เก็บตกจากซานฟรานซิสโก | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั่วโลกจับตาการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC : Asia-Pacific Economic Cooperation) ที่เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแฟซิฟิกที่มีสมาชิก 21 ประเทศ มาจาก 3 ทวีป

ไม่เพียงเท่านั้น ทั่วโลกยังจับตาการสนทนาสองต่อสองของผู้นำชาติมหาอำนาจใหญ่ของโลก ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ยาวนาน 4 ชั่วโมง

ความสำคัญของการสนทนาของผู้นำชาติมหาอำนาจทั้งสองไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลายาวนานแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับประเด็นวาระของการเจรจา ซึ่งมีความสำคัญต่อทั้งสองมหาอำนาจและต่อโลกด้วย

ด้วยเหตุความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอยู่ในสภาพบอบบางที่สุดในช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา ท่ามกลางความสลับซับซ้อนของการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสองชาติมหาอำนาจ

ข้อเขียนสั้นๆ นี้จะสรุปสาระสำคัญของการสนทนาของสองผู้นำโลก ให้ข้อสังเกตถึงความเป็นไปได้และผลอันเนื่องมาจากการเจรจาความเมืองและเศรษฐกิจของผู้นำทั้งสอง

 

ภาษาพูด ภาษากายทางการเมือง

“…โลกใหญ่พอสำหรับเราทั้ง 2 ประเทศ…”

นี่เป็นคำพูดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อันที่จริงคำพูดนี้เป็นคำพูดที่ท่านผู้นำจีนได้เคยพูดมาก่อนหน้านี้แล้ว

คราวนี้ก็พูดอีกครั้งในวาระอันสำคัญท่ามกลางความร้อนแรงของการขัดแย้ง การแข่งขัน และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในหลายๆ เรื่อง

ได้แก่ ความขัดแย้งในเรื่องไต้หวัน ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก

การทำสงครามทางการค้า ได้แก่ การใช้มาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าของสหรัฐอเมริกาบางชนิดให้กับจีน โดยเฉพาะชิพ (chip) เซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บางชนิด

รวมทั้งการโต้แย้งเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา

ยังรวมถึงความตึงเครียดอันเกิดจากการเพิ่มขีดความสามารถทางการทหาร และการเคลื่อนไหวทางการทหารของทั้งสองฝ่าย

เช่น จีนใช้เรือรบและเครื่องบินทหารเผชิญหน้ากับฟิลิปปินส์พันธมิตรสหรัฐอเมริกา

ส่วนสหรัฐอเมริกาก็เคลื่อนกำลังเรือรบและเครื่องบินใกล้ๆ กับไต้หวัน สหรัฐอเมริกาเพิ่มศักยภาพทางทหารด้วยการซ้อมรบไตรภาคี สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นต้น

ช่วงการประชุมระหว่างผู้นำสองชาติมหาอำนาจที่ประชุมแยกตัวจากการประชุมสุดยอด APEC ที่ซานฟรานซิสโก มีการใช้ภาษาพูดและภาษากายเพื่อแสดงออกทางการเมืองทั้งเชิงสัญลักษณ์ แสดงท่าทีทางการทูต

บางภาษาพูดก็แสดงจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง เช่น “…โลกใหญ่พอสำหรับเราทั้ง 2 ประเทศ…” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีการตีความว่าเป็นการแสดงความรู้สึกเคารพร่วมและอยู่ร่วมกัน ให้บทบาทความรับผิดชอบของทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนในระดับโลก เป็น statement หาหนทางจัดการการแข่งขันหลายระดับและต่อโลก

แต่ในเวลาเดียวกัน ทั้ง 2 ประเทศก็ฉกฉวยประเด็นการค้าระหว่างประเทศ อันเป็นการทำเพื่อสร้างอิทธิพลของตนในระดับโลก1

ในเวลาเดียวกัน มีการวิเคราะห์ถึงคำปราศรัยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในที่เลี้ยงรับรองการประชุม APEC มีคำว่า ประชาชน มากถึง 60 คำ

แต่ก็มีคนวิจารณ์ว่า คำว่า ประชาชน อาจไม่ได้หมายถึงรัฐบาลปักกิ่งทำอะไรให้กับประชาชนเหมือนที่ท่านผู้นำกล่าวซ้ำไปซ้ำมา เพราะความจริงจีนไม่ได้เป็นประเทศสำหรับบรรดามหาเศรษฐีจีนเสียแล้ว

จีนต้องการควบคุมเศรษฐีใหม่และบริษัทที่วิจารณ์รัฐบาล

มีมหาเศรษฐีจีนคนแล้วคนเล่าถูกจับกุม หลายคนหนีออกนอกประเทศ พำนักอยู่ต่างประเทศและไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปทำมาหากินในจีน

ซึ่งไม่ใช่ว่าทำมาค้าขายไม่ได้ แต่ไปๆ มาๆ อาจกลายเป็นศัตรูของรัฐไปเมื่อไรก็ไม่รู้ เพราะมีนักธุรกิจชั้นนำหายตัวไปเฉยๆ บ้างก็ว่าถูกลักพาตัวกันทั้งครอบครัว

 

ความจริงทางการเมือง

การประชุมสองต่อสองระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ความจริงอันเห็นได้ชัดคือ ไม่มีข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมใดๆ เกิดขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาเลยหลังจากการประชุมเอเปคครั้งนี้

แต่ทั้งสองประเทศก็พยายามแสดงออกถึงประโยชน์ของการประชุม

นั่นคือ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จัดแถลงข่าวทันทีหลังจากการประชุมสิ้นสุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาท่านนี้ ในเวลาเดียวกัน ทีมผู้ช่วยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมาแถลงว่าจะมีการประชุมกันต่อไป

ส่วน Xinhua สำนักข่าวทางการของจีนได้รายงานข่าวถึงผู้นำของทั้งสองประเทศตกลงสถาปนาการเจรจาเรื่อง AI ที่จีนกำลังทำงานเรื่องนี้ต่อจาก UK AI Safety Summit เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

เรื่องที่สำคัญที่สุดของจีนคือ ไต้หวัน การรวมไต้หวันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมามาก หลังจาก 7 ปีมาแล้วที่ไม่มีการสื่อสารใดๆ อย่างเป็นทางการระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ในช่วงเวลาที่จีนเพิ่มกำลังทางทหาร กดดันทางการทูต2 แล้วคำกล่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการประชุมครั้งนี้ที่สำคัญต่อจีนก็ออกมาคือ สหรัฐอเมริกายึด นโยบายจีนเดียว (One China Policy)

ความจริงทางการเมือง การประชุมเอเปคครั้งนี้ สำหรับประธานาธิบดีสี ท่านผู้นำต้องการแสดงตนเองต่อหน้าประชาชนชาวจีนว่าเขามีฐานะเท่ากับประธานาธิบดีโจ ไบเดน เขาสามารถผลักดันนโยบายต่างประเทศได้ ท่านผู้นำป้องกันหรือทำให้ช้าลงต่อมาตรการการควบคุมการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อันจะทำให้เศรษฐกิจจีนแย่ลงมากกว่าเดิม

เราอาจวิเคราะห์ได้ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังเผชิญกับลมที่โถมเข้ามา เรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ภาคอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ ผู้คนตกงาน นักศึกษาเรียนจบแล้วไม่มีงานทำ

สิ่งเหล่านี้อาจไม่ปรากฏในสื่อของรัฐ แต่เป็นที่ทราบกันถึงเสียงที่สะท้อนความคิดเห็นไม่พอใจบทบาทการแก้ปัญหาของรัฐบาลในสื่อโซเชียลทั้งหลาย

สิ่งเหล่านี้สะเทือนความชอบธรรมทางการเมืองของเขาในฐานะประธานาธิบดี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานคณะกรรมการกิจการทางการทหารของประเทศ

อาจกล่าวได้ว่าประเด็นภายในประเทศได้เผชิญหน้าผู้นำและระบอบการเมืองของจีนอย่างมาก

ส่วนความจริงทางการเมืองของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็เป็นประเด็นภายในประเทศเช่นกัน แล้วสาหัสไม่แพ้กันด้วย

สำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ชีวิตทางการเมืองของเขาแขวนอยู่กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้าปี 2024 แล้วเขาจะโน้มน้าวคนอเมริกันให้เลือกเขาอย่างไร

นโยบาย Indo-Pacific Economic Framework : IPEF ไม่คืบหน้าแม้แต่น้อย

ในขณะที่การลงทุนของชาติพันธมิตรในกรอบความร่วมมือ QUAD และ AUKUS ที่ริเริ่มโดยผู้นำสหรัฐอเมริกาท่านนี้กลับสร้างความกังวลให้กับจีน

ยิ่งกว่านั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถูกขนานนามว่า อ่อนกับจีน (soft on China) เขาอาจได้ประโยชน์จากระบบ 2 พรรคการเมืองที่แข่งขันหาเสียงเรื่องจีน

แต่ประเด็นจีนได้กลายเป็นประเด็นเรียกร้องให้ผู้สมัครประธานาธิบดีวางบทบาทตัวเอง เข้มแข็ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะโน้มน้าวคนอเมริกันให้เชื่อว่าเขาทำเพื่อคนอเมริกัน3

เรื่องจีนไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับไบเดนเสียแล้ว ถ้าเขาจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2

 

ข่าวร้าย

Alibaba Group Holding ของมหาเศรษฐีชาวจีนอันดับ 6 ของประเทศที่ทั่วโลกรู้จักเขาดี แจ๊ก หม่า (Jack Ma) ออกรายงานว่า รายได้เพิ่มขึ้น 9% ในไตรมาสที่ 3 มูลค่า 224.8 พันล้านหยวน ( 31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมด้วยบริษัทยกเลิกการลงทุน Cloud ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากข้อห้ามของรัฐบาลสหรัฐไม่ให้ต่างชาติลงทุนชิพคอมพิวเตอร์ทันสมัย4

นี่เป็นเหตุที่เกิดขึ้นวันเดียวกับประธานาธิบดีสีประชุมเอเปคที่ซานฟรานซิสโก

มีการวิเคราะห์เป็น 2 ประเด็น5

1. นี่เป็นแถลงการณ์ทางการเมือง (Political Statement) ของแจ๊ก หม่า เจ้าพ่อเทคโนโลยีจีนที่รวยอันดับ 6 ของจีนตรงไปที่ประธานาธิบดีสี

2. เกิดคำถามต่อแนวโน้มการลงทุนในจีน แล้วอาจมีกลุ่มพลังทางการเมืองหนุนการเคลื่อนไหวของแจ๊ก หม่า ปะทุขึ้น เนื่องด้วยประธานาธิบดีสีเปลี่ยนย้ายเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการทหารในกองทัพเรือ บก อากาศ และในกระทรวงกลาโหม บางคนตายอย่างไม่คาดคิดมาก่อนด้วย ภายใต้ประธานาธิบดีสี คนจีนหลายล้านคนสูญเงินเก็บของพวกเขาในอสังหาริมทรัพย์

ตอนนี้ข่าวร้ายยังมีอีก ตลาดหุ้นมูลค่า 955 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหายวับไปจากตลาด จนมีคนกล่าวว่าภายใต้ประธานาธิบดีสี ธนาคาร ทรัพย์สิน หุ้น ไม่มีอะไรปลอดภัย6

ทั้งประธานาธิบดีสี และประธานาธิบดีไบเดน การเมืองภายในเป็นความจริงทางการเมืองที่ปิดไม่มิดเสียแล้ว ไม่ใช่เรื่องไต้หวัน ทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก


1 Julia Cournoyer, “Biden-Xi Meeting : A Must-win in high stakes diplomacy” Chatham House, 16 November 2023.

2 David Sacko, “Meeting Low Expectations : Analizing President Biden’s Summit with Chinese President Xi Jinping” Chatham House, 15 November 2023.

3 Jente Althuis and Leslie Vinjamuri, “Biden needs to convince Americans that dialogue with China is their interests” Chatham House, 17 November 2023.

4 “Hack Ma’s family trust to sell Alibaba shares amid US export curb” Time of India, 16 November 2023.

5 Time of India, 17 November 2023.

6 Insightful Geopolitics 18 November 2023.