ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 มกราคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
ในประเทศ
บันทึกศาสตร์แห่งโหร
ผ่าดวง(การ)เมืองปีจอ
ตรวจชะตาคสช.-พรรค
อําลาปีระกา 2560 ก้าวเข้าสู่ปีจอ 2561 อนาคตประเทศไทยด้านการเมืองและเศรษฐกิจเป็นอย่างไร
โสรัจจะ นวลอยู่ กับ ฟองสนาน จามรจันทร์ นักโหราศาสตร์ดัง บันทึกคำพยากรณ์ลงในหนังสือ “ศาสตร์แห่งโหร 2561” ไว้อย่างน่าสนใจ
ต่อจากนี้คือคำทำนายของ 2 โหรดังที่สรุปมาเพียงบางส่วน
โสรัจจะ นวลอยู่ ฉายานอสตราดามุสเมืองไทย ชี้ว่า
ในปีนี้จะมีสิ่งดีและไม่ดีเกิดขึ้นพร้อมกัน
สยามประเทศถูกร้อยด้วยดาวบาปเคราะห์เป็นลูกโซ่
อาถรรพ์ของดวงประชาธิปไตยได้สำแดงฤทธิ์อีกครั้ง
ราหูอยู่ราศีกรกฎตั้งฉากกับลัคนาดวงเมืองและครอบงำอยู่ ณ ราศีกรกฎไปอีก 1 ปีเต็ม
ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองควรต้องระมัดระวังรอบคอบ สภาพบ้านเมืองไม่ปกติสุข คับขัน เอาชนะกันด้วยอารมณ์แทนที่จะเห็นแก่ผลประโยชน์ประเทศชาติ จนเกิดความวุ่นวายปั่นป่วนทางการเมือง
อาถรรพ์ดวงดาวบาปเคราะห์เสาร์บ่งว่าสภาวะของประเทศเกิดความแตกร้าวรุนแรง ไม่อาจผสานกันได้ แสดงถึงจุดยุ่งยากที่หัวหน้ารัฐบาลต้องเผชิญ
ดวงเมืองแห่งยุคคลั่งไคล้ประชาธิปไตยครึ่งใบ เดือนมีนาคม ดาวอาทิตย์โคจรเข้าสู่ภพวินาสน์ของราศีเมษ ถูกบาปเคราะห์ทำมุมกากบาทแล้วยังถูกดาวเสาร์เล่นงาน
เกิดความร้าวฉานในประเทศ แบ่งชั้นวรรณะ แบ่งค่าย แบ่งสี ให้สังคม ชุมชน ครอบครัว เป็นบาดแผลร้าวลึก ไม่สามารถประสานให้กลับมาเหมือนเดิมได้
อุบัติอิทธิพลของดาวมฤตยูทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร สงครามกลางเมือง ประกาศกฎอัยการศึก รัฐธรรมนูญเขียนขึ้นแล้วก็ต้องล้มแล้วล้มเล่า ต้องเปลี่ยนอยู่เรื่อย
มีการปฏิรูปใหม่ๆ เกิดขึ้น ช่วงต้นปีประเทศจะมีท่าทีใหม่ เข้าสู่ยุคใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มีแผนการใหม่ที่เหมาะสมกับประเทศ มิฉะนั้นจะนองเลือด
ประเทศตกอยู่ในบรรยากาศคุกรุ่นรอเกิดความรุนแรงครั้งยิ่งใหญ่ เป็นปีสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยต้องตราตรึง
เข้าสู่วังวนแห่งวิบากกรรมที่มนุษย์สร้างและกำหนดขึ้น
ตั้งแต่ต้นปี ดวงประเทศจะผูกพันกับดาว 3 ดวง ดาวราหู ดาวพฤหัสบดี และดาวมฤตยู
ดาวพฤหัสบดีสถิตราศีตุล อิทธิพลดาวพฤหัสบดีที่เล็งกับลัคนาเมืองเป็นมุมทะลุทะลวง รูปแบบการโคจร มองเห็นความไม่ปรองดองของนักการเมือง
เดือนมีนาคม พระเสาร์โคจรร่วมกับพระอังคารดาวเลือด ระวังเหตุจะรุนแรงขึ้น แผ่ซ่านไปทั่วอาณาจักร ปะทุตัวเตรียมระเบิดกลุ่มบูชาหลักการปกครองสมัยใหม่ซึ่งกำลังปลุกปั่นผู้คนอย่างเต็มที่
เศรษฐกิจที่ตกต่ำสุดขีดยังไม่ได้รับการเยียวยา
บ้านเมืองพลิกถอยหลังเข้าคลอง เป็นปีคาบลูกคาบดอก
ราษฎรแข็งข้อด้วยระอาต่อการกระทำของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่หลงอำนาจและคอร์รัปชั่น
ประเทศไทยปี 2561 มีสิ่งน่าเพ่งเล็ง ในเดือนมกราคม-มีนาคม เริ่มเกิดความวิบัติทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพายุโซนร้อนหลายระลอก
น้ำท่วมจังหวัดภาคเหนือรุนแรงเป็นแรมเดือน ลามลงมายังภาคกลางไปทั่วประเทศรวมถึงภาคใต้ สูญเสียผู้คนและเสียทรัพย์จำนวนมาก กรุงเทพฯ จะจมอยู่ใต้น้ำโดยเฉพาะฝั่งธนบุรี
เหตุการณ์เดิมนี้จะเกิดขึ้นอีกในเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม คนยากจนต้องเผชิญทุกข์ยากหนักและรุนแรงกว่าปีก่อนๆ เสียหายทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศ
ตลอดทั้งปีเศรษฐกิจไทยมีแต่แย่ลง
ค่าครองชีพสูงขึ้น หนี้สินเพิ่ม รายได้คงที่ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นไม่ว่าค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าก๊าซ ค่าน้ำมัน ส่งผลกระทบต่อฐานะความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ระวังภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว น้ำท่วมและวาตภัย
ความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองจะพลิกผันตามไม่ทัน
เตือนผู้นำและนักการเมืองที่ยังคิดซ่อนเร้นไปสู่จุดสำเร็จของตนเองเท่านั้น อย่าได้คิดเด็ดขาด
ดวงดาวปี 2561 ส่งผลต่อธาตุแท้นักการเมืองและผู้นำที่หวังแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ไม่หวังดีต่อประเทศให้ไม่อาจเก็บงำความชั่วไว้ได้ จะถูกเปิดโปงโดยมีประชาชนเป็นผู้ตัดสินความผิดและลงโทษ
ตามดวงเมืองของประเทศ หลังการปฏิรูปโดยประชาชน ประเทศจะถูกควบคุมหรือกุมบังเหียนโดยอำนาจยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร
แต่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ
ประเทศจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ระยะหนึ่งแล้วค่อยเงยหัวขึ้นเหมือนเครื่องบินตั้งลำได้
อำนาจยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพริบตาในปี 2561 นี้ ไม่ได้มอบไว้ให้ใครหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่จะพัฒนาไปในรูปแบบของตัวเอง
ฟองสนาน จามรจันทร์ โหรสมัครเล่นผู้เคยทำนายหลายเหตุการณ์ได้แม่นยำ ระบุ
มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่เกี่ยวกับประเด็นสำคัญและพื้นฐานของเมือง การเมือง นักการเมือง บุคคลสำคัญในเมืองแบบล็อกถล่ม
เป็นการปฏิวัติหรือน้องๆ ปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเมืองหรือการเมืองตลอดปี 2561
เมือง-ประเทศยังถูกโฉลกกับการปฏิวัติ มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ที่แปลกใหม่สร้างความแปลกใจ พลิกล็อก ใครที่คิดว่าจะเป็นกลับไม่เป็น อะไรที่คิดว่าจะไม่เป็นกลับเป็น สถานการณ์นี้จะเกิดในทุกด้านและทุกเรื่อง
บุคคลสำคัญในเมืองและผู้นำองค์กรต่างๆ ทั้งหญิงชาย ล้วนเป็นเป้าหมายการเขย่าและเปลี่ยนแปลงจนสามารถสร้างความแปลกใจอัศจรรย์ใจได้ทุกเมื่อตลอดทั้งปี
ยังมีเกณฑ์ที่น่าสนใจคือ เกณฑ์เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับหญิงที่มีพื้นเพสามัญชน ที่น่าจับตามองระหว่างเดือนสิงหาคม 2560 ถึงกุมภาพันธ์ 2562
ด้านการเมือง นักการเมือง พรรคการเมืองยังเขย่าต่อไป เกิดการเปลี่ยนแปลง หาความลงตัวไม่ค่อยได้
จะมีพรรคการเมือง นักการเมือง กลุ่มหรือผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ผุดแทรกเข้ามาในวงการ
เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เกี่ยวกับกลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน หรือกลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อหาความลงตัวที่ต้องผ่านการเขย่าอย่างหนัก
ระยะเดียวกัน ประมาณเดือนสิงหาคม 2560 ถึงสิ้นปี 2561 และประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เกิดการเขย่าอย่างหนักในฝั่งผู้มีอำนาจ คสช. และคณะรัฐบาล เพื่อหาความลงตัว
แต่ผลออกมาจะดีกว่าฝั่งกลุ่มที่ไม่ใช่รัฐบาล
การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ผลเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดพลิกผัน
ใครที่คิดว่าใช่จะไม่ใช่ อะไรหรือใครที่คิดว่าไม่ใช่ก็จะใช่
เกณฑ์การเลือกตั้งคาดว่าเกิดสองช่วง
รอบแรก ระหว่าง 9 กุมภาพันธ์-21 เมษายน 2561
แม้ทำท่าคล้ายจะมีเลือกตั้ง แต่ช่วงประมาณวันที่ 10 มีนาคม 2561 กลับดูเหมือนต้องเลื่อนออกไปด้วยปัญหาเทคนิคด้านกฎหมายหรืออะไรสักอย่าง
หรือไม่อาจออกไปในทางให้เลือกตั้งท้องถิ่น ผู้ว่าฯ กทม. ฯลฯ นำร่องซ้อมก่อนเลือกตั้งใหญ่หรือ “มินิเลือกตั้ง”
รอบต่อไปที่เกณฑ์น่าจะมีการเลือกตั้งจริงจังคือ ระหว่าง 6 ตุลาคม 2561 จนถึงสิ้นปีและมีสิทธิ์ยาวข้ามปีไปถึง 30 ตุลาคม 2562
รอบนี้ ก่อนจะมีการเลือกตั้งประมาณกันยายน 2561 หุ้นส่วนหรือผู้มีส่วนได้เสียในเมือง พรรคการเมือง จะแตกคอสู้กันอย่างหนักเนื่องจากการหาเสียง
แต่เมื่อเลือกตั้งแล้วอาจได้เห็นการจับมือทางการเมืองแบบแปลกประหลาดพิสดารเกินคาดคิด
จากนั้นประมาณ 16 ธันวาคมเป็นต้นไป จะเริ่มมีแววตกลงกันได้ตามสูตร มีแนวโน้มได้บุคคลที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีแบบแปลกประหลาดในระยะเวลา 1 เดือน
อนาคต คสช. หรือลัทธิทหารหลังผ่านไปกว่า 3 ปี
จะมีลีลาถอยออกจากการเมืองท่ามกลางความแปลกประหลาดมากๆ
ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 การผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ จะเริ่มปรากฏด้วยมีสถานการณ์รัฐธรรมนูญและกฎหมายเป็นแรงบีบ
ส่วนการผ่อนคลายอันเป็นจุดพลิกสถานการณ์จะเกิดขึ้นตั้งแต่หลังวันเกิดดวงเมือง 21 เมษายน 2561
แม้ยังมีอำนาจบริหารประเทศ แต่ทหารจะค่อยๆ ทบทวนและลดบทบาทลงตั้งแต่ต้นหรือกลางเดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนกันยายน 2561
หากปรับ ครม. จะเป็นช่วงที่ทหารหลุดโผจำนวนมาก
กระบวนการถอยของทหารจะเป็นไปในขณะที่ทหารยังเข้มแข็ง เมืองเริ่มเดินหน้าตามครรลองที่ควรเป็น แต่ยังไม่วายมีแบบแผนแปลกประหลาดพลิกล็อกในทางการเมืองและบุคคลสำคัญในเมืองต่อไป
สำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือบุคคลสำคัญคนอื่นๆ หลังการเลือกตั้ง
เกณฑ์สำคัญให้จับตาตลอดปี 2561 คือ ถ้าเมืองเสียอะไรไปจะได้กลับคืนมา และได้กลับมาดีด้วย
เพียงแต่หากหมายถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ทายไม่ถูกว่านายกรัฐมนตรีเก่า รัฐบาลเก่าที่จะได้กลับมานั้น จะย้อนอดีตไปนานเท่าใด เพราะคำทำนายเป็นไปตามตำรา
อย่างอื่นขึ้นอยู่กับวาสนาและดวงชะตาจรของแต่ละบุคคล
ในวันเลือกตั้งนั้นๆ ด้วย