หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๒๑๘)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๒๑๘)

 

กาลครั้งหนึ่ง ในเดือนสิงหาคม ฉันไปเที่ยวเมือง Koichi ที่เกาะชิโกะกุ ของญี่ปุ่น ฉันไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้อะไรเลย พอไปถึงจึงรู้ว่า วันนั้นพวกเขามีเทศกาลเต้นรำ Yosakoi กันทั้งเมือง ตามหลักแล้ว ฉันควรหาที่พักไม่ได้ แต่โรงแรมแรกที่ฉันเดินเข้าไป มีห้องว่างพอดี เนื่องมาจากมีคนแคนเซิลห้องพักพอดี ฉันจึงได้อยู่ในใจกลางเมือง และเมืองที่ฉันอยู่นี้ คือเมืองต้นกำเนิดแห่งเทศกาล

ฉันตามขบวนไปทั้งวัน มีความสุขมาก แต่นั้นมาฉันก็เป็นแฟนของ Yosakoi และยังตามไปดูอีกหลายเมือง เช่น ต่อมาอีกปีหนึ่ง เขาจัดที่เมืองซัปโปโร เมืองหนึ่งในเกาะฮอกไกโด ฉันก็ตามไปดูด้วยอีกเช่นกัน แต่จำไม่ได้ว่าเดือนไหน พวกเขาจัดงานนี้ไม่ตรงกัน ฉันเดินตามขบวนไป เดินชมเป็นเวลาสองวัน ช่างเป็นเทศกาลที่มหัศจรรย์อะไรอย่างนั้น

Yosakoi คือเทศกาลเต้นรำของชาวญี่ปุ่น มีคนมาร่วมเต้นนับหมื่นคน เป็นร้อยวง ไม่จำกัดอายุ มีตั้งแต่วงเด็กเล็ก วงวัยรุ่น วงหนุ่มสาว ไปจนถึงวงผู้เฒ่า มีบางวงเป็นวงผสมคนอายุต่างกัน มีการแต่งกายสวยงาม ดั่งดอกไม้นานาชนิด เบ่งบานพร้อมกัน จนตาลาย ดนตรีที่ใช้ก็แตกต่าง บางวงมีเครื่องดนตรีนิดเดียว แต่บางวงมีเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ บางวงจะใช้เทปเพลง มันจะเป็นเพลงโบราณ ที่ใช้เป็นเพลงหลักคือ Yosakoi Naruko Dance

ท่าเต้นจะต้องใช้พลังงานสูงมาก มันไม่เพียงเน้นความสวยงาม แต่ยังเน้นพลังงาน และมักเป็นการผสมผสานของการเคลื่อนไหวแบบโบราณ และลีลาสมัยใหม่ แต่ละวงมักจะมีเสื้อผ้าแบบเดียวกัน เหมือนดอกไม้พันธุ์หนึ่ง มีบางวง ความงามอยู่ที่การเปลี่ยนเสื้อผ้าในระหว่างเต้น แต่ละวงจะมีจำนวนผู้เต้นไม่เท่ากัน แต่ไม่เกิน ๑๕๐ คน

 

เทศกาลนี้เริ่มต้นครั้งแรกที่เมือง Koichi ในปี 1954 เท่ากับว่า วันที่ฉันอายุสองขวบ เทศกาลนี้เพิ่งเกิด และได้รับความนิยมเป็นอันมาก จึงแพร่หลายไปทั่วประเทศ และจัดขึ้นเกือบทุกปี

สัญลักษณ์ของ Yosakoi คือไม้ Naruko ซึ่งเป็นเครื่องให้จังหวะชนิดหนึ่ง เป็นไม้ ๒ อันประกบกันมีรูปร่างคล้ายเปลือกหอย เสียงหนึ่งที่เราจะได้ยินในเทศกาลนี้ คือเสียงไม้เคาะกันดังก๊อกๆ มันแพร่หลายไปถึงต่างประเทศด้วย มันเต้นไปถึงเวียดนาม มาเลเซีย และยุโรป

เทศกาลที่เมืองซัปโปโร ก็เป็นเทศกาลใหญ่เช่นกัน เพียงแต่ทว่า หากเทียบความคลาสสิค ก็ยังสู้ที่เมือง Koichi ไม่ได้ ซึ่งเป็นเมืองเก่า อาจเพราะสภาพถนนหนทางในเมืองนั้นมีบรรยากาศพอดีกับการเต้น ทำให้การเต้น Yosakoi สวยงาม เหมือนมีมนตร์ ที่เมืองซัปโปโร เป็นเมืองสมัยใหม่ มันขัดกัน คะแนนจึงด้อยลง

ที่ซัปโปโร การเต้นไปเดินไป แม้จะมี แต่ก็ดูลำบาก ถนนยาวไป ห่างกันเกินไป แต่พวกเขาจัดเวทีใหญ่สองสามแห่ง ทำให้ดูง่าย แต่ก็สูญเสียเสน่ห์บางอย่างไป ฉันชอบไปดูที่เวทีเล็ก เพราะเห็นชัดกว่า และใกล้ชิดกว่า แต่ที่เมือง Koichi ฉันเดินตามถนน ไปยืนตรงมุมนั้นบ้าง มุมนี้บ้าง บางวงฉันชอบ ฉันก็เดินตามไปนานๆ

เพื่อนชาวญี่ปุ่นของฉันที่เมืองซัปโปโร เขาไม่ยอมดู เขาบอกฉันด้วยความดูถูก ว่าเทศกาลพวกนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว มันไร้สาระ ไม่งดงามเหมือนสมัยก่อน ฉันพอเข้าใจเขา แต่ทว่าเขาพลาดอะไรไปบางอย่าง ที่ฉันซึ่งเป็นคนต่างชาติมองเห็น และสิ่งที่เห็นนี้คือหัวใจของ Yosakoi มันคือสิ่งที่ตรึงใจฉันไม่รู้ลืม

ชาวญี่ปุ่นเป็นชาติปิดตัว โดยเฉพาะกับคนต่างชาติ ฉันเดินทางในญี่ปุ่นหลายครั้ง และเคยเรียนหนังสือที่นั่น พบว่าการจะเป็นเพื่อนกับชาวญี่ปุ่น ทำยากมาก พวกเขาสุภาพ แต่ไม่จริงใจเท่าไรนัก เหมือนมีกำแพงขวางกั้น อาจเพราะพวกเขาเป็นชาวเกาะ ยิ่งฉันอายุมากขึ้น และเจอเด็กรุ่นใหม่ ก็ยิ่งมีกำแพงอายุมาเพิ่มอีก ยิ่งเข้ากันยากขึ้น แต่ทว่าใน Yosakoi สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจ คือชาวญี่ปุ่นเปิดประตูนั้นออก โดยเฉพาะเด็กๆ วัยรุ่น และหนุ่มสาว ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะน่ารักขนาดนี้

อุปกรณ์สมัยใหม่ใดๆ หมดความหมาย โทรศัพท์มือถือหมดความหมาย บัดนี้ พวกเขาพร้อมด้วยเสียงเพลงโบราณ เต้นมากันเป็นฝูงๆ เป็นกลุ่มๆ มีความเบิกบานเป็นอันมาก อาการเปิดตัวของพวกเขานี่เอง ที่ประทับใจฉัน นี้เป็นการเต้นที่ผู้เต้นและผู้ชมรวมเป็นหนึ่ง มันกลายเป็นเทศกาลจริงๆ ซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

 

ตลอดเทศกาล ซึ่งอาจจะมีหนึ่งวัน สองวัน หรืออาจจะมีมากกว่านั้น ฉันตกอยู่ในมนตร์ เด็กๆ วัยรุ่น หนุ่มสาวเหล่านั้น กลายมาเป็นญาติมิตรของฉัน นี้คือความหมายของเทศกาล การรวมมนุษยชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน มามีความสนุกสนาน ความสุข และความทรงจำร่วมกัน ไม่มีพรมแดนของกาลเวลา ไม่มีพรมแดนของประเทศ

ฉันไม่มีความรู้สึกอย่างนั้น ในวันสงกรานต์ ในวันลอยกระทง วันตรุษจีน

เจตนาเดิมของเทศกาล อาจมีเช่นนั้น แต่ตัวฉันไม่รู้สึก

แต่ฉันรู้สึก ใน Yosakoi

อาทิตย์ก่อน เพื่อนของฉันส่งคลิป Yosakoi ที่มีเพลงประกอบ เป็นเพลงรำวงสงกรานต์ ฉันดูด้วยความทึ่ง เพราะมันเข้ากันดีมาก เป็นอีกหนึ่งความสนุกสนาน ไม่คิดว่ามันจะเข้ากันพอดีแบบนี้ และในขณะเดียวกัน ก็นำความทรงจำในอดีตให้หวนกลับคืนมา

Yosakoi ตรงข้ามกับโรคระบาด และสงคราม ในช่วงนี้ยังเป็นช่วงโรคระบาดโควิด และยังเป็นช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน มันจึงยิ่งสะเทือนใจ นี้คือภาพที่แตกต่างของสงครามและสันติภาพ มันห่างกันสุดกู่ ในสงคราม มีแต่ความตาย และความชั่วร้าย

โดยหลักธรรมแล้ว ในสงครามไม่มีผู้ชนะ มีแต่ผู้แพ้และผู้แพ้ยับเยิน

 

ในสันติภาพ มีสิ่งมากมาย ไม่สิ้นสุด

มีความรัก

มีมิตรภาพ

มีการรอคอย

มีการเต้นรำ

มีการร้องเพลง

มีการดื่มกิน

มีการประชุมพูดคุย

มีการเรียนหนังสือ

มีศิลปะ

มีวิทยาศาสตร์

มีบันเทิง

มีกาม

มีความอิจฉาริษยา

มีการหลอกลวง

มันมีมากมายจริงๆ บางอย่างก็ดี บางอย่างก็ไม่ดี แต่นี้คือชีวิตที่อุดมสมบูรณ์

แต่สงครามและโรคระบาด จะเปลี่ยนพวกมันหมด ให้แห้งแล้ง กลายเป็นสุสาน