ลีลา กระบวนท่า เชิง แก่นแก้ว เผยแสดง ณ สุจิตต์ วงษ์เทศ

บทความพิเศษ

 

ลีลา กระบวนท่า

เชิง แก่นแก้ว เผยแสดง

ณ สุจิตต์ วงษ์เทศ

 

การพบและสนทนาระหว่าง เชิง แก่นแก้ว กับ สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นอีกสภาพการณ์หนึ่งซึ่งมีลักษณะในทางประวัติศาสตร์

มิใช่เพราะ เชิง แก่นแก้ว เป็นนักเรียนประวัติศาสตร์ ที่กำลังทำปริญญาเอก

แต่เนื่องเป็นการพบในเทศะอันทรงความหมายยิ่ง ด้านขวามือของห้องโถงเป็นร้านขายหนังสือพิมพ์

ร้านขายหนังสือพิมพ์ที่ไอ้จอร์จเอา “ธงแดงประดับดาว” ไปปัก

ด้านซ้ายมือเป็นห้องอ่านหนังสือ ห้องที่ตรงเข้าไปเป็นห้องโถงอีกห้องหนึ่งสำหรับการประชุมย่อยๆ และนั่งเล่นยามว่าง

หน้าห้องนั่งเล่นนี้มีบันไดลงไปชั้นล่างซึ่งจะเป็น “ห้องอาหาร”

บรรยากาศไม่ว่าที่เห็นอยู่โดยรอบ ไม่ว่าที่เห็นอยู่เบื้องหน้า มองจากสายตาของ สุจิตต์ วงษ์เทศ แปลกอย่างยิ่ง

แปลกจนต้องจดจารบันทึกเอาไว้

 

หนวดเครา รุ่มร่าม

นักสู้ เครางาม

โปสเตอร์รูปนักปฏิวัติแห่งละตินอเมริกาประดับฝาผนังหรูหรา หนวดเครายาวรุ่มร่ามน่ากลัวพิลึก กูชินกับรูปต่างๆ เหล่านี้มาแต่ไหนแต่ไร

เพราะในกรุงเทพฯ เองก็มีรูปต่างๆ เหล่านี้ปรากฏอยู่บ้าง แม้จะไม่มากนัก

แต่พรรคพวกเพื่อนฝูงหลายคนที่นิยมอย่างนี้ทำให้เห็นอยู่ จึงไม่ประหลาดอันใดตั้งแต่แรกเห็น

ความอ่อนแอของมนุษย์กลุ่มหนึ่งทำให้มนุษย์พยายามหาสัญลักษณ์ความแข็งแรงของมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งออกมาปลอบอารมณ์ มากระตุ้น มาเชยชม และพยายามที่จะคิดว่าตัวเองจะเป็นอย่างนี้บ้าง

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครเป็นได้เหมือนที่คิดที่ฝัน

แม้มนุษย์จะมีมือมีตีน มีอาการ 32 ครบเหมือนกัน หากความแตกต่างทางด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมส่วนอื่นๆ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถเป็นอย่างเดียวกันได้ และเพราะความแตกต่างนี้เองที่ทำให้เกิดอารยธรรมนานา เกิดนฤมิตกรรมต่างๆ ในโลก

ในทำนองเดียวกัน ความแตกต่างดังกล่าวก็ทำให้มนุษย์ผิดพ้องหมองใจกันและในที่สุดก็รบกันตายโหงตายห่าสิ้นลมปราณ

 

เชิง แก่นแก้ว

และ มวลชน

เห็นหรือยังว่าเหตุปัจจัยอันเนื่องแต่ เมด อิน U.S.A. นั้นเองได้กลายเป็นอุทานดังกึกก้องตามมาด้วย “โง่ เง่า เต่า ตุ่น”

ดำเนินไปเหมือนกับ “คำสารภาพ” ในทาง “ความคิด”

การเดินตาม เชิง แก่นแก้ว เข้าไปในเคาน์เตอร์ที่ตั้งอาหารแบบช่วยตัวเองของ สุจิตต์ วงษ์เทศ จึงดำเนินไปเหมือนกับเป็นการปฏิบัติธรรม

เพียงแต่เป็นการปฏิบัติในบรรยากาศแห่ง “ธงแดง ประดับดาว”

เพียงแต่เป็นการปฏิบัติในบรรยากาศที่มีภาพของนักปฏิวัติจากแถบละตินอเมริกามารอให้สบสายตา

วงสนทนาแห่งการปฏิบัติธรรมจึงมิได้เปลี่ยวเหงา

นอกเหนือจาก เชิง แก่นแก้ว นอกเหนือจาก สุจิตต์ วงษ์เทศ ยังมี “รดา” นักเรียนกฎหมาย ยังมี “มุกหอม” นักเรียนสาวอีกคนที่กำลังทำวิทยานิพนธ์รับปริญญาโททางมานุษยวิทยา

การเรียบเรียงคำกล่าวจาก เชิง แก่นแก้ว จึงควรติดตาม

 

จาก เมา เซ ตุง

มายัง นิกสัน

ประวัติศาสตร์โลกกำลังจะเริ่มต้นบทใหม่ เมาเซตุงเป็นคนเขียน แต่นิกสันเป็นคนเอากระดาษและปากกาไปให้

หมายความว่ายังไง

หมายความว่านิกสันง้อคืนดีกับจีนแดง เมาเซตุงนั่งตีขิมอยู่เฉยๆ นิกสันเองต่างหากที่ดิ้นรนจะไปหา

ถ้าหากพูดกันอย่างไทยๆ ก็เรียกได้ว่าไป “จิ้มก้อง”

ก็นิกสันจะไปจีนแดง มิใช่หรือ เมาเซตุงเคยอยากมาอเมริกาหรือเปล่าล่ะ

อเมริกาเป็นตัวตั้งตัวตีในการแอนตี้คอมมิวนิสต์ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียหรือจีนแดง โดยเฉพาะทางด้านเอเชียอเมริกาเป็นผู้นำให้ประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทยเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์จีนแดง

แต่ตอนนี้อเมริกาจะไปคืนดีกับจีนแดง ให้นายคิสซิงเจอร์ ที่ปรึกษาของแกไปติดต่อกับจูเอนไหลเพื่อขอเดินทางไปเยือนปักกิ่ง นี่จะมิหมายความว่านายนิกสันผู้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐง้อจีนแดงแล้ว

จะหมายความว่ากระไร

 

เส้นทาง การทูต

ของ คิสซิงเจอร์

นิกสันส่งนายคิสซิงเจอร์ออกตระเวนไปทางเอเชียตามแผนตบตาโลก แกไปเมืองไทยด้วย ออกจากเมืองไทยก็ไปอินเดียเพราะพม่าไม่ให้ลง

จากอินเดียแกเข้าปากีสถาน

พอถึงปากีสถานก็ออกข่าวว่าป่วยเป็นโรคท้องเสีย แต่แท้ที่จริงแล้ว นายพลยายาห์ข่านของปากีสถานจัดเครื่องบินพิเศษให้นายคิสซิงเกอร์หลบไปจีนแดง เรียกว่ายายาห์เป็นตัวกลางให้นายคิสซิงเจอร์เข้าไปปักกิ่งได้

และการที่นายคิสซิงเจอร์เข้าไปปักกิ่งก็เพื่อไปขอร้องให้รัฐบาลจีนที่ปักกิ่งเชิญนิกสันไปเที่ยว

คุณพอจะเข้าใจหรือยัง

คุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ยังพยายามกล่าว่าจีนแดงเป็นผู้ก่อสงครามในเวียดนาม ถามจริงๆ เถอะ คุณเป็นนักหนังสือพิมพ์ยังไงกันจึงไม่รู้เรื่องอะไรเสียบ้างเลย

โลกนี้เขาไปถึงไหนกันแล้ว

คุณพอจะรู้ประวัติศาสตร์ของเวียดนามบ้างหรือเปล่า คุณรู้ไหมญวนรบกับจีนเป็นเวลาพันๆ ปี แล้วญวนก็ต้องมารบกับฝรั่งอีก ปัจจุบันญวนรบกับอเมริกาซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ

ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าญวนไม่มีโอกาสหยุดพักการสู้รบเลย แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ทั้งๆ ที่ทุกประเทศเขาหยุดรบกันแล้วและเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว

อะไรทำให้ญวนเป็นอย่างนั้น

 

จาก เชิง แก่นแก้ว

ถึง สุจิตต์ วงษ์เทศ

แต่ละคำถามอันมาจาก เชิง แก่นแก้ว ไม่ว่าในเรื่องการเดินทางไปของนิกสันเพื่อจิ้มก้องจีน ไม่ว่าในเรื่อง “คุณเป็นนักหนังสือพิมพ์ยังไงกัน” ไม่ว่าการทบทวนความรู้ในทางประวัติศาสตร์

จีนกับเวียดนาม เวียดนามกับจีน ฝรั่งเศส อเมริกา ยิ่งเมื่อรุกไล่ไปถึงระนาบที่ว่า “คุณพอจะเข้าใจหรือยัง

หากตกอยู่ใน ‘สภาพ’ แบบ สุจิตต์ วงษ์เทศ จะเป็นอย่างไรได้นอกเสียจาก

‘ความรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนจะจับไข้เข้ามาครอบครองหัวใจกู’ นี่กูไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยหรือนี่

อเมริกาเป็นไปแล้วถึงขนาดนี้หรือนี่

คิดถึงบ้านเหลือเกิน ป่านฉะนี้บ้านเราจะเป็นอย่างไร ภัยจากคอมมิวนิสต์จะคืบคลานมาถึงขนาดไหน ถ้าหากอเมริกาคืนดีกับจีนแดงได้อย่างนี้แล้วบ้านเราจะทำอะไรต่อ

ชีวิตไพร่ฟ้าประชาชนพลเมืองจะทำอย่างไร ความรู้สึกที่เคยเกลียดเคยกลัวคอมมิวนิสต์จะเปลี่ยนไปอย่างไร”

 

รำพึง แห่ง รำพึง

ตัวกู จะเชื่อใคร

ตัวกูจะเชื่อใครดี และจะทำตัวอย่างไรถ้าหากพบหน้าค่าตาคอมมิวนิสต์ตัวจริง เขาจะมิขย้ำกูเสียหรือ

เพราะตัวกูก็เล็กนิดเดียว

ประเทศกูก็เพียงหยิบมือเดียว

ในเมื่อแต่ก่อนร่อนชะไรกูด่าเขามาปาวๆ เดี๋ยวนี้เขาจะคืนดีกัน แล้วใครจะช่วยกูป้องกันตัว