การขับเคลื่อน #น้ำประปาดื่มได้ โดยกระทรวงมหาดไทย สร้างความตื่นเต้นเป็นอย่างสูง นี่ย่อมเป็นบทบาทของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล

เป็นบทบาทของ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และน่าจะเป็นบทบาทของ 1 หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็น”คำประกาศ”ในสถานการณ์อัน”ท้าทาย”อย่างยิ่ง

ท้าทายเพราะว่า”นโยบาย”นี้พรรคก้าวไกลก็กำหนดอยู่ใน 300 นโยบายที่เสนอขึ้นมาในการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566

เพราะว่า”นโยบาย”นี้ไม่เคยประกาศโดย”พรรคภูมิใจไทย”

ขณะเดียวกัน ความแหลมคมเป็นอย่างมากก็คือ “นโยบาย” นี้กำลังเป็นเรื่อง”ล้อกันเล่น”ในลักษณะอันเป็นการเยาะเย้ยต่อจัง หวะก้าวในทางการเมืองของพรรคก้าวไกล

พลันที่กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ภาระในการทำให้ #น้ำประปาดื่มได้ อยู่ในความรับผิดของการประปาส่วนภูมิภาค จึงเท่ากับเป็นการขานรับแนวทางอันมาจากพรรคก้าวไกล

ขณะเดียวกัน ก็เท่ากับเป็นการสร้างพันธมิตรระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคก้าวไกลโดยอัตโนมัติ

หากมองจากการทดลองปฏิบัติโดยคณะก้าวหน้ากับเครือข่ายของตนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีน้ำประปาดื่มได้ของเทศบาลอาจสามารถ คือตัวอย่างอันโดดเด่น

ความสำเร็จของอบต.อาจสามารถ คณะก้าวหน้ามีส่วนร่วม ด้วย และเป็นพิมพ์เขียวให้กับพรรคก้าวไกล

จุดเริ่มต้นของพรรคก้าวไกลจึงต่างจากพรรคภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทยอาศัยสถานะแห่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนนโยบาย #น้ำประปาดื่มได้ อันเท่ากับเป็นการเริ่มต้นจากด้านบนไปสู่ด้านล่าง

ขณะที่คณะก้าวหน้าเริ่มจากด้านล่างคืออบต.อันเป็นเครือข่ายของตนเพื่อส่งผลสะเทือนไปถึงระดับจังหวัดและระดับทั่วประเทศ

ยิ่งกว่านั้น ยังถือว่า #น้ำประปาดื่มได้ เป็นนโยบายเศรษฐกิจ

ยังไม่ปรากฏท่าทีจากพรรคก้าวไกล ยังไม่ปรากฏท่าทีจากคณะก้าวหน้า จากคำประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่ามีความรู้สึกอย่างไร

แต่เชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกลน่าจะยินดีมากกว่าจะวิตก

เพราะมีแนวโน้มว่าวิถีแห่ง#น้ำประปาดื่มได้จะดำเนินไปบนเส้นทางเดียวกันกับวิถีแห่ง#สุราก้าวหน้า กับวิถีแห่ง#สมรสเท่าเทียม เพราะในที่สุดแล้วประโยชน์ก็ตกกับประชาชน

นั่นก็คือการปลดปล่อยพลังการผลิต การเปิดโอกาสให้กับผู้ผลิตรายย่อย ให้กับการขยายตัวของรากฐานของประเทศ