เครื่องเคียงข้างจอ วัชระ แวววุฒินันท์ / เก็บตก 2560

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

เก็บตก 2560

ปี2560 กำลังจะผ่านพ้นไป

ปีใหม่กำลังจะคืบคลานเข้ามาตามสัจธรรมของโลก อะไรจะยังไงไม่รู้ แต่เวลายังคงทำหน้าที่เดินหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง

ในช่วง 365 วันที่ผ่านมานั้น มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นกับสังคมไทยมากมาย มีดราม่าให้ได้ติดตามบวกมีอารมณ์ร่วมตามสไตล์ไทยๆ อยู่ไม่ขาด

เครื่องเคียงข้างจอฉบับนี้ขอเป็นหนึ่งคอลเล็กชั่นที่บอกเล่าว่ามี “อะไรเด่นๆ” ที่ถูกพูดถึงและเป็นกระแสในช่วงขวบปีนี้บ้าง

“สมพระเกียรติ”

เป็นความรู้สึกที่พูดถึงสิ่งที่เป็นสุดยอดในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นพระเมรุมาศที่รวมเอาสุดยอดฝีมือช่างแขนงต่างๆ มาลงแรงลงใจกันสร้างพระเมรุมาศและสิ่งก่อสร้างรายล้อมเพื่อส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่สวรรคาลัยอย่างยิ่งใหญ่ สวยงาม ในเวลาอันจำกัด

หรือพูดถึงขบวนแห่ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมศพที่ปรากฏแก่สายตาคนทั่วโลก ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเสมอเหมือน สร้างความภาคภูมิใจในคุณค่าของความเป็นไทย ผสมผสานไปกับที่ได้สร้างความรู้สึกเศร้าเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระองค์ท่านโดยแท้

จนบัดนี้ความสมพระเกียรตินั้นยังตราตรึงอยู่ในใจของคนไทยไม่รู้คลาย

“อย่ามาเสียงดังใส่ผม”

ประโยคเด็ดของท่านผู้นำของเรา “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่มีต่อตัวแทนชาวประมงผู้มาชี้แจงถึงปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายการออกเรือ เมื่อคราว ครม.สัญจรไปที่ จ.ปัตตานี

แสดงถึงความทรงอำนาจ ความยิ่งใหญ่ในตน ที่ไม่ยอมให้ใครมาเสียงดังใส่ชายชาติทหารเช่นลุงตู่ของเราได้ แม้ว่าที่มาของการส่งเสียงดังนั้นมาจากการต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงลำโพงที่ดังอยู่ก็ตาม

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…เสียงมีอำนาจทะลุทะลวงสติของคนได้ ฮา ฮา…

“แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน”

เป็นวลีฮิตในชั่วข้ามคืนกับปรากฏการณ์ “ยกมือบังแดด” ของบิ๊กป้อม “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” ในโอกาสร่วมวงถ่ายภาพหมู่คณะรัฐมนตรีชุดล่าสุด น่าสงสารท่านรัฐมนตรีทั้งใหม่และเก่าทั้งหลายที่ไม่ได้รับความสนใจเลย เมื่อประกายเพชรจากแหวนและความแพงของนาฬิกาข้อมือของท่านรองนายกฯ ประวิตร มีอำนาจทำลายล้างความน่าสนใจใดๆ ลงได้อย่างราบคาบ

จากภาพกว้างของรัฐมนตรีทั้งคณะ ถูกบีบเข้ามาที่ท่ายกมือบังแดดของบิ๊กป้อม และถูกโฟกัสชนิดโคลสแล้วโคลสอีกไปที่แหวนเพชรในนิ้วนาง และนาฬิกาหรูยี่ห้อริชาร์ด มิลล์ ที่ข้อมือขวา

เมื่อมีคนขุดคุ้ยไปถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินแก่ ป.ป.ช. ก็เลยมีการชี้แจงย้อนหลังจากเจ้าของทรัพย์สินว่า “อ๋อ ไม่มีอะไร เป็นแหวนแม่ กับนาฬิกาเพื่อน ยืมมาใส่”

เรื่องนี้ถ้าจะโทษใคร คงไม่ใช่สื่อมวลชนที่ช่างสังเกตและชงเรื่องเสียเหลือเกิน แต่เป็นความผิดของดวงอาทิตย์นั่นแหละ ที่แรงกล้าเกินไป เกินไปจริงๆ เลยใช่ไหมท่านประวิตร

“พี่ตูน สู้ สู้”

ประโยคเชียร์อัพที่ดังต่อเนื่องข้ามเดือนของพี่น้องชาวไทยที่ลุกขึ้นมาให้กำลังใจกับพี่ตูน บอดี้สแลม หรือ “นายอาทิวราห์ คงมาลัย” ที่สร้างปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” โดยการวิ่งของพี่ตูนและทีมจาก อ.เบตง จ.ยะลา ไปถึง อ.แม่สาย จ.เชียงรายโน่น

ความฮ็อตฮิตของพี่ตูนไม่ได้ทำให้วลี “พี่ตูน สู้ สู้” ดังเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น แต่ชาวต่างประเทศที่ทราบข่าวนี้ได้ร่วมกันส่งกำลังใจเป็นคลิปมาให้ด้วย พร้อมกับคำพูดภาษาไทยที่ว่า “พี่ตูน สู้ สู้” นี่แหละ มันก็จะน่ารักๆ หน่อยนะ แม้จะฟังเพี้ยนๆ ไปบ้าง

ควันหลงตามมากับโครงการนี้ที่อาจต้องขอกำลังใจเชียร์หน่อยคือ กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล คสช. เพราะโดนดราม่าตามมาถึงเรื่องการจัดสรรงบประมาณที่เป็นปัญหา จนทำให้นักร้องคนหนึ่งทนไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาวิ่งฉะนั้น

แม้พี่ตูนจะออกมาปฏิเสธถึงการพยายามเชื่อมโยงนี้ก็ตาม แต่คนจ้องจะดราม่านั้นมันหยุดยากนักแล

“แพะ กลายเป็น แกะ”

เหตุการณ์กลับตาลปัตรจนนักชีววิทยาพลิกตำราไม่ทันว่า เหตุไฉนที่เราเห็นว่าเป็น “แพะ” อยู่ดีๆ ถึงกลายเป็น “แกะ” ไปได้

สืบเนื่องจากกรณี “คดีครูจอมทรัพย์” อันโด่งดังนั่นเอง ที่ร้องเรียนว่าตนเป็นแพะในคดีขับรถชนคนเสียชีวิต โดยมีหลักฐานว่าใครเป็นจำเลยตัวจริง พอการสืบสวนสาวไปลึกขึ้น จึงพบว่าเป็นขบวนการที่จัดฉากขึ้นมาทั้งเพ เมื่อนั้นครูจอมทรัพย์ที่ว่าตนเป็น “แพะ” ตอนจบจึงกลายเป็น “แกะ” เสียอย่างนั้น

ข้อควรระวังจากเรื่องนี้ ถ้าขบวนการดังว่าทำการสำเร็จ อาจมีการกลายพันธุ์ขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ นั่นคือ “คน” กลายเป็น “ควาย” นั่นเอง ฮา ฮา

“ล็อตเตอรี่ข้า…ใครอย่าแตะ”

ซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งกว่าหนังสืบสวนใดๆ และมีดราม่าเหนือกว่าหนัง “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ” อันโด่งดังเสียอีก กับการแจ้งความและแสดงตนว่าเป็นเจ้าของล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 กันหลายคดีในช่วงที่ผ่านมา

มีตัวละครโผล่มาให้ได้ติดตามอย่างน่ารักน่าลุ้น ทั้งครู ทั้งแม่ค้า ทั้งอดีตตำรวจ พ่วงท้ายด้วยการตรวจ DNA บนล็อตเตอรี่

นับว่ามีการนำหลักนิติวิทยาศาสตร์มาใช้กับเรื่องหวยๆ รวยๆ ได้ลงตัวตามสไตล์ไทยๆ จริงๆ

ที่ลามต่อเนื่องคือ “วิธีป้องกัน” ว่าล็อตเตอรี่นี้เป็นของข้าพเจ้าแต่ผู้เดียวนะจ๊ะ มีข้อเสนอแนะมากมาย ทั้งการเขียนสลักหลัง ทั้งการถ่ายภาพคู่กับล็อตเตอรี่ ไม่พอยังให้ถ่ายกับแม่ค้าด้วย อีกหน่อยอาจถึงขั้นเฟซบุ๊กไลฟ์กันสดๆ ในขณะที่ซื้อเพื่อเป็นสักขีพยานกันเลย

ซักเคอร์เบิร์กเห็นเข้าคงนั่งขำไม่หยุด

“น้ำในหูไม่เท่ากัน”

ความจริงไม่ใช่โรคใหม่ คนไทยรู้จักโรคนี้มานานแล้ว แต่ที่กลับมาฮือฮาแกมขบขันผสมประชดประชันอีกครั้ง เพราะเป็นข้ออ้างของการไม่มาขึ้นศาลเพื่อฟังคำพิพากษาของ “อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จนกระทั่งต้องหนีหมอ เอ๊ย หนีศาลไปอยู่แดนไกล ราวกับว่าถ้าออกพ้นแผ่นดินไทยได้ น้ำในหูก็จะกลับมาสมดุลได้ยังไงยังงั้น

ข้อมูลทางการแพทย์บ่งว่า โรคน้ำในหูไม่เท่ากันนี้จะเกิดในบริเวณหูชั้นในของคนเรา ซึ่งปกติในหูชั้นในจะมีน้ำในปริมาณที่พอดีกับการทำงานของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทรงตัวและการได้ยิน

…มิน่า ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ยังเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยนั้น นายกฯ ยิ่งลักษณ์ถึงพูดอะไรผิดบ่อยๆ คงเพราะเกิดจากปัญหาของการได้ยินข้อมูลจากคนข้างๆ แน่เลยตัวเอง แฮ่ม

“โซเชียล มูฟเมนต์”

อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนักสำหรับคนไทยส่วนใหญ่กับคำคำนี้ ที่ปรากฏเป็นปมดราม่าบนเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2017 ในช่วงที่ “น้องมารีญา” ต้องตอบคำถามในรอบ 5 คนสุดท้าย และเธอก็ได้คำถามเกี่ยวกับเรื่องโซเชียล มูฟเมนต์นี้ จะไม่ขอพูดถึงว่ามารีญาตอบคำถามได้ดีเพียงไร

แต่สิ่งหนึ่งที่ตามมาคือ การมูฟเมนต์ทางโซเชียลของคนไทยที่โหมกระหน่ำอะไรก็ตามที่เกี่ยวเนื่องกับการประกวดนี้ ชนิดที่สนุกกว่าดูละครหลังข่าวเสียอีก และส่งผลกระทบมากมายทั้งกับตัวมารีญาเอง จนไปถึงพี่เลี้ยง ถึงกองประกวด จนถึงคนทำชุดประกวดชุดราตรีสีน้ำเงินนั่น

อยากให้พิธีกร สตีฟ ฮาร์วีย์ ได้มาเห็นโซเชียล มูฟเมนต์ครั้งนี้ของเมืองไทยจัง เผลอๆ แกอาจจะไม่ต้องถามคำถามนางงามคนไหนอีกก็ได้ และรีบมงลงให้กับมารีญาเลย

เพราะตระหนักแล้วว่าคนไทยนั้นมีความเป็นโซเชียล มูฟเมนต์อยู่ในสายเลือดกันอย่างเข้มข้นจนถึงข้นคลั่กทีเดียวเชียว

“สวัสดีปีใหม่”

สําหรับคำสุดท้ายนี้ ฮิตฮ็อตแน่โดยไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะช่วงของเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ยามนี้ ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกายตามวัย สุขใจตามควร กันถ้วนทั่วนะครับ

พบกันใหม่ปี 2561 ครับผม