แมลงวันในไร่ส้ม / คลายล็อก-ไม่ปลดล็อก “ข่าวร้อน” โหมโรงปี “61 คสช.เปิดศึก “พรรคเก่า”

แมลงวันในไร่ส้ม

คลายล็อก-ไม่ปลดล็อก “ข่าวร้อน”

โหมโรงปี “61 คสช.เปิดศึก “พรรคเก่า”

ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้ เพื่อจะได้ตระเตรียมปฏิบัติตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา

แต่ในที่สุด วันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา คสช. ออกคำสั่งของหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 เพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560

มีสาระสำคัญ ให้การจดทะเบียนพรรคใหม่เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2561 ส่วนพรรคเดิม เริ่มจาก 1 เมษายน 2561 ให้สมาชิกมายืนยันสถานะ และจ่ายค่าบำรุงพรรคภายใน 30 วัน

ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า คสช. ไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม ซึ่งกำหนดไว้ในประกาศ คสช. ที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558

แต่กลับใช้วิธีผ่อนคลายให้พรรคการเมืองดำเนินการ ภายใต้คำสั่งตามมาตรา 44 แทนที่จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้แล้ว

การให้สมาชิกพรรคเดิมต้องมายืนยันสถานะและจ่ายค่าบำรุง ในสายตาของพรรคการเมืองเห็นว่า เป็นการ “รีเซ็ต” สมาชิกพรรค ให้ต้องมานับหนึ่งใหม่

และทั้งหมดนี้ เป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งใหม่ สอดคล้องกับข้อกล่าวอ้างของฝ่ายผู้มีอำนาจก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า ต้องการให้เกิด “ความเสมอภาค” ระหว่างพรรคเก่ากับพรรคใหม่

ผลจากคำสั่งดังกล่าว พรรคประชาธิปัตย์แสดงอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ออกมากล่าวเมื่อ 25 ธันวาคม ว่า ถ้ามีความต้องการในเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้ง ทำไมไม่มีความกล้าหาญที่จะบอกอย่างตรงไปตรงมา

ผมเห็นว่าเป็นชายชาติทหาร อยากจะเลื่อนการเลือกตั้งเพราะมีเหตุผลที่ดีเพื่อส่วนรวมก็บอกมาตรงๆ ไม่เอามาตรา 44 มาแก้ พอถึงเวลาเกิดขลุกขลักทำอะไรไม่ทันก็เอามาตรา 44 ออกมาอีก โดยที่ไม่บอกให้สังคมและประชาชนรู้อย่างตรงไปตรงมาว่าผู้มีอำนาจกำลังมองปัญหาอย่างนี้ ทำอย่างนี้

ยิ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเท่าไหร่ยิ่งต้องใช้ให้น้อยที่สุด อย่าใช้พร่ำเพรื่อ อำนาจเบ็ดเสร็จแต่ไปปักอยู่บนขี้เลน มันไม่ได้แก้ปัญหา ไม่ได้ปฏิรูป ทั้งที่กฎหมายทั้งหมดก็มาจาก คสช. และแม่น้ำ 5 สายทั้งนั้น

มีอำนาจเบ็ดเสร็จแต่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ตามใจชอบ เปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ก็ได้ และถ้าอำนาจเบ็ดเสร็จที่ใช้ไปเพื่อประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวก ซึ่งทำได้ทั้งนั้น แต่อยากให้ระมัดระวังแล้วย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ว่าเวลาใช้อำนาจแล้วขาดความชอบธรรม ผลสุดท้ายผู้ใช้อำนาจจะต้องเผชิญกับอะไร ก็อยากจะเตือนไว้เท่านั้น

อีกตอนหนึ่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คำสั่งกำหนดว่า ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2561 ใครอยากตั้งพรรคให้เริ่มต้นดำเนินการได้ ซึ่งหนีไม่พ้นต้องไปหาสมาชิกด้วย

จึงเป็นเรื่องแปลกว่ากฎหมายได้อนุญาตให้เฉพาะกลุ่มคนบางกลุ่มหาสมาชิกพรรคได้ แต่ขณะที่พรรคการเมืองเก่าไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเลย และต้องรอเดือนเมษายนเท่านั้นจึงจะเริ่มดำเนินการได้

ดังนั้น การที่ คสช. ระบุว่าในระหว่างนี้พรรคเก่าไปเตรียมการกับสมาชิกพรรคเก่า ก็ต้องถามว่าทำได้หรือไม่ ในเมื่อยังมีคำสั่ง คสช. ห้ามเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่ง คสช. ต้องบอกให้ชัด ถ้าเป็นห่วงเรื่องความวุ่นวายทางการเมือง ถามว่าทำไมคนบางกลุ่มเคลื่อนไหวได้ไม่ต้องกลัวว่าจะวุ่นวายหรือไม่ รู้หรือว่าใครจะตั้งพรรคใหม่ แล้วทำไมกลุ่มคนอื่นเคลื่อนไหวแบบเดียวกันไม่ได้ ไม่มีเหตุมีผล

ตามคำสั่งที่ออกมา ในเดือนเมษายนนี้ ใครเป็นสมาชิกพรรคเก่าต้องมายืนยันและชำระเงิน พรรคที่ได้รับผลกระทบก็คือพรรคที่มีสมาชิกอยู่แล้ว โดยเฉพาะพรรคที่มีสมาชิกจำนวนมาก

พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกเกือบ 3 ล้านคน การจะติดต่อคน 3 ล้านคน โดยถูกห้ามเคลื่อนไหวและทำกิจกรรมอยู่ และให้ 3 ล้านคนทำหนังสือยืนยันกลับมาภายใน 30 วัน ในทางปฏิบัติทำได้หรือไม่ หากไม่ยืนยันก็ต้องหลุดไป ซึ่งเหมือนกับรีเซ็ตสมาชิกพรรค

ไม่ได้เป็นศูนย์ แต่กลายเป็นติดลบ เพราะสมาชิกพรรคที่หลุดไปเสียความรู้สึกกับพรรคที่เขาผูกพันอยู่ ไม่แน่ใจว่าระหว่างวันที่ 1-30 เมษายน พวกตนจะสามารถไปทำงานเชิงธุรการที่จะให้สมาชิกเก่าทำหนังสือยืนยันและชำระเงินได้กี่คน

ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไรไม่ใช่ง่ายๆ แต่พรรคใหม่เขาเดินไปชักชวนใครก็ได้ ตนถึงบอกว่า ถ้ากล้าหาญพอทำไมไม่เปิดให้มีการแข่งขันอย่างตรงไปตรงมา

ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำสั่งที่ออกมาเกือบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่กลับทำให้พรรคเก่ามีปัญหา เพราะพรรคเก่าที่สมาชิกมีอยู่แล้ว ต้องมายืนยันสมาชิกภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ไม่เช่นนั้นจะขาดจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกพรรคอยู่ 2.8 ล้านคน จะต้องมายืนยันภายในกรอบเวลาดังกล่าว ซึ่งไม่มีทางทำได้ทัน

“เรานั่งคุยกันในพรรคว่า ต้นเดือนพฤษภาคม 2561 พรรคมีสมาชิก 1 แสนคนก็ถือว่าบุญแล้ว เพราะทำไม่ทัน สมาชิกเขาไม่มา ซึ่งจะส่งผลกระทบกับเงินสนับสนุนพรรค ที่เหลือน้อยลง เราทำเรื่องสมาชิกพรรคมา 71 ปี มาทำแบบนี้หมดกันภายใน 30 วันแน่นอน” นายนิพิฏฐ์กล่าว

ส่วน นายนิกร จำนง แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เขียนคำสั่งแบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องสมาชิกพรรค เท่ากับเป็นการรีเซ็ตสมาชิกพรรคแบบซ่อนรูป และสร้างความลำบากให้พรรคมากกว่า พ.ร.บ.พรรคการเมือง ให้เวลาแจ้งเปลี่ยนแปลงสมาชิกใน 90 วัน หากไม่ทัน สามารถขยายได้อีก 3 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวมเป็น 270 วัน

แต่คำสั่งนี้ ให้ยืนยันสมาชิกภายใน 30 วัน หากทำไม่เสร็จ มีสิทธิขอขยายเวลาได้อีก 1 เท่า หรือ 30 วัน รวมเป็น 60 วัน

ถือเป็นความยากของพรรคที่จะทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าประเด็นนี้จะแก้ปัญหาสมาชิกพรรคที่ซ้ำซ้อน ยืนยันว่าตั้งแต่ปี 2550 สมาชิกพรรคใช้ระบบยืนยันด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ดังนั้น ไม่มีทางซ้ำกันได้ และไม่ใช่ปัญหาอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ

นั่นคือปฏิกิริยาจากพรรคการเมือง ซึ่งพรรคเพื่อไทย อดีตพรรคแกนนำรัฐบาล ก็มีความเห็นทำนองเดียวกัน

ในขณะที่กระแสข่าวเรื่องพรรคการเมืองใหม่ ที่มีบุคคลในรัฐบาลเร่งดำเนินการอยู่ก็แพร่สะพัดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่านายกฯ และบุคคลในรัฐบาลออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องก็ตาม

น่าติดตามว่า คสช. จะดำเนินการผ่อนคลายคำสั่ง 53/2560 อย่างไรหรือไม่

หากยังยืนกรานให้ดำเนินการตามแนวทางในคำสั่งดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นการประกาศเปิดศึกการเมือง ระหว่างพรรคเก่ากับกลุ่มการเมืองใหม่ที่มีขั้วอำนาจอยู่เบื้องหลัง

และทำให้การเมืองของปี 2561 ร้อนแรงขึ้นมากกว่าที่คาดหมายไว้