ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
ลีลา กระบวนท่า
เชิง แก่นแก้ว เผยแสดง
ณ สุจิตต์ วงษ์เทศ
การพบและสนทนาระหว่าง เชิง แก่นแก้ว กับ สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นอีกสภาพการณ์หนึ่งซึ่งมีลักษณะในทางประวัติศาสตร์
มิใช่เพราะ เชิง แก่นแก้ว เป็นนักเรียนประวัติศาสตร์ ที่กำลังทำปริญญาเอก
แต่เนื่องเป็นการพบในเทศะอันทรงความหมายยิ่ง ด้านขวามือของห้องโถงเป็นร้านขายหนังสือพิมพ์
ร้านขายหนังสือพิมพ์ที่ไอ้จอร์จเอา “ธงแดงประดับดาว” ไปปัก
ด้านซ้ายมือเป็นห้องอ่านหนังสือ ห้องที่ตรงเข้าไปเป็นห้องโถงอีกห้องหนึ่งสำหรับการประชุมย่อยๆ และนั่งเล่นยามว่าง
หน้าห้องนั่งเล่นนี้มีบันไดลงไปชั้นล่างซึ่งจะเป็น “ห้องอาหาร”
บรรยากาศไม่ว่าที่เห็นอยู่โดยรอบ ไม่ว่าที่เห็นอยู่เบื้องหน้า มองจากสายตาของ สุจิตต์ วงษ์เทศ แปลกอย่างยิ่ง
แปลกจนต้องจดจารบันทึกเอาไว้
หนวดเครา รุ่มร่าม
นักสู้ เครางาม
โปสเตอร์รูปนักปฏิวัติแห่งละตินอเมริกาประดับฝาผนังหรูหรา หนวดเครายาวรุ่มร่ามน่ากลัวพิลึก กูชินกับรูปต่างๆ เหล่านี้มาแต่ไหนแต่ไร
เพราะในกรุงเทพฯ เองก็มีรูปต่างๆ เหล่านี้ปรากฏอยู่บ้าง แม้จะไม่มากนัก
แต่พรรคพวกเพื่อนฝูงหลายคนที่นิยมอย่างนี้ทำให้เห็นอยู่ จึงไม่ประหลาดอันใดตั้งแต่แรกเห็น
ความอ่อนแอของมนุษย์กลุ่มหนึ่งทำให้มนุษย์พยายามหาสัญลักษณ์ความแข็งแรงของมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งออกมาปลอบอารมณ์ มากระตุ้น มาเชยชม และพยายามที่จะคิดว่าตัวเองจะเป็นอย่างนี้บ้าง
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครเป็นได้เหมือนที่คิดที่ฝัน
แม้มนุษย์จะมีมือมีตีน มีอาการ 32 ครบเหมือนกัน หากความแตกต่างทางด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมส่วนอื่นๆ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถเป็นอย่างเดียวกันได้ และเพราะความแตกต่างนี้เองที่ทำให้เกิดอารยธรรมนานา เกิดนฤมิตกรรมต่างๆ ในโลก
ในทำนองเดียวกัน ความแตกต่างดังกล่าวก็ทำให้มนุษย์ผิดพ้องหมองใจกันและในที่สุดก็รบกันตายโหงตายห่าสิ้นลมปราณ
เชิง แก่นแก้ว
และ มวลชน
เห็นหรือยังว่าเหตุปัจจัยอันเนื่องแต่ เมด อิน U.S.A. นั้นเองได้กลายเป็นอุทานดังกึกก้องตามมาด้วย “โง่ เง่า เต่า ตุ่น”
ดำเนินไปเหมือนกับ “คำสารภาพ” ในทาง “ความคิด”
การเดินตาม เชิง แก่นแก้ว เข้าไปในเคาน์เตอร์ที่ตั้งอาหารแบบช่วยตัวเองของ สุจิตต์ วงษ์เทศ จึงดำเนินไปเหมือนกับเป็นการปฏิบัติธรรม
เพียงแต่เป็นการปฏิบัติในบรรยากาศแห่ง “ธงแดง ประดับดาว”
เพียงแต่เป็นการปฏิบัติในบรรยากาศที่มีภาพของนักปฏิวัติจากแถบละตินอเมริกามารอให้สบสายตา
วงสนทนาแห่งการปฏิบัติธรรมจึงมิได้เปลี่ยวเหงา
นอกเหนือจาก เชิง แก่นแก้ว นอกเหนือจาก สุจิตต์ วงษ์เทศ ยังมี “รดา” นักเรียนกฎหมาย ยังมี “มุกหอม” นักเรียนสาวอีกคนที่กำลังทำวิทยานิพนธ์รับปริญญาโททางมานุษยวิทยา
การเรียบเรียงคำกล่าวจาก เชิง แก่นแก้ว จึงควรติดตาม
จาก เมา เซ ตุง
มายัง นิกสัน
ประวัติศาสตร์โลกกำลังจะเริ่มต้นบทใหม่ เมาเซตุงเป็นคนเขียน แต่นิกสันเป็นคนเอากระดาษและปากกาไปให้
หมายความว่ายังไง
หมายความว่านิกสันง้อคืนดีกับจีนแดง เมาเซตุงนั่งตีขิมอยู่เฉยๆ นิกสันเองต่างหากที่ดิ้นรนจะไปหา
ถ้าหากพูดกันอย่างไทยๆ ก็เรียกได้ว่าไป “จิ้มก้อง”
ก็นิกสันจะไปจีนแดง มิใช่หรือ เมาเซตุงเคยอยากมาอเมริกาหรือเปล่าล่ะ
อเมริกาเป็นตัวตั้งตัวตีในการแอนตี้คอมมิวนิสต์ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียหรือจีนแดง โดยเฉพาะทางด้านเอเชียอเมริกาเป็นผู้นำให้ประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทยเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์จีนแดง
แต่ตอนนี้อเมริกาจะไปคืนดีกับจีนแดง ให้นายคิสซิงเจอร์ ที่ปรึกษาของแกไปติดต่อกับจูเอนไหลเพื่อขอเดินทางไปเยือนปักกิ่ง นี่จะมิหมายความว่านายนิกสันผู้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐง้อจีนแดงแล้ว
จะหมายความว่ากระไร
เส้นทาง การทูต
ของ คิสซิงเจอร์
นิกสันส่งนายคิสซิงเจอร์ออกตระเวนไปทางเอเชียตามแผนตบตาโลก แกไปเมืองไทยด้วย ออกจากเมืองไทยก็ไปอินเดียเพราะพม่าไม่ให้ลง
จากอินเดียแกเข้าปากีสถาน
พอถึงปากีสถานก็ออกข่าวว่าป่วยเป็นโรคท้องเสีย แต่แท้ที่จริงแล้ว นายพลยายาห์ข่านของปากีสถานจัดเครื่องบินพิเศษให้นายคิสซิงเกอร์หลบไปจีนแดง เรียกว่ายายาห์เป็นตัวกลางให้นายคิสซิงเจอร์เข้าไปปักกิ่งได้
และการที่นายคิสซิงเจอร์เข้าไปปักกิ่งก็เพื่อไปขอร้องให้รัฐบาลจีนที่ปักกิ่งเชิญนิกสันไปเที่ยว
คุณพอจะเข้าใจหรือยัง
คุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ยังพยายามกล่าว่าจีนแดงเป็นผู้ก่อสงครามในเวียดนาม ถามจริงๆ เถอะ คุณเป็นนักหนังสือพิมพ์ยังไงกันจึงไม่รู้เรื่องอะไรเสียบ้างเลย
โลกนี้เขาไปถึงไหนกันแล้ว
คุณพอจะรู้ประวัติศาสตร์ของเวียดนามบ้างหรือเปล่า คุณรู้ไหมญวนรบกับจีนเป็นเวลาพันๆ ปี แล้วญวนก็ต้องมารบกับฝรั่งอีก ปัจจุบันญวนรบกับอเมริกาซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ
ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าญวนไม่มีโอกาสหยุดพักการสู้รบเลย แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ทั้งๆ ที่ทุกประเทศเขาหยุดรบกันแล้วและเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว
อะไรทำให้ญวนเป็นอย่างนั้น
จาก เชิง แก่นแก้ว
ถึง สุจิตต์ วงษ์เทศ
แต่ละคำถามอันมาจาก เชิง แก่นแก้ว ไม่ว่าในเรื่องการเดินทางไปของนิกสันเพื่อจิ้มก้องจีน ไม่ว่าในเรื่อง “คุณเป็นนักหนังสือพิมพ์ยังไงกัน” ไม่ว่าการทบทวนความรู้ในทางประวัติศาสตร์
จีนกับเวียดนาม เวียดนามกับจีน ฝรั่งเศส อเมริกา ยิ่งเมื่อรุกไล่ไปถึงระนาบที่ว่า “คุณพอจะเข้าใจหรือยัง
หากตกอยู่ใน ‘สภาพ’ แบบ สุจิตต์ วงษ์เทศ จะเป็นอย่างไรได้นอกเสียจาก
‘ความรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนจะจับไข้เข้ามาครอบครองหัวใจกู’ นี่กูไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยหรือนี่
อเมริกาเป็นไปแล้วถึงขนาดนี้หรือนี่
คิดถึงบ้านเหลือเกิน ป่านฉะนี้บ้านเราจะเป็นอย่างไร ภัยจากคอมมิวนิสต์จะคืบคลานมาถึงขนาดไหน ถ้าหากอเมริกาคืนดีกับจีนแดงได้อย่างนี้แล้วบ้านเราจะทำอะไรต่อ
ชีวิตไพร่ฟ้าประชาชนพลเมืองจะทำอย่างไร ความรู้สึกที่เคยเกลียดเคยกลัวคอมมิวนิสต์จะเปลี่ยนไปอย่างไร”
รำพึง แห่ง รำพึง
ตัวกู จะเชื่อใคร
ตัวกูจะเชื่อใครดี และจะทำตัวอย่างไรถ้าหากพบหน้าค่าตาคอมมิวนิสต์ตัวจริง เขาจะมิขย้ำกูเสียหรือ
เพราะตัวกูก็เล็กนิดเดียว
ประเทศกูก็เพียงหยิบมือเดียว
ในเมื่อแต่ก่อนร่อนชะไรกูด่าเขามาปาวๆ เดี๋ยวนี้เขาจะคืนดีกัน แล้วใครจะช่วยกูป้องกันตัว
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022