เผยแพร่ |
---|
มี “จุดร่วม”อย่างสำคัญทางการเมือง ไม่ว่าจะมองจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมองจากพรรคเพื่อไทย
1 จุดร่วมที่เห็น “การเลือกตั้ง” เป็นทางออก
ไม่เพียงแต่ทางออกจากระบอบเผด็จการจากรัฐประหารเมื่อ เดือนพฤษภาคม 2557
หากยังเป็นทางออกจาก “รัฐบาลทหาร”
เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ กับ เสียงของพรรคเพื่อไทย จึงไปในทางเดียวกันเมื่อพูดถึง “การเลือกตั้ง”
อีกจุดร่วม 1 ซึ่งสำคัญคือ สินทรัพย์ “ร่วม” ทางการเมือง
ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ต่างเห็น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือสินทรัพย์”ร่วม”อันทรงความหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ หัวคะแนน
แม้ว่าการเข้ามาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนำพาประเทศให้เข้าสู่ร่มเงาของระบอบทหารจากกระบวนการรัฐประหาร
แต่จากเดือนพฤษภาคม 2557 ถึงเดือนมกราคม 2560
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สร้างอารมณ์ความรู้สึกในทางสังคมได้อย่างลึกซึ้ง กว้างขวาง
สังคมค่อยๆเรียนรู้ “ปัญหา” ที่ดำรงอยู่ใน “สังคมไทย”
สังคมค่อยๆเรียนรู้ว่าการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต้องอาศัยมืออาชีพหรือที่เรียกว่า PROFESSIONAl
จะอาศัย “มือสมัครเล่น” ไม่ได้
ขณะเดียวกัน สังคมค่อยๆเกิดภาพเปรียบเทียบระหว่างระบอบเผด็จการกับระบอบประชาธิปไตยอย่างแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ ครูในด้านกลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดเวลา 3 ปี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็น “สินทรัพย์ร่วม”
เวลา 3 ปีที่ผ่านมาประชาชนสามารถสรุปได้โดยพื้นฐานว่ามีความต้องการก้าวเดินไปในทิศทางใดทางการเมือง
เหมือนกับการยื้อเวลาจะเป็น “โอกาส”
เป็นโอกาสอย่างแน่นอนหากสามารถสร้างผลงานและได้รับ ความสำเร็จ แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม ประชาชนซึ่งกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องย่อมตอบได้ว่าต้องการอย่างไหน
นี่คือสิ่งที่”ประชาธิปัตย์”และ”เพื่อไทย”สรุปตรงกัน