ตรวจการบ้านความมั่นคง ‘นายกฯ เศรษฐา’ วัดใจ หลายเก้าอี้ ทหารชิงคุมโต๊ะเจรจาใต้ ‘ผบ.อ๊อบ’ เก้าอี้แน่น

หลังบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด พูดเป็นนัยในเวทีบรรยายพิเศษ ให้กำลังพลฟังหลายที่ ก็ทำให้เกิดตีความกันว่า อาจจะเป็น ผบ.ทหารสูงสุดแค่ปีเดียว ทั้งๆ ที่เกษียณราชการกันยายน 2568

ด้วยความที่ พล.อ. ทรงวิทย์ เป็นนายทหารคอแดง ที่เคยมีบทบาทสำคัญใน ฉก.ทม.รอ.904 ตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ ทบ. แม้ตอนนี้จะย้ายมาอยู่ บก.ทัพไทย เป็น ผบ.ทหารสูงสุด พ้นจาก ทบ.แล้ว ก็จะเป็นแค่ที่ปรึกษา ฉก. เช่นสมัยบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุดคนก่อนก็ตาม แต่ พล.อ.ทรงวิทย์ มีคอนเน็กชั่นที่แตกต่าง

พล.อ.เฉลิมพล นั่งเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ถึง 3 ปี และก็ได้เกษียณราชการปกติเมื่อ 30 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา แต่ พล.อ.ทรงวิทย์ อยู่ในเครือข่ายสำคัญของสายอนุรักษนิยม จึงทำให้มีการวิเคราะห์กันไปล่วงหน้าแล้วว่า หาก พล.อ.ทรงวิทย์ มีเหตุจำเป็นที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งพิเศษนอกกองทัพ ใครจะมาแทน

หากมองคนใน ก็มีแต่ เสธ.จ่อย พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร เพื่อน ตท.24 ของ พล.อ.ทรงวิทย์ จากเดิมที่เคยเป็นแคนดิเดต แต่ก็พลาดหวัง และหมดหวัง เพราะเกษียณ 2568 พร้อมกัน

ก่อให้เกิดความหวังในบรรดาทหารคอเขียว เพราะ พล.อ.ธิติชัย เป็นความหวังของหมู่บ้านทัพไทย เพราะหากวนกลับมาที่ ผบ.ทหารสูงสุด ก็จะเป็นทหารคอเขียว บรรดานายทหารทั่วไปที่ไม่ใช่ทหารคอแดง ก็จะมีความหวังว่า ผบ.ทหารสูงสุด ไม่จำเป็นต้องเป็นทหารคอแดง

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

แต่หากยังต้องเป็นทหารคอแดง ที่จะมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คนที่ 3 ก็มีการมองไปถึงคนนอก โดยเฉพาะจาก ทบ. และจะต้องเป็นทหารคอแดงที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. แล้วข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด โดยเฉพาะบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผช.ผบ.ทบ. เพื่อน ตท.24 ที่เกษียณ 2569 ที่ถือว่าเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.ที่กำลังมาแรง

และถูกจับจ้องว่า อาจจะเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่เสียด้วยซ้ำ

บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ รุ่นน้อง ตท.26 ที่มีกระแสข่าวว่า ต้องย้ำเท้ารอไปก่อน ก็เป็นได้

เพราะหาก ผบ.ทหารสูงสุด จะต้องเป็นทหารคอแดง เช่น พล.อ.เฉลิมพล คนแรก และ พล.อ.ทรงวิทย์ คนที่ 2 แล้ว การหาตัวนายทหารคอแดงมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในปี 2567 ได้ยากมาก เพราะนายพลคอแดง โดยเฉพาะพลเอก เกษียณกันจะหมดแล้ว

ยกเว้นต้องมีการฝึกนายพลคอเขียว ให้เป็นทหารคอแดงเพิ่มเติม

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์

แต่ก่อนที่จะคาดคิด วิเคราะห์กันไปไกลว่า พล.อ.ทรงวิทย์ จะนั่งเก้าอี้แค่ปีเดียว ก็มีรายงานข่าวว่า การที่ พล.อ.ทรงวิทย์พูดเช่นนั้น เพราะแค่อยากให้กำลังพลทุกคนโฟกัสกับงาน และตั้งใจทำทุกวันให้ดีที่สุด

เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์เองนั้น เส้นทางการรับราชการใน 4 ปีที่ผ่านมา ถูกปรับย้ายถึง 4 ตำแหน่ง จากรองแม่ทัพภาคที่ 1 ไปเป็นรอง เสธ.ทบ. และหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำผู้บังคับบัญชา ก่อนที่จะถูกส่งข้ามไปกองบัญชาการกองทัพไทย นั่งเก้าอี้รอง ผบ.ทหารสูงสุด สะท้อนถึงความไม่แน่นอน

พล.อ.ทรงวิทย์ จึงต้องการให้ทุกคนทำงานทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรอว่า ปีหน้าค่อยทำ เพราะอาจจะไม่ได้ทำ จึงไม่ได้หมายถึงว่า จะนั่งเป็น ผบ.ทหารสูงสุดแค่ปีเดียว

แต่สิ่งที่ พล.อ.ทรงวิทย์ ตั้งใจทำใน 2 ปีที่เป็น ผบ.ทหารสูงสุด คือ จะลงพื้นที่และตรวจหน่วย เยี่ยมกำลังพลทั่วประเทศให้ได้อย่างน้อยปีละ 10,000 คน จากกำลังพลกองบัญชาการกองทัพไทยที่มี

เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์ เน้นเรื่อง “คน” จึงมีนโยบาย “People First” เป็นข้อแรก เพราะคน หมายถึง กำลังพล และครอบครัว รวมทั้งประชาชนด้วย หวังจะหลอมรวมกันเป็น One Team ทัพไทย หากทำได้ ทุกอย่างก็จะทำได้หมด

จึงเป็นอันว่า การเปลี่ยน ผบ.ทหารสูงสุด กลางครัน ในโยกย้ายตุลาคม 2567 จาก พล.อ.ทรงวิทย์ เป็นนายทหารคนอื่น จะไม่มีเกิดขึ้น

ตรงกันข้าม เก้าอี้ของ พล.อ.ทรงวิทย์ ยิ่งมั่นคงแข็งแรง เพราะนอกจากมีต้นทุนทางสังคมสูง มีความสามารถ และเป็นที่ไว้วางใจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญ และเป็นเสมือนตัวแทนของกองทัพ และเหล่าทัพ

จนถูกมองว่าเป็นเสมือนที่ปรึกษาด้านการทหารและความมั่นคงของนายเศรษฐาเลยทีเดียว

นายเศรษฐา ทวีสิน,พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์

ขณะที่นายเศรษฐา ที่ดูแลความมั่นคงเอง คุมกลาโหมเอง โดยไม่แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีคนใดเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ยังมีการบ้านรออยู่

แม้ว่าจะเคลียร์ปัญหาสยบกระแสข่าวยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน) ไปแล้ว ให้ความมั่นใจด้วยการประกาศต่อหน้าผู้บัญชาการเหล่าทัพว่าจะไม่ยุบ แต่จะปรับภารกิจ พร้อมชื่นชมผลงานแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ยังมีทั้งการตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ต้องให้นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการ สมช. รักษาการเลขาฯ สมช.ไปพลางก่อน รอขั้นตอนด้านกฎหมาย ที่จะโอนย้าย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มานั่งคุมความมั่นคง

แต่เพื่อน ตท.24 ต่างก็มั่นใจว่า ในที่สุด พล.ต.อ.รอย จะมาเป็นเลขาฯ สมช. ด้วยความเต็มใจ หลังสยบศึกสีกากี

นายเศรษฐา ทวีสิน

นอกจากนี้ ปัญหาชายแดนภาคใต้ก็ยังคงระอุ แม้จะผ่านมา 19 ปีแล้วก็ตาม และนายเศรษฐายังคงยึดนโยบายในการพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มก่อความไม่สงบต่อไป

ก่อนหน้านี้ มีการตั้งบิลลี่ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ มาเป็นเลขาฯ ศอ.บต.คนใหม่แล้ว

แต่เป็นเวลา 2 เดือนแล้วที่นายเศรษฐา ในนามของรัฐบาลใหม่ยังไม่ได้แต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้คนใหม่ หลังจากที่กระบวนการพูดคุยได้ชะงักลง ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งโดยกระบวนการ BRN ระบุว่าจะกลับมาพูดคุยอีกครั้งเมื่อไทยมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว

แต่จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณออกมาว่านายเศรษฐาจะตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยฯ เพื่อเดินหน้าการแก้ปัญหาความไม่สงบ เมื่อใด และใคร

โดยมีกระแสข่าวว่านายเศรษฐาต้องการหัวหน้าคณะพูดคุยฯ ที่เป็นพลเรือนมากกว่าเป็นทหาร หรืออาจจะเป็นตำรวจก็เป็นได้ เพราะยุคนี้เริ่มเป็นที่จับตามองถึงบทบาทของนายตำรวจ และรัฐตำรวจ เช่นในยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

ทว่า เพียงแต่ยังหาผู้เหมาะสมไม่ได้ เพราะต้องเป็นพลเรือนที่มีความรู้ด้านการทหาร ความมั่นคงปัญหาชายแดนภาคใต้ และรู้จักโครงสร้างและตัวบุคคลของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะ BRN

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี, พล.อ.สุขสันต์ หนองบัวล่าง

มีรายงานข่าวว่า นายเศรษฐา ขอให้หลายคน โดยพิจารณาคัดเลือกเสนอชื่อมา เช่น ให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว. ยุติธรรม ช่วยเฟ้นหา

ขณะที่ฝ่ายกองทัพเตรียมเสนอชื่ออดีตบิ๊กทหาร ให้เป็นตัวเลือกในตำแหน่งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ

ทั้งบิ๊กเดฟ พล.อ.พรศักดิ์ พูนสวัสดิ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เตรียมทหาร 20 รุ่นเดียวกับบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม ก่อนหน้านี้ พล.อ.พรศักดิ์ อยู่ในคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

นอกจากนี้ ยังมีชื่อ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เตรียมทหาร 22 เพื่อนร่วมรุ่นบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ทบ. และเพื่อน วปอ.61 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย

ทั้งนี้ ทาง พล.อ.พรศักดิ์ และ พล.อ.เกรียงไกร ถือเป็นนายทหารกองทัพภาคที่ 4 ที่มีความสนิทสนมรักใคร่กัน เป็นพี่น้องหรือเป็นขั้วอำนาจเดียวกัน และเป็นคนสุราษฎร์ธานีด้วยกัน พล.อ.พรศักดิ์ ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทในการสนับสนุนให้ พล.อ.เกรียงไกร ได้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 และเคยอยู่ในคณะพูดคุยสันติสุขฯ มาแล้วหลายสมัย

รวมทั้งชื่อของ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. ที่ทำงานชายแดนภาคใต้มายาวนาน เป็นอดีตทหารพรานนาวิกโยธิน และเป็นเตรียมทหาร 24 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.รอย และ พล.อ.ทรงวิทย์ พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. และบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม

ที่จะทำให้ ตท.24 คุมแผงความมั่นคง

 

แต่ที่มองข้ามไม่ได้คือ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่เชื่อกันว่าเป็นกุนซืออยู่เบื้องหลังรัฐบาล รวมทั้งนายเศรษฐาด้วยนั้น จะตัดสินใจใช้ตัวบุคคลสายงานความมั่นคงแบบใด ซอฟต์อ่อนนุ่มประนีประนอมกับกองทัพ หรือจะยึดอำนาจแต่งตั้งคนที่ไว้วางใจ

แต่จะไม่ถึงขั้นล้างบางกองทัพเพราะคานกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของบิ๊กเดลในการจัดตั้งรัฐบาลและการกลับไทยของนายทักษิณ

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม จึงมาแนวซอฟต์ ดูแลเอาใจกองทัพ ถึงขั้นประกาศว่าอย่าถามว่าจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หรือไม่ แต่ให้ถามว่า จะซื้อเมื่อใด เพื่อให้มีศักยภาพในการสู้รบปรบมือกับประเทศอื่นได้

ท่ามกลางกระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในห้วงเดือนพฤษภาคม 2567 เมื่อสมาชิกวุฒิสภาชุด คสช. หมดอายุและสิ้นสุดบทเฉพาะกาลในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี

หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ก็อาจจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี ท่ามกลางกระแสข่าวการเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม ที่จะต้องย้อนกลับมาที่ พล.อ.ณัฐพล ที่ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในกระทรวงกลาโหมในการดูแลทุกเรื่องให้นายสุทิน และไม่ว่าไปไหนหรือลงพื้นที่ สุทินก็จะให้ พล.อ.ณัฐพลไปด้วยเสมอ

เพราะต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ณัฐพลเป็นเตรียมทหารรุ่น 20 รุ่นเดียวกับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม ลูกรักบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ

แค่นั้นยังมีบิ๊กตุ่น พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ อดีตรอง ผบ.ทอ. เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมอีกด้วย

ดังนั้น การบ้านด้านความมั่นคงของนายเศรษฐา จึงหนักเอาการ ยิ่งถูกมองว่าไม่ถนัดเรื่องการทหารและความมั่นคงอยู่ด้วย

แต่ปัญหาด้านความมั่นคง ลึกซึ้งและซับซ้อนยิ่ง จึงอาจต้องรอบคอบเช่นที่เป็นอยู่