จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 29 ธ.ค. 2560 – 4 ม.ค. 2561

จดหมาย

0 Enjoy Life

ผมไม่เคยพบ คุณดำรง พุฒตาล
ไม่เคยขัดแย้งหรือมีอคติกับท่านเลย
ที่ผ่านมาผมชื่นชมท่านในหลายเรื่อง
แต่ล่าสุดที่ท่านกลั่นความคิดจากประสบการณ์ 73 ปีเรื่องงาน การพักผ่อนและกรุงเทพมหานครนั้น
ควรได้แลกเปลี่ยน วิพากษ์ โดยเฉพาะความคิด เสพสุข

ในคลิปสั้นๆ ที่มีการเผยแพร่กันต่อใน Line มีข้อความตอนหนึ่งว่า
“(คุณดำรง พูดว่า) งานคือชีวิต ชีวิตนี่คืองาน แต่มาถึงจุดหนึ่งแล้ว เฮ้ยมึงโง่มึงพูดอย่างนี้ไปได้อย่างไร ทำไมชีวิตมนุษย์เกิดมา มึงจะต้องทำงานตลอดจนตาย มันไม่แฟร์กับร่างกายเลย”
ในข้อนี้ ผมขอแย้งว่า
1. ที่จริงมีคนมากมายที่ทำงานจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
เช่น พระพุทธเจ้า หลายคนยังจำภาพโต๊ะทำงานที่รกๆ ของไอน์สไตน์ก่อนวันเสียชีวิต ปุถุชนคนแก่ก็มีมากมายที่เมื่อวานยังทำงานอยู่ แต่วันนี้ตายเสียแล้ว
2. การทำงานเป็นการสร้างสรรค์ ชีวิตที่มีค่าก็คือชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
การทำงานจึงเป็นที่มีเกียรติและน่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
3. ที่อ้างว่าไม่แฟร์กับร่างกายนั้น ที่จริงแล้ว ร่างกายและสมองจะยิ่งดีถ้ายิ่งได้ทำงานต่างหาก
ยิ่งถ้าเป็นงานที่รัก ก็ยิ่งสนุกกับงาน เพียงแต่เราไม่ควรทำงานหนักจนเกินไป

ท่านยังกล่าวว่า
“ชีวิตต่อไปนี้ก็คือ Enjoy Life ผมมีบ้านอยู่ที่อังกฤษ หัวหิน พัทยา เชียงใหม่ อยุธยา เชียงราย ซื้อมา พอหาเงินได้ก็ซื้อๆๆ ต่อไปนี้ก็จะไปอยู่แถวนั้นแล้วล่ะครับ”
คำพูดนี้มีข้อสังเกตว่า
1. ที่ท่านทำได้ก็เพราะมีอิสรภาพทางการเงินจากการทำงานมายาวนาน สะสมเงินมามากแล้ว
2. แต่บางคนเกษียณไม่ได้ ถูกความจำเป็นของชีวิต ‘บังคับ’ ให้ต้องทำงานจน (ใกล้) วันสุดท้าย ต้องเห็นใจ ต้องให้เกียรติพวกเขา แรงงานสร้างสรรค์โลก
ส่วนท่านนับว่าโชคดีกว่าคนอื่นเท่านั้น

ตอนสุดท้าย ท่านกล่าวว่า “นรกนะกรุงเทพฯ…รถมันก็ติด คนก็นิสัยไม่ดี ไปอยู่ต่างจังหวัดดีกว่าครับ…อายุตอนนี้ 73-74 แล้วมันจะอยู่อีกซักกี่ปี”
ข้อนี้ผมขอเห็นต่างดังนี้ :
1. นานาจิตตัง ในยามหนุ่มถ้าคุณดำรงไม่เข้า กทม. ก็คงไม่มีวันนี้
แต่จะให้คนหนุ่มสาวแห่กันไปต่างจังหวัด คงไม่ได้ คงเท่ากับส่งเขาไปตายมากกว่า
2. แม้ กทม. มีปัญหารถติด ใน ตจว. มักทุรกันดาร “บ้านป่าเมืองเถื่อน” แมลงรบกวน งูเงี้ยวเขี้ยวขอ ไปเที่ยวได้แต่ไปอยู่ทุกวันคงไม่ไหว
ท่านเองก็ยังเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ แต่ท่านมีเงินซื้อความสะดวกสบายได้โดยง่าย
3. ที่ว่าใน กทม. คนนิสัยไม่ดี เป็นวาทกรรมที่เข้าใจผิด
จากสถิติการรับแจ้งคดีอาญา (โจรกรรม ปล้น-ชิง ข่มขืนและฆ่า ลักพาเรียกค่าไถ่ ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์) พ.ศ.2558 พบว่ามีการรับแจ้งความ 30,893 คดี แต่เป็นใน กทม. 7,067 คดีเท่านั้น
ใน กทม. มีคนอยู่และสัญจรนับสิบล้านต่อวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นับสิบล้านก็มา กทม.
ดังนั้น สัดส่วนอาชญากรรมในกรุงอาจน้อยกว่าใน ตจว. เสียอีก เพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่า

คุณดำรงพูดเรื่องนี้ขณะยังทำนิตยสาร “คู่สร้างคู่สม” แต่ตอนนี้ท่านเลิกทำไปแล้ว
อันที่จริงสื่อก็เป็นแค่ Market Place มานานแล้ว
ไม่มีสื่อใดจะอยู่ได้ด้วยระบบสมาชิกอยู่แล้ว
ระบบ Internet เพียงแค่มาเปลี่ยนรูปแบบ Market Place เท่านั้น แต่ท่านไม่อาจปรับตัวได้ จึงเลิกไป
ในโลกนี้ก็ยังมีวารสารดังๆ อยู่รอดและเติบโตได้
คุณดำรงอาจประสบความสำเร็จจนมีทรัพย์สินมากมาย สบายไปแล้ว
แต่จะดีเยี่ยมถ้าท่านทำให้ “คู่สร้างคู่สม” เป็นสถาบันที่อยู่ได้แม้ไม่มีตัวท่าน
กลายเป็นอนุสรณ์สถานที่มีชีวิตและเป็นเกียรติประวัติชาติ
เสพสุขเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องสอน ไม่ต้องส่งเสริม
การทำงานด้วยความเบิกบานต่างหากที่พึงสอนให้มาก
ดร.โสภณ พรโชคชัย
[email protected]

ว่าที่จริง ไม่อยากส่งท้ายปีด้วยบรรยากาศ “เห็นต่าง”
กระนั้น การ “ตัดสินใจ” ของ ดำรง พุฒตาล
ก็ส่งผลสะเทือนอย่างสูง
สูงต่อวงการสื่อสารมวลชน ในวงเล็บ (เก่า)
ที่จะต้องหาคำตอบให้ตนเองอย่างหนักในปี 2561และปีต่อไป
ส่วนประเด็นอื่น ที่ ดร.โสภณ ยกมา โดยเฉพาะ Enjoy Life นั้น
ว่าที่จริง “ดำรง พุฒตาล” ก็ไม่น่าเห็นต่างจาก ดร.โสภณ ที่ชื่นชอบและยกย่องการ “ทำงานหนัก” เท่าใดนัก
เพราะ ดำรง พุฒตาล ก็ผ่านการทำงานหนักมาก่อน
เมื่อถึง “เวลา” อันเหมาะสม จึงประกาศ Enjoy Life ได้
ซึ่งนั่นคงมิได้ส่งเสริมการ “เสพสุข” กระมัง
และว่าไป เรื่องการเสพสุข ของคนรุ่น Y ก็แตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างมาก
แตกต่างอย่างไร
คนรุ่น Y จะมาเล่าผ่านสื่อเก่า แต่หัวใจกุ๊กกิ๊ก
อย่าง มติชนสุดสัปดาห์ ก็จะยินดีหลาย