อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ซานไห่ เก้าคนหลังฉาก ในประวัติศาสตร์ผลัดใบ (22)

การเดินทางไปสหรัฐอเมริกาของบาทหลวงจาควิโนต์นั้นเริ่มต้นจากเงินบริจาคจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นด้วยความพยายามของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนก่อนหน้านาม เเฮร์เบิร์ต ฮูเวอร์-Herbert Hoover

ฮูเวอร์นั้นก่อนที่เขาจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เขาเคยทำงานในฐานะวิศวกรโยธาอยู่ในประเทศจีนช่วงต้นที่เกิดกรณีกบฏนักมวยหรือการจลาจลนักมวย (Boxer Rebellion) อันทำให้เขามีความผูกพันและเข้าใจสถานการณ์ในประเทศจีนมาก

โดยอาศัยการวิ่งเต้นของเขา เงินก้อนแล้วก้อนเล่าจึงถูกส่งมาจากสหรัฐเพื่อช่วยเหลือกิจการทั้งหลายในเขตปลอดสงครามของบาทหลวงจาควิโนต์

อันที่จริงแล้วนอกเหนือจากเงินบริจาคจากสหรัฐก็ยังมีเงินสนับสนุนโครงการจากอีกหลายแหล่งด้วยกัน อาทิ ในเขตเช่าฝรั่งเศสมีการออกลอตเตอรี่เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ และยังมีการหักเงินค่าเช่าอาคาร ค่ากิจกรรมบันเทิงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเขตเช่ามาเข้ากองทุนที่ว่าด้วย

กระนั้นเงินต่างๆ เหล่านี้เมื่อเทียบกับรายจ่ายจำนวนมหาศาลก็หาได้พอเพียงไม่

ในที่สุด บาทหลวงจาควิโนต์ก็เล็งเห็นว่าจำเป็นจะต้องพึ่งพาประเทศที่ยังไม่ประสบภัยสงครามในขณะนั้นอันได้แก่สหรัฐอเมริกา

เขาตัดสินใจเดินทางไปสหรัฐและแคนาดาเพื่อขอทุนก้อนใหญ่และระยะยาวเพื่อสนับสนุนกิจการในเขตปลอดสงคราม

ก่อนออกจากประเทศจีน บาทหลวงจาควิโนต์เดินทางไปฮ่องกงในเดือนมีนาคมปี 1938 เขาเข้าพบกับผู้ว่าการเกาะฮ่องกงชาวอังกฤษและปรึกษาถึงลู่ทางในการขอทุนจากชาติตะวันตก

ที่นั่นเองเขาได้รับโทรเลขให้เดินทางไปฮังโขว่เพื่อพบกับบุคคลสำคัญเพื่อคุยกันถึงการจัดหาเงินทุนในเขตปลอดสงคราม

เฮลิคอปเตอร์ถูกส่งมานำตัวเขาในครั้งนั้น มันเป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้น แต่ปรากฏว่าบุคคลที่บาทหลวงจาควิโนต์ได้พบกลับน่าตื่นเต้นกว่า ชายสามคนที่เฝ้ารอเขาอยู่ที่ฮังโขว่นั้นได้แก่ เฮช เฮช กุง-H.H. Kung ประธานบริษัทหยวนซึ่งเป็นบริษัทการค้าใหญ่ในจีน ทีวีซุง-TV Soong ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งประเทศจีน และ เจียง ไค เช็ก-Chiang Kai Shek

การพบปะครั้งนั้น เจียง ไค เช็ก พร้อมกับมาดามเจียงได้กล่าวชื่นชมกิจกรรมของบาทหลวงจาควิโนต์เป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะตัวเจียงฯ เองได้มอบภาพถ่ายใบหนึ่งให้บาทหลวงจาควิโนต์พร้อมกับหนังสือรับรองกิจกรรมของเขา

ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับการเดินทางไปแสวงหาทุนที่สหรัฐอเมริกา

ในการเดินทางครั้งนี้ องค์กรที่ดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางคือกาชาดอเมริกัน

นอกจากเรื่องของเงินทองแล้ว กาชาดอเมริกันยังจัดพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมีชื่อว่า The Story of the Jacquinot Zone, Shanghai-China หนังสือเล่มนั้นรวบรวมภาพถ่ายและกิจกรรมของบาทหลวงอย่างละเอียด

โดยกาชาดอเมริกันได้มอบให้บาทหลวงนำติดตัวไปเผยแพร่ที่สหรัฐด้วย

เหตุการณ์ถล่มเรือรบพาเนย์-Panay ของสหรัฐโดยกองทัพญี่ปุ่นในวันที่ 12 ธันวาคม 1937 ทำให้บาทหลวงจาควิโนต์มีความหวังว่าสหรัฐและประธานาธิบดีรูสเวลต์จะเห็นถึงปัญหาวิกฤตในตะวันออกไกลและตัดสินใจสนับสนุนการหาทุนของเขา

จุดพักแรกในการเดินทางของบาทหลวงจาควิโนต์คือประเทศญี่ปุ่น ที่นั่นเขาได้พบกับรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นคือ ฮิโรตะ หลังจากนั้นเขาโดยสารเรือเดินทางระหว่างประเทศที่ชื่อ เอ็มเพรส ออฟ แคนาดา-Empress of Canada

บาทหลวงจาควิโนต์หาได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปเปล่าๆ เขาถือโอกาสบรรยายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครซานไห่และความทุกข์ยากของประชาชนจีนให้เหล่าผู้โดยสารชาวต่างชาติบนเรือลำนั้นฟัง

จุดพักต่อมาของเขาคือฮอนโนลูลู เขาใช้โอกาสนั้นพบปะกับนักธุรกิจท้องถิ่นและได้รับการสนับสนุนทางการเงินเป็นจำนวนไม่น้อยเลย

ในขณะที่บาทหลวงจาควิโนต์กำลังเดินทางอยู่นั้นเอง สถานทูตฝรั่งเศสในกรุงวอชิงตันก็เร่งประสานการเข้าพบประธานาธิบดีรูสเวลต์ให้กับเขา

จดหมายสนับสนุนกิจกรรมที่มีมาจากบาทหลวงและนักบวชทั้งจากฝรั่งเศส สหรัฐ และจีน เป็นดังการเปิดทางให้เขามีโอกาสมากขึ้นในการพบปะครั้งนี้ยิ่งผนวกกับบุคลิกภาพอันโดดเด่นของเขาทั้งการมีแขนเพียงข้างเดียว หนวดเคราสีขาว และตรากาชาดบนเสื้อคลุม ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขาจากการเดินทางครั้งนี้โดดเด่นมากขึ้น

วันที่ 18 พฤษภาคม 1938 บาทหลวงจาควิโนต์เดินทางถึงแวนคูเวอร์ แคนาดา ที่นั่นทั้งสำนักข่าวจำนวนมากรอเขาอยู่ รวมถึง Vancouver Sun ที่มีอิทธิพลในแคนาดาด้วย

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ลงภาพและกิจกรรมของเขาในซานไห่อย่างละเอียด

รวมถึงยังประโคมข่าวการเข้าพบของเขากับประธานาธิบดีรูสเวลต์ด้วย

ในที่สุดความพยายามของสถานทูตฝรั่งเศสในจีนก็เป็นผลสำเร็จ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสในกรุงวอชิงตันคือ โดเนล เด เซนต์ เควนติน-Donel de Saint Quentin ได้ติดต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ คือ คอเดล ฮัล-Cordell Hull ว่าบาทหลวงจาควิโนต์มีความประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะพบกับประธานาธิบดีรูสเวลต์ที่กรุงวอชิงตัน

คำขอนั้นได้รับการตอบสนอง และแล้วในวันที่ 26 พฤษภาคม 1938 บาทหลวงจาควิโนต์ก็ได้พบกับรูสเวลต์

บาทหลวงจาควิโนต์ให้สัมภาษณ์การเข้าพบครั้งนั้นกับหนังสือพิมพ์ North China Herald หลังจากกลับถึงซานไห่ว่า

“ทำเนียบไวต์เฮ้าส์โทร.หาผมและขอให้ผมตรงมาที่ทำเนียบขาวในทันที และก่อนจะรู้ตัวผมก็พบตัวเองอยู่ในห้องเลขาฯ ของประธานาธิบดีแล้ว ผมรออยู่ที่นั่นเป็นเวลาห้านาที ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องทำงานของรูสเวลต์”

ในการสนทนาครั้งนั้น บาทหลวงจาควิโนต์ได้บรรยายถึงสถานการณ์อันลำบากในซานไห่ของประชากรจีนรวมถึงการสู้รบและสภาพกองทัพของ เจียง ไค เช็ก ด้วย

การสนทนาประสบผลด้วยดี ประธานาธิบดีรูสเวลต์อนุมัติเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนเงิน 700,000 ยูเอสดอลลาร์โดยให้กาชาดอเมริกันรับหน้าที่บริหารเงินก้อนนี้ให้กับบาทหลวงจาควิโนต์

นอกเหนือจากเงินก้อนนี้ บาทหลวงจาควิโนต์หาได้หยุดยั้งเพียงเท่านี้ เขาหาทางจัดงานเลี้ยงระดมทุนตามเขตไชน่าทาวน์ในเมืองใหญ่ ที่นิวยอร์กงานเลี้ยงจัดขึ้นในวันที่ 17 มิถุนายน ภายใต้ชื่องานเลี้ยง “คืนหนึ่งในเมืองจีน”

งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นการรณรงค์แคมเปญต่อเนื่องเพื่อหาข้าวใส่ชามหรือ Bowl of Rice แคมเปญที่ว่านี้จัดขึ้นในชุมชนกว่า 280 ชุมชนทั่วประเทศก่อนจะปิดฉากลงในวันที่ 9 พฤศจิกายน ปีนั้นที่นิวยอร์ก จากโทรเลขที่ผู้รับผิดชอบแคมเปญส่งถึงบาทหลวงจาควิโนต์ที่ซานไห่ การรณรงค์แคมเปญครั้งนี้สามารถหาทุนได้ถึงหนี่งล้านยูเอสดอลลาร์

บาทหลวงจาควิโนต์เดินทางออกจากแวนคูเวอร์โดยเรือโดยสารเอ็มเพรส ออฟ เอเชีย-Empress of Asia เขาเดินทางมาถึงโยโกฮาม่าในวันที่ 20 กรกฎาคม

หลังจากขึ้นฝั่งเขาโดยสารรถไฟต่อไปที่โกเบ

นั่นคือภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็น หลังจากนั้นเมื่อเรือโดยสารเตรียมตัวออกจากฝั่งเพื่อไปซานไห่กลับไม่มีบาทหลวงจาควิโนต์อยู่บนนั้น

หนังสือพิมพ์ Shanghai Evening Post รายงานการหายตัวไปของบาทหลวงจาควิโนต์โดยทันทีเมื่อเรือโดยสารลำนั้นเทียบท่าซานไห่

มีความตื่นตระหนกและตกใจกับทุกคนที่รู้จักเขา เกิดการคาดการณ์ต่างๆ นานา

กระแสหนึ่งบอกว่าเขาอาจเดินทางไปโกเบเพื่อช่วยสถานการณ์ที่เกิดอุทกภัยใหญ่ที่เกิดขึ้นที่นั่น

อีกกระแสหนึ่งคือเขาไปติดต่อกาชาดญี่ปุ่นเพื่อก่อตั้งเขตปลอดสงครามที่ฮังโข่ว

สถานทูตฝรั่งเศสออกประกาศตามหาบาทหลวงจาควิโนต์อย่างเร่งด่วน

โทรเลขถูกส่งไปทั้งที่โกเบ กรุงโซล ซานไห่ และทุกที่ที่คิดว่าบาทหลวงจะเดินทางไป หากแต่ไม่มีคำตอบกลับมา

การที่สถานที่สุดท้ายที่บาทหลวงจาควิโนต์หายตัวไปคือประเทศญี่ปุ่น ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นตกอยู่ในฐานะลำบากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ยิ่งผนวกกับข่าวลือว่าบาทหลวงจาควิโนต์นำเงินบริจาคจำนวนมหาศาลติดตัวไปด้วย ทำให้อดหวาดหวั่นใจไม่ได้ว่าอาจมีการประทุษร้ายเขาเพื่อประสงค์ในทรัพย์

ยิ่งข่าวลือหนาหูขึ้น ยิ่งทำให้สถานการณ์ดูเลวร้ายลง

รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจเซ็นเซอร์ข่าวสารเกี่ยวกับบาทหลวงจาควิโนต์ และระดมกำลังทั้งตำรวจ สารวัตรทหาร และหน่วยสืบราชการลับ ออกตามหาข่าวในทุกที่

โทรเลขจากรัฐบาลกลางมีถึงสถานกงสุลทั้งในซานไห่และฮ่องกงว่ารัฐบาลกลางหาได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้เลย

เช้าวันที่ 29 กรกฎาคม ข่าวการเจอตัวบาทหลวงจาควิโนต์ก็ถูกยืนยัน เขาพำนักอยู่ที่เมืองชายทะเลเล็กๆ ชื่อทารูมิกับมิตรสหายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่รู้จักกันดีมาแต่ก่อน ตำรวจท้องถิ่นเป็นคนแจ้งข่าวนี้ และหลังจากที่มิตรสหายชาวญี่ปุ่นนำตัวบาทหลวงจาควิโนต์มาที่สถานีตำรวจ เขาถึงได้รับรู้ว่าการหายตัวไปของเขาก่อให้เกิดความโกลาหลมากเพียงใด

เขาอธิบายว่าเขาเพียงต้องการพักผ่อนอย่างเงียบๆ หลังการออกเดินทางเพื่อระดมทุนอย่างยาวนาน หลังจากพลาดเที่ยวเรือที่นางาซากิ เขานึกถึงเพื่อนคนนี้ได้และเดินทางมาที่เมืองชายทะเลแห่งนี้แทน

บาทหลวงจาควิโนต์ขึ้นเรือโดยสาร เฟลิกซ์ รุสเซล-Felix Roussel ในวันที่ 29 กรกฎาคม ก่อนจะถึงซานไห่ในวันที่ 2 สิงหาคม

เมื่อขึ้นฝั่ง บาทหลวงจาควิโนต์ให้สัมภาษณ์สื่อว่าเป็นความผิดพลาดของเขาเองที่ไม่ได้แจ้งผู้เกี่ยวข้องล่วงหน้าถึงการเดินทางดังกล่าว

และพร้อมกับการให้สัมภาษณ์นั้นเองที่บาทหลวงจาควิโนต์ได้รับรู้ว่าช่วงที่เขาหายไปนั้นเขาได้รับรางวัลจากรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นเงินถึงสี่พันฟรังก์ในฐานะของ-ผู้ที่ทำให้ภาษาฝรั่งเศสเป็นที่รู้จักในดินแดนอื่น-