บิ๊กป้อม คึกคัก นำ พปชร.สัญจร ในห้วง ‘บิ๊กป๊อด-ผู้กอง’ ซดเกาเหลา ร้อน-ร้อน

ภายหลังกิจกรรม “พรรคพลังประชารัฐสัญจร” ครั้งแรก เมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่เมืองมะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์ กระแสตอบรับออกมาดีเกินคาด จนทำให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกอาการปลื้มและพึงพอใจอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ “บิ๊กป้อม” จึงสั่งลูกพรรคเดินเครื่องจัดกิจกรรมสัญจรต่อเนื่อง ลุยเดินสายพบปะ รับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชน เพื่อนำมาจัดทำนโยบายรายภาค กำหนดยุทธศาสตร์ลงลึกรายละเอียด แก้ปัญหาเชิงพื้นที่อย่างแท้จริง หวังให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

อีกทั้ง “บิ๊กป้อม” ยังได้กำชับให้ ส.ส. และสมาชิกพรรค ลงพื้นที่ติดตามรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มารวบรวมเป็นข้อมูล นำปัญหาเร่งด่วนเข้าสู่กลไกของรัฐบาลและรัฐสภาเพื่อไปสู่การแก้ไขให้ทันท่วงที

 

กิจกรรมพรรคพลังประชารัฐสัญจร ครั้งที่ 2 เพิ่งจัดไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา “บิ๊กป้อม” นำทีมพาแกนนำ ส.ส. และสมาชิกพรรค ลงพื้นที่อีสานเหนือ จังหวัดหนองคาย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้ง

โดย “บิ๊กป้อม” ปรากฏตัวด้วยแฟชั่นชุดแต่งกายที่เด่นสะดุดตา สีแดงสดใสทั้งตัว สวมเสื้อฮาวายสีแดง ทับด้วยแจ๊กเก็ตสีแดง กางเกงสแล็กส์และรองเท้าผ้าใบแดง ทำเอาชาวบ้านที่มารอต้อนรับส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจกันอย่างคึกคัก

การลงพื้นที่ครั้งนี้ มุ่งเน้นแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ให้กำกับดูแลบริหารงานใน 2 กระทรวงหลัก

คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. น้องชายของ “บิ๊กป้อม” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง

 

ทั้งนี้ ภารกิจการสัญจรที่หนองคาย พรรค พปชร. เริ่มด้วยการเปิดเวทีรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชน ผู้ประกอบการเอกชน กลุ่ม จ.หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ หนองบัวลำภู และ จ.เลย เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ การยกระดับอุตสาหกรรมและสร้างระบบเศรษฐกิจบีซีจี ยกระดับโครงสร้างการขนส่งและคมนาคมของประชาชน พัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน รวมถึงปฏิรูปรัฐราชการและการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิต

พล.อ.ประวิตรระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรค พปชร.ขับเคลื่อนแก้ปัญหาความยากจน การลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มสิทธิและสวัสดิการความเป็นอยู่ให้ประชาชนส่งเสริมที่ดินทำกินและเร่งรัดการพัฒนาแหล่งน้ำระบบชลประทาน การแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ให้เบ็ดเสร็จ ที่ทำมาต่อเนื่องทั่วประเทศ ตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมา พรรคตระหนักดีว่าจะแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ คำนึงถึงบริบทความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละจังหวัดและภูมิภาคที่จะจัดทำภูมิศาสตร์หลายภาคขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้รับจากทุกภาคส่วน คณะกรรมการยุทธศาสตร์จะนำไปจัดทำเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาภาคอีสาน ให้ทันสมัยและยึดโยงความต้องการของคนในภาคอีสาน

พล.อ.ประวิตรระบุอีกว่า ภาคอีสานมีหลายเรื่องที่มีศักยภาพในการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป เช่น กลุ่มจังหวัดอีสานเหนือเป็นศูนย์กลางการลงทุน ขนส่งและการค้าชายแดน ของอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องยกระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งให้เชื่อมโยงรถไฟจีน-ลาว ส่วนกลุ่มจังหวัดอีสานกลางเป็นกลุ่มการค้าอินโดจีน และอีสานใต้โดดเด่นอุตสาหกรรมชีวภาพเกษตรและอาหาร

พล.ประวิตรกล่าวทิ้งท้ายว่า หนองคายมีศักยภาพสูง สามารถพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าในหลายด้าน ทั้งเกษตร การคมนาคม การค้าและการท่องเที่ยว ส่วนปัญหาเอกสารสิทธิในที่ดิน ปัญหาการบริหารจัดการน้ำ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประชาชนทั่วประเทศ และปัญหาอื่นใน จ.หนองคาย จะนำไปสะท้อนต่อสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล ให้ดูแลและแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน พรรค พปชร.สานต่อแนวทางและนโยบายของพรรค ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ ขอยืนยันจุดยืนของพรรคที่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และขจัดปัญหาความยากจน จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชน

นอกจากนี้ “บิ๊กป้อม” ยังโชว์คอนเน็กชั่นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการข้ามโขงไปยังฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเยี่ยมและพบปะหารือกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว และกระชับความสัมพันธ์ แก้ปัญหาเร่งด่วนเรื่องฝุ่นควัน ฝุ่น PM 2.5 พัฒนาความร่วมมือด้านขนส่ง ส่งเสริมเกษตรกรรม สาธารณสุข การท่องเที่ยว การค้าในภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนสองฝั่งโขงอีกด้วย

 

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า กิจกรรมสัญจรของพรรค พปชร. ประสบความสำเร็จ ทั้งเวทีรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน รวมถึงภาคเอกชน และคนรุ่นใหม่ มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึก ทั้งการแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ และระดับภูมิภาค นำมาสู่การทำนโยบายเพื่อแก้ไขให้ตรงจุด ฉะนั้น ทางพรรคจึงวางยุทธศาสตร์ และลุยสัญจรต่อในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อนำมาสู่การวางนโยบายช่วยเหลือ และลงมือปฏิบัติให้เกิดผลตกถึงมือประชาชนต่อไป

อย่างไรก็ดี กิจกรรมสัญจรพรรคพลังประชารัฐ ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดหนองคายนั้น ปรากฏว่า ไร้เงาแกนนำพรรคคนสำคัญทั้ง 2 คน คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. เนื่องจากทั้งคู่ติดภารกิจการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ขยับมาประชุมวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม ตรงกับเวทีสัญจร จึงไม่สามารถเดินทางมาร่วมกิจกรรมได้

แต่ทว่า ข้อพิพาทกรณีการออกเอกสารสิทธิที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เปิดศึกความขัดแย้งใส่กัน หนำซ้ำยังมีเจ้ากระทรวงที่มาจากพรรคการเมืองสังกัดเดียวกันด้วย นั่นคือ พรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นคำถามให้คิดกันต่อไปว่า ภายในพรรคเกิดรอยร้าวอะไรขึ้น?

และสุดท้ายจะลุกลามบานปลายสะเทือนถึงขั้นปรับเก้าอี้ ครม.ได้หรือไม่

โดยเรื่องนี้ ทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท และ ร.อ.ธรรมนัส ได้ออกมาประสานเสียงยืนยันตรงกันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งหรือปัญหาอะไรกัน จากปมที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่และจะเดินหน้าทำหน้าที่ในนามรัฐมนตรีต่อไป

จากนี้จึงต้องติดตามว่าประเด็นความขัดแย้งของทั้งสองกระทรวง ภายใต้โควต้าของพรรค พปชร. จะเคลียร์กันจบได้จริงหรือไม่