ถาม-ถาม ตอบ-ตอบ | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

ถาม-ถาม ตอบ-ตอบ

 

แม้จะถาม ด้วยคำถามเดิมๆ

และ คำตอบที่กลับมา ก็เป็นคำตอบเดิมๆ

แต่ เรื่อง นายกรัฐมนตรี 2-3 คน และการปรับคณะรัฐมนตรี

ก็ยังถูกถาม และถูกซักไซร้หาคำตอบ ต่อไป

แถมยังมี “ภาวะบานปลาย”ด้วย

กรณี นายกฯ2-3 คน ไถลลึกลงทะเลไปเป็นกรณี พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ไปเรียบร้อย

เรียบร้อยหลังจาก ที่สมเด็จฮุน เซน เป็นแขกคนแรกที่เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อย่างอบอุ่น

และยังได้ออกปากเชื้อเชิญน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไปเยือนกัมพูชา ในเร็ววันนี้ด้วย

“มิตรไมตรี”ที่แสดงออกระหว่าง 2 ตระกูล

กลายเป็นประเด็นให้ ฝ่ายที่”ไม่เป็นมิตร”หยิบไปขยายประเด็นในทันทีว่า เบื้องหลังความเป็นมิตรนั้น มีเรื่องผลประโยชน์ จากขุมทรัพย์ทับซ้อนในทะเล ซุกซ่อนอยู่

และอาจจะสร้างผลร้ายถึงขนาดไทยจะเสียเกาะกูดไปให้กัมพูชาเลยทีเดียว

ชูธง “เรื่องชาตินิยม”ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จุดไฟลุกโพลงขึ้นได้ง่ายๆเป็นเครื่องมือ

ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า กลุ่มที่ปลุกประเด็นเคลื่อนไหวเรื่องนี้ คือ กลุ่มวุฒิสมาชิก ที่มีเสียงดังในปีกฝ่าย”จารีต”

และหมายมั่นปั้นมือ ที่จะนำประเด็นนี้ไปขยายใหญ่ในเวที ซักฟอกแบบไม่ลงมติ ของวุฒิสภา ในช่วงปลายเดือนมีนาคม

ซึ่งเมื่อประสานกับมวลชน”เดินขวา”ข้างนอก โอกาสที่เรื่องนี้ จะขยายตัวมีสูงมาก

ทั้งทำเนียบ ทั้งพรรคเพื่อไทย และทั้งบ้านจันทร์ส่องหล้า คงต้องเตรียมรับมือให้ดี

เพราะบทเรียนในอดีต ตั้งแต่กรณีเขาพระวิหาร ที่ลากยาวมาจนถึงการเสียเกาะกูด หาก”จุดติด”แก้ไขยากมากๆ เพราะจะไม่ใช่เรื่องเหตุผลอย่างเดียว

แต่ จะมีเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

การเอาป้ายไปแขวนคอว่า “ไม่รักชาติ” “ขายชาติ”นั้น เป็นไม้เด็ดของฝ่าย”เดินขวา”มาโดยตลอด

และครั้งนี้ ก็คงเป็นเช่นนั้น แถมยังจะกดดันให้ฝ่ายต่างๆต้องมาร่วมในเกมนี้ อย่างการเดินสายไปยื่นเรื่องให้”เหล่าทัพ”ต่างๆเข้ามาเทคแอ๊คชั่น

ไม่เว้นแม้แต่พรรคก้าวไกล ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน ที่คงจะถูกกดดันให้ใช้เวทีสภา เปิดซักฟอกรัฐบาล

หากวางเฉย ก็มีสิทธิถูกกล่าวหาว่า ไม่รักชาติ และ มีดีลลับกับเพื่อไทยและบ้านจันทร์ส่องหล้า หรือไม่จึงเพิกเฉย

ถือเป็นเรื่องร้อนที่ ศูนย์อำนาจอย่าง ทำเนียบ เพื่อไทย และบ้านจันทร์ส่องหล้าคงต้องทำการบ้านเพื่อรับมือร้อนเช่นเดียวกับ คำถามเรื่อง”ปรับครม.”

ที่แม้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะปฏิเสธในหลากหลายอารมณ์ทั้งแบบอารมณ์เย็นร่มๆ หรือแบบอารมณ์ร้อน”รุ่มๆ”

แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งคำถามได้

เพราะแม้แต่ตัวนายกฯเองก็ยังตกเป็นเป้า ถูกตั้งคำถามเสียเองว่า จะไปควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนนายสุทิน คลังแสง หรือไม่

จึงอาจต้องทำใจอย่างมากกับ”ธรรมชาติ”ของการเมือง ที่หลีกเลี่ยงประเด็นเหล่านี้ไม่พ้น

และยิ่งเมื่อมีการ”คาดการณ์” มีการ”วิเคราะห์”ว่า อำนาจตัดสินใจ ไม่ได้อยู่เพียงทำเนียบแห่งเดียว

ดังนั้นเมื่อมี”เบาะแส”อะไรออกมานิดเดียว ก็พร้อมจะมี “คำถาม”ทันที

และว่าไปตอนนี้ใน ครม.เอง ก็มีปัจจัยและเงื่อนไข ที่ทำให้เรื่องการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีมีประเด็นให้”จับตา”อยู่ไม่น้อย

ดังนั้น ภาวะการเผชิญ คำถาม และคำตอบ ที่แม้จะซ้ำซากจำเจ แต่ทั้งที่ทำเนียบ และพรรคเพื่อไทย ก็คงหลีกเลี่ยงยาก

เว้นเสียแต่เป็นอย่างที่นายกฯคาดหวังและตั้งเป้าหมายไว้ นั่นคือสู้ด้วยการ “การทำงานหนัก”

และหากมีมรรคผลออกมาให้สัมผัสจริงๆ คำถามและคำตอบข้างต้น ก็อาจซาลง หรือหายไป

แต่ คำถามก็มีอีก คือ จะทำได้หรือไม่

—————–