ทราย เจริญปุระ : เด็กที่แม่ไม่ต้องการ (จบ)

"สัตว์สัตว์" (With Animal) เขียนโดย Carol Guess & Kelly Magee ฉบับพิมพ์ครั้งแรก โดยสำนักพิมพ์ไจไจบุ๊คส์ ธันวาคม 2560

“เขาเกิดมาเป็นลูกเราแล้ว ถ้าแม่ไม่เลี้ยง พ่อเลี้ยงเอง”

ก็ไม่ได้เกินคาดเดาสำหรับคำตอบของพ่อ

แต่พ่อก็ไม่ใช่คนอุ้มท้อง

แม่ฉันคงเริ่มสะสมความกดดันมาตั้งแต่ท้องแรก

เราสองคนถูกเลี้ยงด้วยนมชง เพราะแม่ก็เหนื่อยกับอาการสวิงสวายทางฮอร์โมนอันไร้ชื่อเรียกในเวลานั้น ความหดหู่เศร้าหมอง ความยุ่งยากของการเลี้ยงฉัน ความกดดันของสังคม จนมาถึงท้องนี้ในวัยที่จวนจะสามสิบตามที่แม่ตั้งใจไว้ ถ้าเอาออก, แม่ฉันก็คงจบลงที่การมีลูกแค่สองคน

แต่ท้องที่สามก็มาในจังหวะที่แย่ที่สุด

แม่ป่วย และแม่ไม่ชอบการป่วย แม่อยากรักษา แต่แม่รักษาไม่ได้เพราะท้อง ถ้าแม่รอจนกว่าจะได้รับการรักษา ทุกวันหลังจากวันผ่าตัดคือระเบิดเวลาแห่งจินตนาการของแม่ ทุกวินาทีแม่เต็มไปด้วยภาพของทารกที่ไม่สมบูรณ์ น็อกจากฤทธิ์ยาสลบจนร่างกายหยุดเจริญเติบโตตั้งแต่ในท้อง ไม่มีแขน ไม่มีขา หรือต่อให้ออกมาครบก็ต้องนั่งป้อนข้าวกันไปจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

แต่แม่จะเลือกอะไรได้ ในเมื่อคนเป็นสามีไม่ยินยอมให้เอาเด็กออก แม่ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ระเบิดเวลาในท้องแม่ค่อยๆ โตขึ้นทุกวันพร้อมๆ กับความเกรี้ยวกราดหดหู่ของแม่

แปลกดีที่หนึ่งในความทรงจำแรกๆ ของฉัน คือการนั่งอยู่บนพื้นกระเบื้องสีน้ำตามเข้มของบ้านหลังเก่า แดดข้างนอกพริบพราวจัดจ้า และทางขวามือซึ่งเป็นบันไดขึ้นไปชั้นสองนั้น

แม่ของฉันนั่งร้องไห้ กอดท้องโตๆ ไว้เพียงลำพัง

 

ฉันนอนร้องเพลงไปเรื่อยๆ พอหยุดนานไปสักนิดก็จะถูกน้องกระทุ้งเบาๆ ให้ร้องต่อ

ปกติแม่จะจับลูกแยกห้องนอนตั้งแต่ยังเล็ก ฉันนั้นไม่มีสิทธิ์จะคัดค้านอะไรอยู่แล้ว เพราะโดนแม่กำชับมาอีกทีว่าต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่างของน้อง พอฉันแยกไปน้องชายก็ยังนอนห้องเดียวกับน้องสาวและพี่เลี้ยง จนถึงวัยที่ต้องแยกห้อง น้องชายก็หน้าเสีย แต่พอแม่ยกประโยคว่าให้เลือกระหว่างแยกห้องแล้วลุ้นไปเจอผีที่ไม่เคยเจอมาก่อน กับเจอฤทธิ์เดชของแม่เลยในตอนนี้เดี๋ยวนี้ ฟี่จะเลือกอะไร –น้องชายฉันก็ย้ายห้องไปอย่างสงบ คลุมโปงเหงื่อแตกบ้างในช่วงแรกแต่ก็ผ่านไปได้

ครั้นพอมาถึงน้องสาว

เธอยืนยันว่าไม่, เธอจะไม่นอนคนเดียว

จะจับคู่เธอกับใครก็ได้ แต่จะไม่มีวันแยกไปใช้ห้องนอนห้องนั้นที่แม่ทำรอไว้ให้ จะดุจะตียังไงก็ไม่สน และเราทุกคนก็รู้กันดีว่ามารูปนี้นี่คงจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

แม่ฉันหงุดหงิดมากตอนท้องน้องสาวคนเล็ก ทั้งระบมซมไข้จากอาการอักเสบ และหวาดผวาไปด้วยจินตนาการถึงเด็กกุดๆ หักๆ ที่แม่เฝ้าคิดไปเรื่อยๆ แบบระงับไม่ได้ แม่เกรี้ยวกราดสลับกับซึมเศร้าร้องไห้ เข็นตัวเองให้ไปเตรียมงานจากบทภาพยนตร์ที่ในที่สุดพ่อก็ทำออกมาจนสำเร็จในช่วงนี้ แม่ยังคิดถึงการเอาเด็กออกทุกวันๆ จนกระทั่งวันคลอด

น้องสาวฉันเกิดเดือนเดียวกับแม่-ลูกแมงป่อง-พ่อบอก

ตัวจิ๋วหลิวกว่าพี่ทั้งสอง เกรี้ยวกราดกว่า ตากลมโตและปากเม้มแน่นนั้นชัดเจนกว่าอะไรๆ ว่าเธอกำลังจะแผลงฤทธิ์ พ่อเฝ้าบอกทั้งฉันทั้งน้องว่าเจ้าตัวเล็กนี่ ถ้าไม่มีพ่อคงไม่ได้เกิดมา รักน้องมากๆ นะ

และก็ดูสมเหตุสมผลดี ที่เธอจะได้ครอบครองชื่อจริงจากนามปากกาของพ่อ งานที่พ่อเขียนเสร็จในปีที่น้องคลอดออกมา

ภรณ์รวี–อาภรณ์แห่งพระอาทิตย์

แม้ชื่อจริงจะดุเดือดแรงร้อน แต่ชื่อเล่นนั้นอ่อนโยนต่างกัน ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจจะช่วยลดความเกรี้ยวกราดของสถานการณ์ในตอนนั้นลงหรือเปล่า-น้ำพราว-ชื่อเล่นของเธอมีประกายระยิบระยับแฝงอยู่ในนั้น ประกายแบบที่แม่บอกว่าจะสะท้อนกับน้ำที่ท่วมหนักในปีนั้น และเป็นสิ่งเดียวที่พอจะปลอบโยนอารมณ์ของแม่ลงได้บ้าง แม่แทบไม่แตะน้องเล็กคนนี้เลย จะด้วยงาน ด้วยความเครียด หรือด้วยอะไรฉันก็สุดรู้

แล้วก็เป็นพ่อเหมือนเคยที่เข้ามาพร้อมกับเรื่องเล่าตำนานการเกิดของน้องฉัน ที่ยิ่งเล่าก็ยิ่งดูพิสดารขึ้นเรื่อยๆ จากที่ว่าแทบไม่ได้เกิดมา กลายไปจนเหมือนพ่อเป็นคนต่อแขนต่อขาให้กับน้ำพราวด้วยตัวเอง

 

-พอเราอยู่ในความมืด มืดมากๆ เลยนะ อยู่ได้สักพักมันก็จะสว่างขึ้น-ฉันเคยกระซิบบอกน้องตอนเราคลุมโปงอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน ผ้านวมลายนกแก้วและสารพัดพันธุ์ไม้เขตร้อน ดอกปักษาสวรรค์สีแดง ปากใหญ่ๆ ของนกแก้วสีเหลือง ใบไม้ยาวเรียวเขียวเข้มพาดพันไปมาบนลายผ้า

หนึ่ง

สอง

สาม

เปิดผ้าห่มออก

เห็นมั้ย มันสว่างขึ้นจริงๆ

ฉันไม่รู้ว่าน้องยินดีแค่ไหนกับการต้องมานอนกับฉันแบบเธอไม่ได้เป็นผู้เลือก แต่ฉันเสนอเองเมื่อเห็นท่าไม่ดี

ก็แบบนี้ทุกครั้ง, เมื่อสงครามระหว่างน้องทั้งสองกำลังจะเริ่มขึ้น ฉันก็ต้องเป็นตัวกลางเข้าไปไกล่เกลี่ย ก่อนจะโดนแม่จับแยกเป็นการทำโทษทุกฝ่ายแบบไม่เลือกคนผิด ซึ่งฉันก็จะพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยในข้อหาเป็นพี่ แต่ดูแลน้องไม่ได้ซึ่งฉันแสนจะเบื่อ ก็ตอนมันจะทะเลาะกันนี่เคยบอกฉันไหมเล่า ฉันอ่านหนังสือของฉันอยู่ดีๆ รู้อีกทีก็ได้ยินเสียงน้องสาวกรีดร้องระเบิดน้ำตา โดยมีน้องชายทำหน้ามุ่ยๆ อยู่ข้างๆ เสียแล้ว ดังนั้น การจะแยกห้องนอนโดยให้เธออยู่ร่วมกับน้องชายฉันจึงเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง ยังไม่นับความต่างเพศกันด้วยซ้ำ แต่ความแง่งอนจนเกือบจะเข้าห้ำหั่นกันได้ทุกเวลานั่นต่างหากที่เป็นตัวตัดสิน

ไม่, ไม่ใช่กับพ่อหรือแม่

เพราะกระทั่งพ่อกับแม่ฉันก็แยกห้องกันนอน

ไม่ใช่กับพี่เลี้ยงด้วย เพราะไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นสิทธิพิเศษเกินหน้าพี่ทั้งสองคน

ก็ฉันสินะ

ไม่ยากอะไรหรอกในเมื่อเราเรียนโรงเรียนเดียวกันอยู่แล้ว รถโรงเรียนก็ขึ้นคันเดียวกัน เวลาเดียวกันน้องฉันหลับง่ายพอๆ กับตื่นยาก เราเสียน้ำตากันแทบทุกครั้งเมื่อต้องปลุกเธอขึ้นจากที่นอน ฉันลองวิธีสารพัดตั้งแต่เรียกเบาๆ เขย่าตัว ไปจนถึงเอาน้ำจากแก้วมาเทใส่ แต่ก็ไม่ทำให้อะไรง่ายขึ้นนอกจากจะทำให้ทะเลาะกันยืดเยื้อยาวนานจนเกินเวลาที่แม่กำหนดให้ลงไปกินข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียน

 

ฉันรักน้องคนนี้เหมือนคนที่รักอะไรที่เราแตะต้องไม่ได้

เธอเป็นน้องฉันและเป็นนายฉันในเวลาเดียวกัน

เราจะเอาอะไรไปสู้กับเด็กซึ่งมีที่มาคับแค้นถึงเพียงนั้น ตัวเล็กถึงเพียงนั้น และเป็นลูกรักของพ่อได้ขนาดนั้น

การที่เธอนอนอยู่ข้างๆ ฉันในเวลานี้ก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งว่าฉันไม่อาจมีอำนาจได้เท่าเธอ เธอฝ่าฝืนทุกกติกา เธอต้องการเกิดมาบนโลกใบนี้และเธอก็ทำได้ เธอฝ่าฝืนความต้องการของแม่ได้ตั้งแต่เธอยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งฉันไม่มีวันจะทำได้และไม่เคยแม้แต่จะกล้าคิดไปถึง

เมื่อเธอต้องการเธอต้องได้

ฉันขยับตัวเบาๆ น้องยังคงหายใจสม่ำเสมอ เสียงเข็มนาฬิกาดังเป็นจังหวะในความเงียบ ฉันจรดเท้าลงบนพื้นห้องเบาๆ เดินไปที่ประตูระเบียงและเปิดมันออก

 

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งมองท้องฟ้า รอคอยให้ดาวตกลงมาสักดวง

เผื่อบางหวังของเธอจะเป็นจริง