว้
อันเกิดแก่เจ็บตายในสังขาร
แม้ลาภยศสรรเสริญเพลินพบพาน
ก็ผันผ่านไม่อาจรั้งยั้งไว้ชม

เวลาจึงล้ำค่าคณานับ
แบ่งปันกับมนุษย์สุดเหมาะสม
ให้ได้ใช้ชีวาน่าชื่นชม
ให้สังคมรื่นรมย์ได้สมใจ

ให้พูดคิดทำดีมีประโยชน์
ให้ละโกรธโลภหลงซื่อตรงได้
ให้สร้างรักสร้างปรานีมีทั่วไทย
ให้สุมไฟแห่งความดีนี้ลุกลาม

กราบขอบคุณท่านนี้ที่สร้างรัก
ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกรในโลกสาม
โปรดอวยพรให้ท่านสุขทุกโมงยาม
สมหวังตามทุกใฝ่ฝันทุกวันเทอญ
พญ.ชัญวลี ศรีสุโข

หมอชัญวลี ศรีสุโข พูดถึง “เวลา” อันเชื่อมโยงไปถึง “นาฬิกา”
ทำให้นึกย้อนไปเมื่อปี 2557
ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ กล่าวในการเสวนา “นิธิ 20 ปีให้หลัง” ที่นิตยสารศิลปวัฒนธรรมและสำนักพิมพ์มติชนจัดขึ้น ณ ตึกมติชนอคาเดมี ว่า เป็นนักเล่นนาฬิกา
ทั้งนาฬิกาข้อมือ นาฬิกาแขวนข้างฝา
แต่ซื้อมาในราคาที่ค่อนข้าง “ถูก” (ฮา)
การสะสมนั้น ได้พบอย่างหนึ่งว่า
คุณสามารถหมุนเข็มมันกลับไปสู่อดีตเมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณรู้สึกว่าคุณต้องการ
แต่จะหมุนมันไปเท่าไหร่ก็ตามแต่
มันก็กลับเดินก้าวหน้าต่อไปอีก ไม่ยอมหยุด
เดินไปถึงจุดที่เราไม่อยากให้มันมาถึงจนได้ในสักวันหนึ่งนั่นเอง

ณ บัดนี้
“วันที่ไม่อยากมาให้ถึง” ของคนที่รักนาฬิกา อีกคนหนึ่ง
มาถึงแล้ว
เมื่อต้องเปิดเผย “นาฬิกาแพง-แพง” เหล่านี้มีที่มาอย่างไร

0 สามัคคีคือพลังไทยทั้งชาติ

เรียนคอลัมน์จดหมาย
ปีนี้ ฝนตกห่าใหญ่ในฤดูหนาว
เป็นปรากฏการณ์จะว่าอาเพศก็ได้มั้ง
ยิ่งเกิดเหตุการณ์บ้านเมืองวิกฤต
กล่าวคือ ฝ่ายหนึ่งยื้ออำนาจการปกครองพิเศษหรือเปล่ามิทราบได้ แต่ส่ออาการระยะสุดท้าย
ฝ่ายหนึ่งเรียกตัวเองว่าประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้ง
แต่ปัดแข้งปัดขากันเองตลอดเวลา
เปรียบเหมือนไก่ในเข่งวันตรุษจีน เขาจะนำไปฆ่ายังไม่สำนึก
คงจิกตีกันอยู่นั่นแหละ
มีมวลชนเรียกร้องให้ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตยว่า ใครอยู่ตรงไหน ทำอะไรได้ ให้ทำตรงนั้น ทำเรื่องนั้นๆ มิต้องไปแคร์คนอื่นๆ ที่เห็นต่าง
จุดมุ่งหมายคือ ทำเพื่อระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แม้ว่าระบอบประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง
แต่มิใช่ว่าการเลือกตั้งเป็นระบอบประชาธิปไตยเสมอไป
อย่างน้อยมีข้อคิดหนึ่งเป็นบทกวี ดังนี้

ยืมศัตรูของศัตรูฆ่าศัตรู
กลยุทธ์กูรูผู้ยิ่งใหญ่
อย่าสุดโต่งอย่าวู่วามอย่าหยามใคร
เกิดแนวร่วมมุมกลับได้ใช้สติตรอง

มอง “โลกกว้างทางแคบ” แอบสมรู้
ร่วมกันคิดเป็นนักสู้สู่ถูกต้อง
รวมหมู่เหล่าเข้าจัดตั้งรั้งปรองดอง
เอาเรื่องของชาติขึ้นนำมาชำระ

ทุกวันนี้มีเงื่อนไขให้กร้านกล้า
มากศรัทธาเข้ากรูผู้กักขฬะ
เก่งแต่ปากก็ยังดีมิลดละ
เสียดสีเป็นระยะกระเทือนซาง

หยาดน้ำหยดลงหินมิสิ้นสุด
สักวันทรุดให้เห็นเป็นต่างต่าง
ภาษิตธรรมชาตินี่เหมือนมีลาง
เป็นน้ำกรดแทรกบาดหมางหยดกลางใจ

ใครชำนาญฌานชีวิตเพ่งสิทธิ์นั้น
ช่วยลงขันลงแรงลงแข่งใหม่
ถือหลักการประชาธิปไตย
ปักธงชัยแห่งสัจจะเหนือปฐพี

เลิกทะเลาะเบาะแว้งแฝงขัดขวาง
มันเข้าทางถางป่าให้หมาฉี่
ลดทิฐิมานะคงจะดี
หยุดโจมตีซึ่งกันหยุดอันธพาล

สามัคคีคือพลังไทยทั้งชาติ
ไปเลือกตั้งยึดอำนาจอย่างอาจหาญ
รักอิสรเสรีที่อันตรธาน
ทำลายล้าง “เผด็จการ” กินบ้านเมือง

สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ/พระนครศรีอยุธยา

ไปเลือกตั้งยึดอำนาจอย่างอาจหาญ
และ
ทำลายล้าง “เผด็จการ” กินบ้านเมือง
ฟังฮึกเหิม
แต่จะ “ฮึก” จะ “เหิม” ขนาดไหนนั้น
คนไทยโปรดช่วยกันตอบ