หมอเหวง ส่งสารถึง ‘เพื่อไทย’ อยากได้คะแนนนิยมทางการเมืองเพิ่ม โปรดสนับสนุนนิรโทษกรรมประชาชน

นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ มองเรื่อง “นิรโทษกรรม” ว่า ไม่ควรจะมีนักโทษทางการเมืองเกิดขึ้นเลย เพราะคำว่า “นักโทษทางการเมือง” ชื่อก็บอกอยู่ในตัวแล้วว่าประชาชนที่มีความเห็นแตกต่างทางการเมืองกับรัฐ แต่รัฐกลับถือประชาชนเป็นศัตรูที่ต้องการกำจัดก็เลยต้องใช้วิธีการใช้รูปแบบต่างๆ

ย้อนไปในอดีตรัฐจะใช้วิธีการกำจัดแบบทื่อๆ เลยคือโหด ขนาดฆ่าทิ้งหรือไม่ก็อุ้มเอาไปทิ้งถีบลงเขา เผาลงถังแดงนี่ชัดเจน เห็นใครที่ไม่ชอบใจก็ป้ายสีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ แล้วก็เอาไปโยนทิ้งฆ่าทิ้ง

พอโลกพัฒนามาพอสมควรวิธีเหล่านั้นเป็นเรื่องอำมหิตป่าเถื่อนเกินไปก็เลยใช้วิธีการจับขังคุกคือใช้วิธีการลงโทษทางกฎหมาย

ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่านักโทษทางการเมืองต้องไม่มี เขาเพียงแต่มีความคิดเห็นต่างกับรัฐในสภาวะนั้นๆ ยกเว้นกลุ่มคนที่ทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะในรัฐธรรมนูญเรานี่มีการกำหนดใหญ่ๆ ไม่กี่เรื่องเท่านั้นเอง

1. ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2. จะต้องเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียวอันแบ่งแยกไม่ได้

3. สถาบันกษัตริย์เป็นที่เคารพรักสักการะสูงสุดของประชาชน ใครแตะต้องไม่ได้

ถ้าเขาไม่ละเมิด 3 อย่างนี้คุณจะไปป้ายสีเขาไปหว่านแหไปจับกุมเป็นนักโทษทางการเมืองไม่ได้

ความเห็นส่วนตัวผมตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมาจนมาถึง 6 ตุลาคม 2519 มาถึง พฤษภาคม ปี 2535 ตลอดจนการเคลื่อนไหว ปี 2551 2552 2553 และในช่วงปี 2563 2564 2565 2566 ผมมองไม่เห็นเลยว่าคุณมีเหตุผลอะไรในการที่ไปจับกุมประชาชน

อย่างกรณีมาตรา 112 ผมมองว่าแตะต้องได้แก้ไขได้ เพราะด้วยความที่มีบางคนต้องการบังคับใช้ด้วยจุดมุ่งหมายในการที่จะเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างคนที่เห็นต่างทางการเมือง

ประเด็นต่อมา คือ ที่มาของการนิรโทษกรรม ผมยกตัวอย่างหลังจากปี 2553 พวกผมก็ถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำประมาณเกือบ 10 เดือน พอได้รับการประกันตัวมา ตอนนั้นอาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ มาเป็นประธาน นปช. ช่วงนั้นเกิดภาวะคนเสื้อแดงโดนใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธ มีชายชุดดำ เป็นพวกเผาบ้านเผาเมืองมีคนติดคุกจำนวนมาก บางคนก็มีคำพิพากษาไปบ้างแล้ว

อาจารย์ธิดามองว่าประชาชนพวกนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เขาถูกใส่ร้ายป้ายสีทั้งสิ้น ควรจะต้องนิรโทษฯ ต่อมาเกิดความคิดขึ้นมาเราจะเห็นแก่ตัวเฉพาะ นปช.นิรโทษฯ ไม่ถูก เพราะว่าทางพันธมิตรฯ เขาก็มีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากรัฐบาลไทยรักไทยจนถึงพลังประชาชนก็เกิดคดีทางการเมืองขึ้นเช่นกัน ประสบชะตากรรมแบบเดียวกัน

เลยต้องย้อนนิรโทษฯ ไปตั้งแต่ตอนปี 2549 เป็นต้นมา

จุดยืนของเราคือนิรโทษฯ เฉพาะประชาชน โดยเขียนชัดเจนเลยว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำเกินกว่าเหตุไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายนิโทษฯ ฉบับนี้

ปรากฏว่าตอนนั้นก็มี ส.ส.คนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยซึ่งก็เป็นแกนนำของ นปช.ด้วยก็เลยมาขออนุญาตอาจารย์ธิดาเพื่อไปเสนอผลักดันต่อ

อาจารย์ธิดาก็ได้ตอกย้ำหลายครั้งว่าต้องไปเสนอเป็น พ.ร.ก.เพราะถ้าเสนอเป็น พ.ร.บ.จะถูกยำใหญ่ในสภาแน่นอนจะต้องไปเติมแน่ไม่ว่าฝ่ายไหน แล้วจะไม่ประสบผลสำเร็จ

สุดท้ายก็เป็นจริงตามที่อาจารย์ธิดาว่ามาคือ ส.ส.ดังกล่าวก็ไปเสนอผ่านวาระที่ 1 จริงในแบบเก่าคือว่านิรโทษฯ เฉพาะประชาชน จากนั้นพรรคเพื่อไทยนี่แหละเป็นคนมาแก้ให้นิรโทษฯ ให้หมดก็เกิดประเด็นเลยเพราะว่าคนเขายังค้างคาใจกับอดีตนายกฯ

พอเหมาเข่งก็ถูกมองว่านี่คือจุดมุ่งหมายคือคุณต้องการที่จะปกป้องคุ้มครองนายกฯ ทักษิณเพียงเท่านั้นใช่ไหม นปช.เราก็ไม่เห็นด้วย

ผมจึงเห็นด้วยกับนิรโทษกรรมประชาชนเท่านั้น ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษฯ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำเกินกว่าเหตุและผู้บัญชาการที่สั่งการ

ดังนั้น สิ่งที่คุณชัยธวัช ตุลาธน พยายามเดินสายคุยอยู่ ในฐานะที่ผมเป็นประชาชนคนหนึ่ง ไม่ได้สังกัดพรรคใดทั้งสิ้นไม่ว่าจะก้าวไกลหรือเพื่อไทยผมพูดด้วยความรักประชาชนรักประเทศไทย ผมเห็นเจตนาดีของการนิรโทษกรรม

แล้วผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อไทยคงจะเห็นเจตนาดีของการนิรโทษฯ ประชาชน เพราะประชาชนเขามีเพียงความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองตราบเท่าที่เขาไม่ละเมิด 3 ข้อที่ผมพูดไปตอนต้น และการที่นิรโทษฯ จะปรากฏผลสำเร็จได้ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรและที่หนักกว่านั้นผมก็คิดว่าต้องไปผ่านวุฒิสภาด้วย ผมก็เดาว่าทางวุฒิสภาอาจจะตั้งข้อรังเกียจรังงอนอะไร เช่น เรื่อง 112 เป็นต้น

ดังนั้น ในเมื่อต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรและต้องผ่านวุฒิสภาด้วย คนที่ตั้งใจที่จะผลักดันให้ผ่านต้องไปทำงานทางความคิด พูดอธิบายจูงใจโน้มน้าวให้เห็นเจตนาดี

ส่วนตัวผมอยากจะเรียนไปยังพรรคเพื่อไทยว่าอยากให้พรรคเพื่อไทยสร้างคะแนนนิยมกับประชาชนเถิด

เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา 14 พฤษภาคม บรรยากาศ-กระแสที่พรรคเพื่อไทยเคยมีความมั่นใจเลยว่าจะได้ 310 แต่สุดท้ายออกมาอย่างนี้

ต้องสรุปบทเรียนว่าที่เกิดขึ้นนี่เพราะประชาชนเห็นแล้วว่าทิศทางทางการเมืองหรือความแหลมคมทางการเมืองหรือจุดยืนทางการเมืองหรือคะแนนนิยมทางการเมืองของก้าวไกลนี่แรงกว่าพรรคเพื่อไทยมหาศาล

 

ส่วนในด้านเศรษฐกิจวันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ ผมก็อยากจะให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยชนะทางเศรษฐกิจก็คือว่าให้ดิจิทัลวอลเล็ตผ่าน ให้ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ผ่านเพื่อประเทศไทยจะได้เปลี่ยนโฉมหน้า

แต่ผมก็ไม่แน่ใจผมดูแล้วตอนนี้ซวนเซเต็มแก่แล้ว

ผมจึงอยากเสนอทางเลือกอันหนึ่งก็คือว่าพรรคเพื่อไทยต้องแสวงความนิยมทางการเมืองขึ้นมาคือดึงหรือสร้างความนิยมชมชอบทางการเมืองขึ้นมา แล้วผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยนี่ถ้าประกาศรับรองนิรโทษฯ ทางการเมืองเฉพาะประชาชนโดยไม่นิรโทษกรรมให้กับเจ้าหน้าที่ที่กระทำเกินกว่าเหตุรวมทั้งผู้สั่งการ

ถ้าหากพรรคเพื่อไทยพูดชัดๆ ว่าสนับสนุนนิรโทษฯ นี้ผมว่าสถานการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทยจะเปลี่ยนไปเลย

ผมไม่บังอาจที่จะไปสอนเพื่อไทย แต่ผมติดตามมาอย่างใกล้ชิดในฐานะประชาชนทางการเมืองคนหนึ่ง เพื่อไทยเริ่มอ่อนแรงลงหลังจากที่ตอบคำถามไม่ได้ว่าจะเอาลุงหรือไม่เอาลุง ตอบเบลอๆ

วันนี้ก็เหมือนกันผมอยากจะเรียนไปยังพรรคเพื่อไทยว่าถ้าคุณประสงค์อยากได้คะแนนนิยมทางการเมืองเพิ่ม คุณประกาศไปเลยว่าคุณสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษฯของก้าวไกลเแล้วคุณบอกเลยว่าจะดึงคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดมาสนับสนุน

หรือถ้ามากไปกว่านั้นคุณบอกว่าคุณยินดีที่จะไปพูดกับ ส.ว.เพื่อมาสนับสนุนนิรโทษฯ ทางการเมืองให้เฉพาะประชาชนผมว่าคะแนนทางการเมืองจะไหลเข้ากระเป๋าคุณเต็มๆ เลย

ดีไม่ดีอาจจะแซงก้าวไกลก็ได้ ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งต่อไป

 

ขณะนี้คนกำลังจับจ้องเพื่อไทยอยู่ 2 เรื่องที่คุณกำลังจะทำ ผมให้กำลังใจ ผมค่อนข้างจะมีความเชื่อมั่นอยู่ ไม่ใช่มองว่าจะล้มเหลว ถ้าเพื่อไทยจะทำสำเร็จก็คือไม่ว่าจะเป็นซอฟต์เพาเวอร์ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ตก็ดี ผมเชื่อว่าเพื่อไทยสามารถที่จะดึงคะแนนนิยมทางด้านเศรษฐกิจมาตุนไว้ในกระเป๋าตัวเองได้

แต่คุณยังขาดคะแนนนิยมทางการเมืองคนยังไม่เชื่อมั่นเพราะคนยังคลางแคลงใจว่าคุณแอบซ่อนเร้นหรือมีอะไรปิดบังอำพรางหรือเปล่า ว่ามีจิตใจโอนเอนไปหาฝ่ายรัฐประหารหรือเปล่า คุณมีจิตใจโอนเอนไปนิยมชมชอบฝ่ายรัฐประหารหรือเปล่า

ถ้าคุณประกาศเรื่องนิรโทษฯ ชัด ผมว่าความคลุมเครือเรื่องนี้จะกระจ่างไปจากใจคน แล้วเชื่อผมว่าคะแนนนิยมทางการเมืองของประชาชนจะไหลกลับมาหาคุณเพราะคะแนนิยมทางการเมืองนั้นขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมแนวทางนโยบายและทิศทางทางการเมืองในจังหวะนั้นๆ

เพราะฉะนั้นผมเรียนไปยังพรรคเพื่อไทย ว่าเป็นโอกาสของคุณแล้วในการที่คุณจะกวาดคะแนนนิยมทางการเมืองเข้ากระเป๋าคุณทันที!

ชมคลิป