เมนูข้อมูล : กระแสที่เริ่มหวนกลับ

แม้ท่านผู้นำประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะประกาศไปแล้วว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะจัดให้มีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561 โดยภายในเดือนสิงหาคม 2561 จะประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนให้โลกได้รับรู้

แต่กระทั่งป่านนี้ คำถามที่เกิดขึ้นในแวดวงสนทนาของคนไทย โดยเฉพาะที่ใส่ใจติดตามความเป็นไปทางการเมืองยังคงเป็น “จะมีเลือกตั้งหรือไม่”

ความไม่แน่ใจที่เกิดขึ้นนั้นไม่เพียงเป็นความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่ตั้งคำถามเท่านั้น กระทั่งนักวิเคราะห์ที่สะสมประสบการณ์มาจนขึ้นว่า “ผู้เชี่ยวชาญการเมือง” ยังยากที่จะมีใครกล้าฟันธง

และอย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย แม้ “ท่านผู้นำ” ที่ประกาศเองว่าจะเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2561 ยังดูเหมือนจะอ้ำๆ อึ้งๆ เมื่อถูกถามเพื่อให้ย้ำความแน่นอนเรื่องวันเลือกตั้ง

กลายเป็นว่าวาระแห่งการคืนอำนาจให้ประชาชนยังเป็นเรื่องที่หาความชัดเจนไม่ได้

แม้การจะเป็นอำนาจที่ถูกชี้ให้เห็นว่ามีการลิดรอนไปมากมายด้วยกติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ตาม

เหมือนกับว่ายังมีเรื่องราวต้องกังวลมากมาย

กังวลว่าจะ “เสียของ”

อย่างไรก็ตาม แม้จะหวาดผวาหวั่น ว่าไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ จะเป็นเหมือนที่เคยหมิ่นแคลนการรัฐประหารก่อนหน้านั้นว่า “เสียของ” แต่ในที่สุดแล้ว สถานการณ์จะค่อยๆ ล้อมให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น

ไม่ว่าใครจะคิดอะไรก็ตาม แต่ในวันที่ประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าความควรจะเป็นคือเลือกตั้งได้แล้ว ย่อมเป็นแรงกดดันที่ยากจะต้านทานให้ยืดยาวออกไป

และดูเหมือนว่าวันนั้นได้มาถึงแล้ว ผลสำรวจเรื่อง “ปลดล็อกพรรคการเมืองกับการเลื่อนการเลือกตั้ง” ของ “นิด้าโพล”

ในคำถามที่ว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมของพรรคเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งปลายปี 2561” มีผู้ตอบ “เห็นด้วย” ร้อยละ 77.60 ด้วยเหตุผลว่าแต่ละพรรคการเมืองจะได้มีการเตรียมตัว เตรียมนโยบายพรรค เพื่อใช้ในการหาเสียง เป็นแรงกระตุ้นในการระดมความคิดของนักการเมือง เกิดความเป็นธรรม และเป็นอิสระต่อพรรคการเมือง

ขณะที่บางส่วนระบุชัดเจนไปเลยว่า อยากให้มีการเลือกตั้งเพื่อที่จะทำให้บ้านเมืองเศรษฐกิจดีขึ้น และเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศว่ารัฐบาลไทยมาจากการเลือกตั้ง

มีเพียงร้อยละ 17.60 เท่านั้นที่ตอบว่า “ไม่เห็นด้วย” โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ ยังไม่สงบเรียบร้อยดี อาจทำให้เกิดความวุ่นวาย ไม่มั่นใจพรรคการเมือง มีแต่นักการเมืองหน้าเดิมๆ

ขณะที่บางส่วนระบุว่า รอให้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้ บ้านเมืองสงบดีอยู่แล้ว

ผลของโพลนี้ระบุเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกเสียจากเป็นภาพสะท้อนความคิดประชาชนส่วนใหญ่ว่าต้องการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

เป็นความต้องการที่เป็นผลจากความเชื่อมั่นความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้อง

เป็นความเชื่อมั่นที่มอบให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

อันหมายความทดแทนได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ปรารถนาการเลือกตั้งแล้ว

เพียงแต่เป็นความปรารถนาที่สะท้อนผ่านการสำรวจ

ยังไม่ใช่การส่งเสียงออกมาเตือนให้ตระหนักถึงปรารถนานั้นด้วยตัวเอง

แต่แม้กระนั้น ย่อมค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า การเลือกตั้งจะอยู่ในความไม่แน่นอนไม่ได้แล้ว ไม่ว่าผู้มีอำนาจทั้งหลายปรารถนาจะให้เป็นอย่างไรก็ตาม