คณะทหารหนุ่ม (76) | ดร.บุญชนะ : “มนูญถูกหลอก”

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

หลังรัฐสภาผ่านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2524 ทำให้ผู้ต้องหา 8 คนที่ไม่ได้เข้ารายงานตัวพ้นจากความผิด ดร.บุญชนะ อัตถากร ซึ่งยังคงพักอยู่ ณ กรุงลอนดอน ได้บันทึกความทรงจำลงวันที่ 15 มิถุนายน 2524 ถึงความเป็นมาที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคณะทหารหนุ่มไว้ดังนี้…

1. ข้าพเจ้าได้พบคุณมนูญ รูปขจร ครั้งแรกเมื่อข้าพเจ้าได้รับเชิญในฐานะอาจารย์ให้แสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเมื่อรัฐบาลในขณะนั้นต้องผจญกับความไม่พอใจของประชาชนเกี่ยวกับค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่รายได้ไม่ได้ตามขึ้นไปให้ทันกับค่าใช้จ่าย

ข้าพเจ้าจำได้ว่ามีผู้ไปร่วมด้วยในวันนั้นประมาณไม่เกิน 10 คน อาทิ พ.อ.มนูญ รูปขจร พ.อ.จำลอง ศรีเมือง คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ คุณวันนิวัติ ศรีไกรวิน เป็นต้น สถานที่ที่พบคือร้านอาหารแถวบางซื่อซึ่งข้าพเจ้าจำชื่อไม่ได้

วันที่พบราวเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2523

(หมายเหตุ : เป็นช่วงที่รัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ กำลังประสบปัญหา ซึ่งต่อมา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในมีนาคม พ.ศ.2523 หลังการพบปะครั้งนี้ไม่นาน/บัญชร)

2. ผู้ที่มาเชิญข้าพเจ้าไปในวันนั้นคือคุณจุไรรัตน์ ซึ่งเคยทำงานกับข้าพเจ้าที่กระทรวงเศรษฐการ คุณวันนิวัติ (ศรีไกรวิน) และคุณจุไรรัตน์บอกว่ากลุ่มนายทหารหนุ่มนี้เป็นผู้ที่มีความรักชาติในบ้านเมือง แต่ประสบการณ์มีน้อย ข้าพเจ้าเคยผ่านงานมามากทั้งทางเศรษฐกิจ การเมืองและการทูต เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง คำสอนคำแนะนำของข้าพเจ้าอาจช่วยให้คณะทหารหนุ่มซึ่งถือเสมือนหนึ่งเป็น Pressure Group ในทางการเมืองทำหน้าที่ให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองขึ้น

ข้าพเจ้าได้ใคร่ครวญดูแล้วก็ตกลงและได้ตั้งใจว่าจะ Confine ตัวเองอยู่ในขอบเขตของครูบาอาจารย์เท่านั้น

3. ในวันแรกที่พบคุณมนูญและคุณจำลองนั้น ข้าพเจ้าได้ถามกลุ่มทหารหนุ่มนี้ว่าใครเป็นหัวหน้า ทั้งสองคนไม่มีใครยอมรับความเป็นหัวหน้า แต่ข้าพเจ้ารู้สึกเอาเองว่าคุณมนูญเป็นผู้มี Leadership ถึงจะเป็นคนพูดน้อยและถ่อมตัว แต่ก็มีน้ำหนักมาก เป็นคนเอางานเอาการ เด็ดขาด ส่วนคุณจำลองนั้น ฟังดูแล้วเป็นผู้เสียสละ ละความโลภโกรธหลง ถือพรหมจรรย์และมักน้อยมากเกินกว่าปุถุชนธรรมดา

4. ข้าพเจ้าพบคุณมนูญอีกครั้งหนึ่งที่บ้านบางซื่อหลังจากนั้น 3 เดือนเศษ วันนั้นได้พบ พ.ต.สัญชัย (บุณฑริกสวัสดิ์) และคนอื่นอีก 2-3 คน คุณมนูญรับรองข้าพเจ้าที่ห้องทำงานซึ่งเต็มไปด้วยเอกสารต่างๆ ตามผนังเต็มไปด้วยแผนผังต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม

ระหว่างสนทนากันราว 2 ชั่วโมงนั้น คุณมนูญยังขอตัวไปพูดโทรศัพท์กับท่านนายกรัฐมนตรีเปรม ติณสูลานนท์ ด้วย

ข้าพเจ้าฟังดูการสนทนาของท่านทั้ง 2 นั้นแล้วก็รู้สึกว่ามีความสนิทสนมกันดีฉันญาติสนิท

5. ในการสนทนากับคุณมนูญวันนั้น ข้าพเจ้าลงมติในใจของตนเองว่า คุณมนูญมีความเป็นผู้นำพอสมควร มีความรักความหวังดีต่อชาติบ้านเมืองสูงมาก มีความจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์อย่างยิ่ง มีศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น

สำหรับความเด็ดขาดนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเพราะคุณมนูญเป็นคนใจดีรักเพื่อนฝูงญาติมิตร มีความกตัญญูกตเวทีจึงจะหวังให้ใช้ความเด็ดขาดแบบเผด็จการนั้นยากสักหน่อย

แต่ถ้าจะใช้ความเด็ดขาดในครรลองประชาธิปไตย คุณมนูญคงจะสามารถทำได้อย่างดียิ่ง

6. ข้าพเจ้าได้พบคุณมนูญเมื่อมีการเลี้ยงรับประทานอาหารอีก 2-3 ครั้งหลังจากนั้น แต่ละครั้งห่างกันราว 1-2 เดือน การสนทนาแต่ละคราวก็เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

ข้าพเจ้ายึดหลักวิชารัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ในการตอบคำถามต่างๆ และแยกเอาประสบการณ์ของข้าพเจ้าเป็นอุทาหรณ์ด้วยในทุกกรณีเพื่อผู้ฟังจะได้นำไปคิดตัดสินปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเองดีขึ้น

7. บันทึกลับมากของคุณมนูญบอกว่าทำการปฏิวัติครั้งนี้ ทำเพื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งคุณมนูญเรียกว่า “ป๋า” แต่ถูกหลอกให้หลงทางเพื่อจะทำลายกลุ่มทหารหนุ่ม เมื่อคุณมนูญทราบแล้วก็พยายามจัดให้กลับกรมกองเร็วที่สุด เพื่อป้องกันเหตุการณ์รุนแรงอันจะเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างมหาศาล

ข้าพเจ้าเชื่อข้อความในบันทึกนี้อย่างเต็มที่ไม่มีข้อสงสัยเลย เพราะเหตุผลดังที่ข้าพเจ้าเขียนไว้แล้ว

 

เอกสารลับมากของมนูญ

ในบันทึก “การปฏิวัติ 1-3 เมษายน 2524 กับข้าพเจ้า” ของ บุญชนะ อัตถากร เล่มเดียวกันนี้ หน้า 203 ผนวก 14 ได้นำลงเอกสารลับมากของ พ.อ.มนูญ รูปขจร ดังนี้…

“บันทึกของ พ.อ.มนูญ รูปขจร โดยเจาะเกราะ (จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า 20 พฤษภาคม 2524 ในรายละเอียดลับมากของ พ.อ.มนูญ)

พ.อ.มนูญ รูปขจร บันทึกในหนังสือ ‘ลับมาก’ ไว้ว่า

ทุกคนในกลุ่มทหารหนุ่ม รู้และทราบแนวทางเป็นอันเดียวกันว่า การกระทำครั้งนี้…ทำให้ป๋า

แต่เมื่อเดินทางมาแล้ว จึงทราบว่าหลงทาง และถูกทำลาย ก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้คืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว โดยไม่ให้นองเลือดและได้ชื่อว่าทำลายสถาบัน…

สิ่งที่ได้ทำไป และข้อมูลต้องให้ตัดสินใจยุติการปฏิวัติคือ

ได้รับข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวว่า มีบุคคลพลเรือนอาวุธครบมือประมาณ 100 คนเดินทางจากชลบุรีเข้ากรุงเทพฯ แล้ว หลังจากทราบก็ตรวจสอบดูว่าเป็นทหารราบ 21 นอกเครื่องแบบเข้ามา พวกเราจึงเฉย ด้วยเหตุผลไม่ต้องการกระทบกระเทือนถึงเบื้องพระยุคลบาท

แต่มีการแทรกด้วยบุคคลพลเรือนอื่นๆ อีก มีอาวุธกระสุนครบเช่นกัน จะอยู่ในระหว่างทหาร 2 ฝ่าย จะเป็นผู้จุดระเบิดให้มีการยิงกัน และเริ่มการสู้รบ ขยายวงการต่อสู้ออกไป ผลคือความสูญเสีย ความตายของทหารและประชาชนในพื้นที่

เมื่อเวลา 03.00-03.30 ของ 2 เมษายน 2524 มนูญได้รับโทรศัพท์ ความจริงเขาต้องการพูดกับแม่ทัพวศินหรือมนูญ แต่เกรงใจท่านเพราะอดนอนมาหลายคืน จึงรับโทรศัพท์เอง ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ให้ทราบดังนี้

จะมีการปฏิบัติการก่อวินาศกรรมประมาณ 50 จุดใน กทม. เพื่อสนับสนุนการปฏิวัติจนได้ชัยชนะ ก็เลยถามเข้าไปว่า จะทำอะไร ที่ไหน อย่างใด และเมื่อไหร่ เขาแจ้งให้ทราบว่า จะระเบิดตั้งแต่รังสิต ดอนเมือง จนถึงตอนใต้ของ กทม.มีคลังน้ำมัน คลังกระสุน โรงไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ กรมไปรษณีย์ สถานที่ราชการสำคัญ โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม สะพานเชื่อมกรุงเทพฯ-ธนบุรี พระราม 6 ซังฮี้ พระปิ่นเกล้า เป็นต้น ตลอดจนโรงเรียน โรงหนัง เท่าที่ทราบก็เป็นอย่างนี้

ผมจึงวาดภาพว่า กรุงเทพฯ จะต้องเป็นอัมพาตแน่นอน จริงอยู่เราอาจได้รับชัยชนะ แต่ชาติไทยจะสูญเสียสมบัติของชาตินับไม่ถ้วน ประชาชนจะเดือดร้อนไม่สามารถจะประมาณได้ ตั้งใจว่าจะปรึกษาแม่ทัพวศินตอนเช้า เพราะเขาบอกว่า ถ้าตกลงตามแผนเขานั้น เวลา 19.00 น.-3 เมษายน 2524 ให้วศินหรือมนูญออกทีวี เป็นสัญญาณนัดหมายตกลง

แต่ยังไม่ทันได้ปรึกษา แม่ทัพวศินท่านก็หายตัวไปก่อนแล้ว เลยต้องแก้ปัญหาเอง คือไม่

หมายเหตุ ผู้รวบรวมขอขอบคุณ ‘เจาะเกราะ’ ‘แนวหน้า’ และคุณมนูญซึ่งเป็นที่มาของผนวกนี้”

 

ดร.ชัยอนันต์
: ถอนการสนับสนุนป๋า

แต่ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช กลับมีความเห็นแตกต่างไป

ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ให้ความเห็นซึ่งสรุปจากข้อความใน “ปฏิญญา 27 มิถุนา” ของคณะทหารหนุ่มว่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างคณะทหารหนุ่มกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นี้เกิดจากการยอมรับว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มี “คุณธรรมความดีเฉพาะตัวท่าน” เท่านั้น

หาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ไม่ได้ก้าวเข้าไปมีตำแหน่งทางการเมือง ก็คงจะถูกประเมินบทบาทเฉพาะทางด้านการทหาร จำกัดเฉพาะกิจการของกองทัพบกแต่เพียงอย่างเดียว

แต่เมื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีแล้ว คณะทหารหนุ่มก็สามารถแยกความสัมพันธ์และการให้ความสนับสนุนแก่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกได้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แม้จะมีคุณธรรมเป็นความดีเฉพาะตัวแต่การบริหารงานทางการเมืองในฐานะผู้นำประเทศเป็นเรื่องที่จะต้องแยกพิจารณาออกไป

และเนื่องจากคณะทหารหนุ่มยึด “หลักการ” มากกว่า “ตัวบุคคล” หลักการที่จะใช้วัดบทบาททางการเมืองของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็คือความสามารถทั้งในฐานะผู้นำรัฐบาล ว่าจะสนองความต้องการของประชาชนได้ดีมากน้อยเพียงใด ถ้าประชาชนไม่ต้องการคณะทหารหนุ่มก็เห็นว่า “เราก็ไปอุ้มท่านไว้ไม่ได้ และเราก็จะทำตามอุดมการณ์ของเรา คือยึดหลักการมากกว่าตัวบุคคล”

คำพูดนี้ชี้ชัดว่าแม้ในขณะที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ คณะทหารหนุ่มก็ตกลงที่จะใช้กำลังทหารทางกองทัพไปเสริมบทบาททางการเมืองของผู้นำกองทัพในระดับหนึ่งเท่านั้น มิใช่สนับสนุนโดยไม่มีหลักการ

ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช สรุปความเป็นไปได้ที่คณะทหารหนุ่มจะถอนการสนับสนุน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะผู้นำทางการเมืองได้เหมือนดังที่เคยถอนการสนับสนุน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ มาแล้ว

แตกต่างตรงข้ามกับความเชื่อของ ดร.บุญชนะ อัตถากร