คำเตือนที่”ป๋า”ยังไม่ได้บอก : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
———————-
คำเตือนที่”ป๋า”ยังไม่ได้บอก
———————
“คำพูด” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วงปีใหม่ หลายประโยคสำคัญ ต้องบันทึกไว้
อาทิ “ผมเป็นนักการเมือง”
และ “นายกฯคนนอกจะช่วยหยุดปฏิวัติ”
คงทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ว่า ไฉน พล.อ.ประยุทธ์ จึงพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา
ที่ชัดเจนหนึ่ง คือ ความพยายามแยก “ทหาร” จาก “การเมือง”
โดยพล.อ.ประยุทธ์ อาจเชื่อว่า จุดอ่อนที่สุดของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติและ รัฐบาล ก็คือถูกมอง การเป็นทหารการเมือง
เมื่อเป็นทหารการเมือง การจะสืบทอดอำนาจได้ก็ต้อง มีพรรคการเมืองของตนเอง
ที่มัดเอา”สถาบันทหาร”ไปถูลู่ถูกังด้วย
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดี ต่อสถาบันหลักของชาตินัก
พล.อ.ประยุทธ์ จึงอาจพยายามทำให้เรื่องนี้ชัดเจน
ส่วนใครจะเชื่อ หรือคล้อยตาม ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน
แต่กระนั้น ต้องไม่ลืมว่า กว่าที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมาได้
มีการ”เซ็ต”ระบบ “กองหนุน”ซึ่งก็คือ ทหาร หรือกองทัพ เอาไว้หนุนตนเองและพวกแล้ว
เซ็ต ผ่านทั้ง “รัฐธรรมนูญ” คำสั่ง คสช.ที่ 44 รวมไปถึงกฎหมายและคำสั่งหน่วยราชการ จำนวนมหาศาล
อย่าง เรื่อง “พรรคทหาร”
แน่นอนที่สุดเราจะไม่เห็น ทหารเข้ามาจัดตั้งองค์กรการเมือง หรือเข้าไปเป็นสมาชิกพรรค โดยเปิดเผย
จะรับรู้กันเพียงแค่ พรรค “สนับสนุน” (อดีต)ทหาร เท่านั้น
และจะรับรู้ เพียงแค่มี สมาชิกวุฒิสภา”แต่งตั้ง”จำนวน 250 คน ที่ระยะเริ่มแรกจะให้คสช. เป็นผู้แต่งตั้งเกือบทั้งหมด
ที่สำคัญยิ่ง ยังมี ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
องค์ประกอบเช่นนี้ แม้จะปฏิเสธว่าไม่ใช่”พรรคทหาร” แต่คนโดยทั่วไปก็รับรู้ว่าอะไร คืออะไร
นอกจากนี้ ในด้าน บริหาร มีการใช้ คำสั่ง ตามมาตรา 44 ตั้ง ซุปเปอร์ กอ.รมน.ขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ผ่านคำสั่งของหัวหน้า คสช.ที่ 51/ 2560 “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร”
สาระของกฎหมายฉบับนี้ เปิดทาง ให้ทหารเข้าไปมี บทบาท แทรกแซงการบริหารงานของหน่วยราชการในประเทศนี้ได้ทุกหน่วย
ภายใต้กรอบ “การปฏิบัติการด้านความมั่นคงและการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย”
กำหนดให้ตนเอง เป็นสภาความมั่นคงแห่งชาติอีกแบบคู่ขนานกับสภาความมั่นคงแห่งชาติที่มีอยู่แต่เดิม
ถือเป็นการ”เซ็ต” ให้ ทหารเข้าไปมีบทบาทในทุกองคาพยพของชาติ
ซึ่งนี่ ก็เป็นตัวอย่าง เพียงไม่กี่ตัวอย่าง ที่ ทำให้ คนที่คิดจะอยู่ในอำนาจต่อไป มั่นใจว่า ตนเองและพวกมี”เสถียรภาพ” ที่มั่นคง โดยไม่จำเป็นต้องมี พรรคทหาร มาสนับสนุน
ยิ่งกว่านั้น ช่องทางที่จะเข้าสู่อำนาจ ภายใต้เสื้อคลุม”นายกรัฐมนตรีคนนอก” ก็ถูกระบุ (โดยเนติบริกรของตนเอง)เอาไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง
นี่จึง เป็น ความมั่นใจว่าการสืบอำนาจของตนเองและพวก จะเป็นไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง ชอบธรรม ตามกฎหมายทุกประการ
อย่างไรก็ตาม ที่น่าตั้งคำถาม ก็คือ การที่ต้องหลุด”คำพูด”สำคัญๆต่างๆออกมานั้น
ฝ่ายตนเป็นผู้กำหนด
หรือสถานการณ์อันไม่คาดหมายต่างๆเกิดขึ้น และ “บีบ” ให้ต้องพูดออกมา
จึงมิใช่การรุก หากแต่เป็นการรับเสียมากกว่า
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพิ่งมาเตือนเรื่อง”กองหนุน”ไปหมาดๆ
ทำให้ยังไม่ได้เตือน”ในฐานะ”นายกฯคนนอก”ต้นแบบ อีกประการหนึ่ง
นั่นคือ ถึงจะบีบ ถูกรุก อย่างไร
พล.อ.เปรมไม่เคยกระโดดเข้าไปคลุกโคลนด้วยการบอกว่าตนเองเป็น”นักการเมือง”
มีแต่พยายาม”ลอยตัว”ให้”เหนือกว่า”
จึงอยู่ในอำนาจยาว 8 ปี