นพมาส แววหงส์ : PETE’S DRAGON “มังกรหลงทาง”

นพมาส แววหงส์

Pete’s Dragon เคยเป็นหนังแฟนตาซีมิวสิเคิลของดิสนีย์ใน ค.ศ.1977 มาก่อน และดิสนีย์นำมาสร้างใหม่ให้ทันสมัยขึ้นโดยขจัดการร้องเพลงออกไปหมด และสร้างความสมจริงของเรื่องราวเสมือนจะเกิดขึ้นได้จริงๆ ในโลกสมัยใหม่เมื่อปลายศตวรรษที่ 20

สารสำคัญที่หนังบอกแก่คนดูคือ ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “เวทมนตร์” และความลี้ลับซ่อนเร้นอยู่ในป่าธรรมชาติซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์ในเทพนิยาย และตำนานเก่าแก่ที่เล่าขานกันในท้องถิ่นพื้นเมืองนั้น

ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลหรือไม่ได้เกิดจากจินตนาการของคนเพ้อฝัน

หรือ ชอบแต่งเรื่องโกหกหลอกเด็กเท่านั้น

เรื่องราวชีวิตของพีทคือเรื่องราวชีวิตของเมาคลี หรือ ทาร์ซาน ซึ่งย้ายสถานที่มาเกิดในป่าทางตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก กล่าวคือ เด็กน้อยที่พลัดพรากจากอ้อมอกพ่อแม่ ไปอยู่ในป่าตามลำพัง เผชิญหน้ากับภยันตรายจากสัตว์ร้าย และสัญชาตญาณเอาตัวรอดในธรรมชาติ โดยไม่มีมนุษย์คอยปกป้องดูแล

เมาคลี เติบโตขึ้นโดยมีแม่หมาป่าเลี้ยงดูเป็นลูก

ทาร์ซาน เติบโตขึ้นโดยมีแม่อุรังอุตังเลี้ยงดูเป็นลูก

แต่พีทมีมังกรตัวมหึมาที่บินได้ คอยปกป้องคุ้มภัยและเป็นเพื่อนเล่น

ก่อนหน้าที่พีทจะกลายเป็นเด็กกำพร้าในป่าเปลี่ยว เขามีหนังสือเล่มโปรดที่เอาติดตัวไปไหนมาไหนด้วย ชื่อ “เอลเลียดหลงทาง” เอลเลียตคือมังกรในนิทานเรื่องนั้น

เมื่อพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะกำลังพาลูกวัยห้าขวบเข้าป่าไปชื่นชมกับธรรมชาติอันสวยงาม พีทจึง “หลงทาง” เหมือนกัน และพบตัวเองโดนรุมล้อมด้วยฝูงหมาป่าที่พร้อมจะโจนเข้าขม้ำเขา เคราะห์ดีที่มีสัตว์ประหลาดที่มีพละกำลังมหาศาลมาไล่หมาป่าพวกนั้นกระเจิงไป และกลายเป็นเพื่อนผู้คุ้มครองพีทไปโดยปริยาย สัตว์ตัวนั้น พีทจำได้ว่าละม้ายเหมือนมังกรในนิทานของเขา จึงเรียกมันว่า เอลเลียต

 

พีทอาศัยอยู่ในโพรงถ้ำใกล้ต้นไม้ยักษ์สูงลิ่วที่กลายเป็นบ้านของเขากับเอลเลียตตลอดเวลาห้าปีต่อมา นอนซุกหาความอบอุ่นในอ้อมกอดของเอลเลียตตอนกลางคืน และตอนกลางวันวิ่งเล่นสนุกสนานซุกซน โดยมีมังกรยักษ์เป็นผู้พิทักษ์ระวังภัยให้ แม้แต่เมื่อเขาวิ่งห้อไปถึงขอบหน้าผา และโจนต่อไปโดยไม่นึกว่ามีหุบเหวอยู่เบื้องล่างอย่างน่าใจหาย

เอลเลียตก็กางปีกมหึมาบินตามไปโฉบเขากลับขึ้นมาใหม่

ทว่า มนุษย์กับอารยธรรม ก็รุกล้ำป่าธรรมชาติเข้าไปเรื่อยๆ มิไยที่จะมีหน่วยงานพิทักษ์วนอุทยานคอยดูแล ความโลภและความอยากรวยเร็วๆ ก็ยังทำให้คนตัดไม้โค่นต้นไม้ใหญ่ๆ ลงในชั่วพริบตา โดยไม่คำนึงถึงเวลานับสิบนับร้อยปีกว่าต้นไม้จะโตได้ขนาดนั้น

เกรซ (ไบรซ์ ดัลลัส เฮาเวิร์ด) เป็นเจ้าหน้าที่วนอุทยานที่บอกว่ารู้จักผืนป่าทุกตารางนิ้วเหมือนรู้จักหลังมือของตัวเอง เกรซมีพ่อเป็นช่างแกะไม้ ที่ชอบเล่าเรื่องที่สมัยเด็ก เขาเคยเจอมังกรสีเขียวตัวใหญ่ในป่า มีชั่มเล่นโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด คนรักชีวิตกลางธรรมชาติมากที่สุดคนหนึ่ง และเป็นผู้มีคุณูปการล้นเหลือแก่วงการภาพยนตร์นอกกระแส โดยมีผลงานให้ประจักษ์คือ เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ถึงขนาดที่มีช่องซันแดนซ์ทางทีวีแล้วด้วย

 

เห็นชื่อ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เล่นหนัง ก็เป็นตัวดึงดูดพลังแรงแล้ว นอกจาก ไบรซ์ ดัลลัส เฮาเวิร์ด ลูกสาวคนสวยของผู้กำกับฯ รอน เฮาเวิร์ด

ผู้ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเกรซ คือ พี่ชายของแจ็ก (เวส เบนต์ลีย์) สามีของเธอเอง ทั้งแจ็กและแกวิน (คาร์ล เออร์บัน) ทำงานตัดไม้ตามสัมปทาน แต่แกวินชอบตัดไม้ลึกล้ำเข้าไปในป่าจนทำให้เกรซหัวเสียและทะเลาะกับเขาบ่อยๆ

ขณะเดียวกัน เกรซผู้คิดว่าตัวเองรู้จักผืนป่าทุกตารางนิ้ว ก็ไม่เชื่อ “เรื่องหลอกเด็ก” เกี่ยวกับมังกรที่พ่อเธอชอบเล่า แม้ว่าตำนานในท้องถิ่นจะเคยพูดถึง “มังกรมิลฮาเวน” แต่ปัจจุบันก็ไม่มีใครได้เห็นตัวอีกแล้ว

จนกระทั่งวันหนึ่ง นาตาลี (อูนา ลอเรนซ์) ลูกสาววัยสิบขวบของเธอกับแจ็ก บังเอิญไปเจอพีทเข้าในป่า พีทถูกพาตัวออกมาเพื่อหาพ่อแม่และครอบครัวให้

และจากถ้อยคำของพีท เขาไม่ได้อยู่ในป่าคนเดียว แต่เขามีเพื่อนเป็นสัตว์ตัวใหญ่ที่มีอยู่แต่ในนิทานและเทพนิยาย และไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริง หรือยังหลงเหลืออยู่ในโลกปัจจุบัน จากสัตว์โลกล้านปีสมัยจูราสสิกด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อถ้อยคำของเด็กน้อยวัยสิบขวบ

 

ครั้นเมื่อเพื่อนรักที่ผูกพันกันมานาน โดนพรากจากกัน เอลเลียตจึงออกจากป่า มาตามหาพีทในอารยธรรมของโลก

มิตรภาพเป็นเรื่องที่กินใจเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเป็นมิตรภาพระหว่างสิ่งมีชีวิตคนละสายพันธุ์กัน ดูอย่าง E.T. ปะไร ก็เรื่องราวของเด็กน้อยกับเพื่อนต่างพันธุ์ที่เผชิญหน้าอันตรายจากการถูกมนุษย์จับตัวมาในฐานะเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกัน

อ้อ…ลืมบอกไปว่า ความสามารถพิเศษที่เป็นเหมือน “เวทมนตร์” ของมังกร คือการหายตัวได้ ดังนั้น มังกรจึงเร้นตัวอยู่ในป่าได้ตลอดกาลเวลาอันยาวนานมาโดยแทบไม่มีใครเห็นตัว ได้แต่เป็นเรื่องเล่าลือกัน

เอลเลียตเองก็หลงทางพลัดจากพรรคพวกมาอยู่ในป่านี้ตัวเดียว เหมือนกับพีท

จนในที่สุดทั้งสองก็หาทางกลับไปอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์ของตัวเองตามวิถีที่ควรเป็น

แม้ว่าเวลากางปีกบิน เราจะรู้ทันทีว่านี่เป็นมังกร แต่หน้าตาของเอลเลียตในระยะใกล้ ออกจะไม่เหมือนกับมังกรที่เราท่านเคยพบเห็นในเทพนิยาย ตัวสีเขียวคล้ำกลืนไปกับสีของไพรพฤกษ์ และผิวหนังปกคลุมด้วยขนฟู แทนที่จะเป็นเกล็ดเหมือนเกล็ดนาคหรือมังกร

ตรงนี้ผู้กำกับฯ เดวิด โลเวอรี บอกว่าเป็นการตัดสินใจของเขาเอง เขาต้องการให้เอลเลียต “น่ากอด” เหมือนสุนัข โดยเฉพาะการที่พีทต้องซุกตัวนอนอยู่กับเอลเลียต และเคล้าเคลียสนุกสนานกันในป่า ดังนั้น ในระยะใกล้ เอลเลียตจึงหน้าตาเหมือนสิงโตที่ไม่ดุร้าย แต่มีเขี้ยวด้วย

นอกจากนั้น การวิ่งเล่นของเอลเลียต ยังชวนให้นึกถึงลูกหมาซนๆ ที่วิ่งไล่งับหางของตัวเอง แต่ว่าคนดูไม่ได้ผิดหวังจากมังกรตัวนี้หรอกค่ะ เพราะยังเป็นมังกรที่เหินฟ้าได้อย่างสวยงาม แถมยังมีฉากพ่นไฟมหากาฬ เมื่อถูกกระตุ้นให้โกรธขึ้นมา

เป็นหนังที่ดูได้สบายใจนะคะ ไม่หวือหวา น่าหวาดเสียว หรือตื่นเต้นเร้าใจนัก แต่ก็ชวนสบายใจ และสงบสวยงามอยู่กับธรรมชาติอันเขียวขจี ซึ่งเราได้แต่หวังว่าจะดำรงอยู่ชั่วกาลนาน…

…โดยไม่ถูกมนุษย์รุกรานจนราพณาสูร ไม่เหลือที่พำนักพังพิงสำหรับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาอีกต่อไป…

 

PETE’S DRAGON
กำกับการแสดง
David Lowery

นำแสดง
Bryce Dallas Howard
Robert Redford
Oakes Fegley
Oona Laurence
Wes Bentley
Karl Urban