นิ้วกลม : เหยื่อของเหยื่อของเหยื่อของเหยื่อ

นิ้วกลมfacebook.com/Roundfinger.BOOK

1
ในวันอากาศร้อน ชายคนนั้นปรี่เข้าหาหมาตัวหนึ่งซึ่งถูกล่ามไว้ ประเคนแข้งขวาเข้าที่ก้านคอของมันเต็มเหนี่ยว ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่ครั้งแล้วครั้งเล่า หัว ท้อง น่อง ขากรรไกร หมาสีขาวตัวนั้นร้องครวญครางราวกับจะขอชีวิต แต่สิ่งที่มันได้รับกลับตรงกันข้าม ชายคนนั้นกระชับมีดสับไก่แล้วเฉาะเข้าไปที่หัวกะโหลกของเจ้าสี่ขาไร้ทางสู้ ครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดแดงข้นกระเด็นและไหลนอง บางหยดยังเปื้อนหน้าชายอารมณ์ร้อนราวกับตราประทับที่จะติดอยู่บนใบหน้าเขาไปตลอดกาล

ก่อนหน้านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้เผชิญกับสิ่งใดมาในชีวิต

2
ที่ร้านอาหารข้างทาง ในวันอากาศร้อนอีกวันหนึ่ง คนขับแท็กซี่ตะโกนด่าแม่ค้าขายข้าวแกงเหมือนโกรธกันมาสามชาติ เพียงเพราะแม่ค้าลืมทำอาหารที่เขาสั่งไว้ และปล่อยให้นั่งรอเนิ่นนาน เสียงานเสียการ เสียเวลาทำมาหากิน

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมชายผู้นี้จึงโกรธระอุถึงเพียงนั้น นอกจากผู้โดยสารที่เปิดกระแทกประตูใส่ หลังจากการถกเถียงและก่นด่ากันบนรถเกี่ยวกับเรื่องการบ้านการเมืองคนนั้นที่บอกให้แท็กซี่จอดก่อนถึงที่หมาย

“จอดตรงนี้แหละ ไม่อยากคุยกับคนโง่”

3
เจ้านายด่าลูกน้อง ลูกน้องไปลงที่ลูกน้องของลูกน้อง แล้วลูกน้องคนหลังสุดก็ไปลงกับแฟน กับพ่อแม่ กับลูก หรือกับสัตว์บางตัวที่เดินผ่าน

เราพบเห็นเรื่องแบบนี้ได้ไม่ยาก ถ้ามีกล้องติดตามตัวใครสักคน ความรุนแรงทางอารมณ์มักไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ

ยิ่งสถานะต่ำกว่ามากก็มีโอกาส ‘โดนรุนแรงใส่’ มาก

เราเก็บความรู้สึกอึดอัดที่ ‘ถูกกระทำ’ เอาไว้ไม่ไหว ต้องหาที่ระบายใส่ใครสักคน หากลองสังเกตตัวเองดีๆ ถ้าไม่ใช่นักธรรมชั้นสูง ย่อมพบว่าเราเองก็เป็นหนึ่งในห่วงโซ่ความรุนแรงนี้ แค่ว่าจะกระทำกับใครเท่านั้นเอง

ทุกคนเป็นผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเรื่อยไปเป็นวังวน เป็นวงจรไม่รู้จบ และยิ่งพบเห็นได้มากขึ้นในสถานการณ์หรือสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำในหลายแง่มุม การศึกษา เศรษฐกิจ สิทธิ โอกาส ภาพลักษณ์ และอำนาจ

อำนาจขนาดใหญ่แผ่กระจายความกดดันไปสู่ผู้คนในสังคม ยิ่งเป็นอำนาจที่มิอาจโต้เถียง ต่อรอง ล้อเลียน ล้อเล่น ก็ยิ่งแผ่น้ำหนักลงบนบ่าของผู้คนมหาศาล เพราะไม่สามารถใช้แรงต้านในการรองรับน้ำหนักได้เลย ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาแบกรับสิ่งที่กดและทับลงมาโดยมิอาจโต้ตอบ

ทุกคนค่อยๆ ถูกทำให้กลายเป็นคนที่ต้องยอมรับทั้งที่อาจไม่ได้ยอมรับ ความรู้สึกคล้ายถูกเจ้านายดุๆ สั่งงานแล้วต้องก้มหน้าก้มตาทำทั้งที่ไม่เห็นด้วย แต่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อไหร่ที่เผลอก็จะใช้อำนาจของตัวเองกระทำต่อคนที่อยู่ในลำดับชั้นถัดไปในลักษณะเดียวกัน เพราะนั่นคือการผ่อนคลายความตึงเครียดที่ถูกกดมาจากข้างบน

โดยไม่รู้ตัว เราค่อยๆ ถูกทำให้กลายเป็นคนเกลียดอำนาจและเป็นคนที่ชอบใช้อำนาจไปพร้อมๆ กัน

ซึ่งสุดท้ายแล้วมันนำไปสู่การทำให้เรากลายเป็นคนที่เราเกลียดเสียเอง

มากกว่านั้น เราอาจกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่เราไม่ชอบ ‘ระบบอำนาจนิยม’ ซึ่งค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากความอึดอัดกดดันในตัวที่ไม่สามารถคัดง้างกับคนที่มีอำนาจมากกว่าได้

4
ความอึดอัดนั้นทำให้เราเริ่มหันมองหา ‘เหยื่อ’ เพื่อระบายความอึดอัดที่ทำอะไรกับอำนาจบาตรใหญ่ในสังคมไม่ได้ เราต้องการระบายออก เมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำ เราต้องการ ‘กระทำ’ กับใครสักคน
ในเมื่อด่าคนที่ตัวใหญ่กว่าไม่ได้ เราก็บ่ายหน้าหาคนที่ตัวเท่าๆ กัน คนที่ตัวเล็กกว่า หรือคนตัวใหญ่กว่าที่พอจะด่าได้

แล้วเป้าหมายก็จะถูกเบน ความขับข้องใจหลายอย่างที่มีต่อคนตัวใหญ่ คนที่มีอำนาจ กลับกลายถูกระบายใส่คนตัวเล็ก เหมือนตั้งขึ้นมาเป็นตุ๊กตาเอาไว้เล่นงานให้หนำใจ แต่ที่จริงแล้วความเกลียดโกรธทั้งหมดที่ระบายใส่ลงไปนั้นอยากกระทำกับคนตัวใหญ่ แต่ทำไม่ได้

ไม่เพียงกับต่างฝ่ายต่างความคิด บ่อยครั้งที่เราระบายความโกรธเกลียดใส่คนที่คิดเห็นคล้ายๆ กัน เพียงเพราะเขาทำบางสิ่งไม่ถูกใจ หรือแสดงความคิดเห็นไม่รัดกุม หรือมองบางสิ่งด้วยวิธีมองคนละแบบ หรือกระทั่งคนคนนั้นแสดงความโกรธเกลียดต่อคนที่เราโกรธเกลียดน้อยเกินไป เป็นไปได้นานาประการ

เพียงไม่กี่วินาที เราก็ได้เหยื่อขึ้นมารุมระบายอารมณ์

ผมไม่แน่ใจว่า ถ้าเราไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดและตึงเครียด วิธีการแสดงออกของแต่ละคนจะแตกต่างไปจากนี้ไหม เราจะเจรจาพาทีกันอย่างประนีประนอมกันมากกว่านี้ไหม เราจะยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตำหนิติเตียนกันโดยไม่นำอีกฝ่ายมาเป็นเหยื่อกันหรือเปล่า

ในแง่หนึ่ง หากเหตุการณ์เป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ สังคมย่อมเต็มไปด้วยเหยื่อแห่งอำนาจ ซึ่งจะกระทำต่อๆ กันไปตามห่วงโซ่แห่งความเหลื่อมล้ำ เกิดเหยื่อของเหยื่อของเหยื่อของเหยื่อ…ต่อไปจนกระทั่งถึงระดับที่เหยื่อรายนั้นไม่สามารถกระทำอะไรกับใครได้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือความไม่ไว้ใจและหวาดระแวงต่อกันของเพื่อนร่วมสังคม

แล้วสังคมที่ต่อต้านอำนาจนิยมอาจจะกลายไปเป็นสังคมที่อภิมหาอำนาจนิยมไปเสียเอง สังคมที่ต่อต้านเผด็จการทางความคิดอาจจะกลายไปเป็นสังคมที่ผู้คนเชิดชูความคิดเห็นของตัวเองว่าดีที่สุดไปเสียเอง
แล้วโครงสร้างที่เหลื่อมล้ำในทุกมิติก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นผ่านพฤติกรรมและความรู้สึกเช่นนี้ เพราะเราต่างเป็นเหยื่อที่ถูกเหยียด และเป็นผู้เหยียดเหยื่อขั้นถัดๆ ไป ทำให้ความเหลื่อมล้ำทั้งหลายยิ่งคงทนถาวร เมื่อเราต้องการคนสถานะต่ำกว่าไว้ระบายอารมณ์ใส่

5

ในวันอากาศร้อน เมื่อมีข่าวเกี่ยวกับการจับกุมหรือบางมุมเกี่ยวกับเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก บนหน้าฟีดเฟซบุ๊กและบทสนทนาบนโต๊ะอาหารมักจะมีบรรยากาศและความรู้สึกของความกดดัน หดหู่ อึดอัด ก่อตัวเป็นมวลขนาดใหญ่ ในนั้นมีความกังวล หวาดกลัว และเกลียดชังต่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเสมอ ถัดจากนั้นไม่นานนัก เรามักพบการนำ ‘เหยื่อ’ บางคนขึ้นมาระบายอารมณ์ใส่
ในบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ‘เหยื่อ’ ที่ว่านั้นมักไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจมากกว่า

เราจะกระทำรุนแรงต่อกันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ไม่มีใครบอกได้ พอๆ กับที่ไม่มีใครบอกได้ว่าสถานการณ์อันน่าอึดอัด โกรธแค้น ชิงชัง รวมทั้งน่าหวาดกลัวจะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน จะเกิดเหยื่อของเหยื่อของเหยื่อของเหยื่อ…อีกกี่คน

ผมไม่แน่ใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถี่ๆ อย่างการที่ผู้คนลงไม้ลงมือกระทำรุนแรงกับหมาข้างถนนจะมีเหตุผลแค่…อากาศร้อน