ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 ธันวาคม 2560 - 4 มกราคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ดังได้สดับมา |
ผู้เขียน | วิเวกา นาคร |
เผยแพร่ |
เป็นอันว่าไม่ว่า สุชีพ ปุญญานุภาพ ไม่ว่า สมพร เทพสิทธา ไม่ว่า เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไม่ว่าคณะกรรมการนักศึกษา ม.ม.ร. อันเป็นศิษย์ยอมรับตรงกัน
ตรงกันในเรื่อง “ความจำ” อันยอดเยี่ยม
“ศึกษาความรู้เรื่องพระพุทธศาสนามหายานจากหนังสือ “ลัทธิของเพื่อน” ของ “เสถียรโกเศศ-นาคะประทีป” รู้จักใช้ถ้อยคำได้ถูกต้องตามหลักวิชา ประกอบกับเป็นผู้มีความจำดีจึงจดจำเรื่องราวในหนังสือที่อ่านไว้ได้มาก
“สามารถอธิบายรูปปฏิมาต่างๆ ในวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) ได้ถูกต้องถี่ถ้วน
“ยิ่งกว่านั้น การซักถามพระจีน พระญวน ที่มีความรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วนก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้มีความรู้ในเรื่องของจีนและญวนแตกฉานขึ้น”
เป็นจุดเด่นของ ด.ช.เสถียร กมลมาลย์ ที่ สุชีพ ปุญญานุภาพ ได้ประสบ
ที่ สมพร เทพสิทธา แสดงความอัศจรรย์เมื่อ เสถียร โพธินันทะ พาชมวัดจีนแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา จึงเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
จึงจำคำในภาษาบาลีได้ จึงสามารถอ้างประโยคในพระไตรปิฎกได้เป็นหน้าๆ ดังที่ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ได้ยกย่อง
ยิ่งกว่านั้นความสนใจของ เสถียร โพธินันทะ ยังโน้มเอียงไปทาง “มหายาน”
ดังคำบอกเล่าจาก สุชีพ ปุญญานุภาพ ที่ว่า เพราะเหตุที่มีความสนใจในพระพุทธศาสนามาแต่อายุน้อยจึงสนใจติดต่อกับชาวจีนที่มีความรู้ดีทางพระพุทธศาสนา
สมาคมพระพุทธศาสนาฝ่ายจีนที่นับว่าเด่นมากในด้านงานค้นคว้าและวิชาการทางพระพุทธศาสนาก็คือ
“สมาคมพุทธบริษัทไทยจีนประชา”
หรือที่เรียกในภาษาจีนว่า “ไทก้กตงฮั้วหุกฮักเงียงกิ้วเสีย” ชื่อในภาษาจีนนี้ถ้าจะแปลเป็นไทยให้ตรงความหมายก็คือ สมาคมค้นคว้าทางพระพุทธศาสนาไทยจีน ทั้งยังมีการชุมนุมแสดงปาฐกถาสวดมนต์ สนทนาธรรมเป็นประจำด้วย
สมาคมนี้ตั้งอยู่บนตึกชั้นบนของห้างเยาวราช (ตอนนั้นยังมิได้ย้าย) หลังวัดกันมาตุยาราม
เสถียร โพธินันทะ ได้ไปติดต่อสนทนาธรรมซักไซ้ไต่ถามผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นผู้ใหญ่มีความรู้สูง เช่น นายแพทย์ตันม่อเซี้ยง
ในกาลต่อมานายแพทย์ผู้นี้ได้พยายามฝึกฝนภาษาไทยจนสามารถแสดงปาฐกถาเป็นภาษาไทยได้โดยไม่ต้องมีล่าม แม้ว่าในระยะแรกๆ ท่านจะต้องมี เสถียร โพธินันทะ ช่วยเป็นล่ามให้ก็ตาม เสถียร โพธินันทะ มีพื้นความรู้ทางมหายานเพราะการติดต่อซักถามผู้รู้เช่นนายแพทย์ตันม่อเซี้ยงและกรรมการท่านอื่นๆ อีก
สุชีพ ปุญญานุภาพ นั้นเองที่นำ เสถียร โพธินันทะ เข้าสู่แวดวงทางปัญญาแห่งพระพุทธศาสนา โดยเริ่มต้นก็คือ การนำบทความเรื่อง “พระพุทธศาสนากับคนหนุ่ม” ตีพิมพ์ผ่านนิตยสาร “ธรรมจักษุ” ตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2488 หลังสงคราม
ตั้งแต่ยังเป็น ด.ช.เสถียร กมลมาลย์ อายุ 17 ปี
จากนั้นก็ได้รับเชิญให้แสดงปาฐกถาแห่งแรกคือ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าวัดบวรนิเวศฯ
สุชีพ ปุญญานุภาพ เล่าว่า “เสถียร โพธินันทะ แต่งตัวแบบเด็กนักเรียนไปแสดง คือ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว นุ่งกางเกงสีดำขาสั้น แสดงเรื่องอะไรจำไม่ได้
จำได้แต่เพียงว่าผู้เขียนเป็นผู้นำเด็กชายผู้นี้ไปแสดงและทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยให้กำลังใจ คอยแนะนำติชม เมื่อไปพูดในที่ต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งได้ทำความตื่นเต้นสนใจให้แก่ผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อแสดงปาฐกถาที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยนั้นอายุได้ 18 ปี
นั่นก็คือ เมื่อปี พ.ศ.2489 หลังมีบทความตีพิมพ์ใน “ธรรมจักษุ”
อาจกล่าวได้ว่าบทบาทในฐานะผู้เผยแผ่ธรรมแห่งพุทธศาสนาของ เสถียร โพธินันทะ เริ่มต้นเมื่อรู้จักกับ สุชีโวภิกขุ ณ วัดกันมาตุยาราม
เวทีแห่งแรกคือ “ธรรมจักษุ” เวทีต่อมาคือ “พุทธสมาคม”
ที่ธรรมจักษุเป็นบทบาทในฐานะนักเขียน ที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยเป็นบทบาทในฐานะนักปาฐกถา
และที่สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นบทบาทในฐานะอาจารย์