เศรษฐกิจอเมริกาพุ่งกระฉูด ในฤดูร้อน หวังประคองเศรษฐกิจโลก

รายงานพิเศษ | มงคล วัชรางค์กุล

 

เศรษฐกิจอเมริกาพุ่งกระฉูด

ในฤดูร้อน

หวังประคองเศรษฐกิจโลก

 

หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ฉบับวันศุกร์ 27 ตุลาคม 2566 พาดหัวหน้า 1 ว่า Economy Sped Up in Summer

เศรษฐกิจพุ่งกระฉูดในฤดูร้อน

พาดหัวรองระบุว่า อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 4.9% เพราะผู้บริโภคพากันจับจ่ายใช้สอยอย่างเพลิดเพลิน (gusto) แต่อัตราการก้าวเดินยังต้องประคับประคองอย่างยากลำบาก

ในเนื้อข่าวบอกว่า เศรษฐกิจสหรัฐในฤดูร้อนนี้ เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดนับจากปี 2021

Gross domestic product – GDP (อัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ขยายตัว 4.9 % เมื่อเปรียบเทียบฤดูกาลต่อฤดูกาล (Seasonally)

อัตราเงินเฟ้อ ปรับปรุงอัตรารายปีอยู่ที่ไตรมาส 3 ซึ่งมากกว่าสองเท่าของอัตราขยายตัวในไตรมาส 2 ทั้งหมดนี้เป็นรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ (The Commerce Department) เมื่อวันพฤหัสบดี

อัตราเร่งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในแผนงานของ the Federal Reserve – ธนาคารกลางสหรัฐ

ผมมีความเห็นว่า อย่างน้อยที่สุด การที่ GDP เติบโตระดับ 4.9 % ในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อย่างสหรัฐ ย่อมเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้เบาใจได้มาก

ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2566 อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีอยู่ที่ 4.84 % ลดลง 0.11%

ดัชนี Down Jones ร่วงลงหนักที่สุดนับจาก 19 ตุลาคม 2566 ลดลง 252 จุด หรือ 0.76%

อย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่ชัดว่า เศรษฐกิจในปี 2023 ได้ฟื้นกลับคืนแล้ว ซึ่งคำทำนายที่ว่าจะลดลงนั้นไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไป นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า จะอยู่ในภาวะ “คงตัว” (Cooling) มากกว่าอยู่ในภาวะถดถอย

ในไตรมาสที่สาม อัตราการบริโภคเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยรายปี 4% ก้าวกระโดดจากอัตราเพิ่มขึ้นของไตรมาสก่อนที่ 0.8% ผู้บริโภคใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว ดูคอนเสิร์ต ชมภาพยนตร์ ดูกีฬา เหล่านี้ได้รับการรองรับจากตลาดที่แข็งแกร่งและจากเงินสะสมที่ไม่ได้ใช้จ่ายระหว่าง Covid-19 ระบาด

ตัวอย่างเช่น คนข้างกายและผม จ่ายคนละ 635 เหรียญ (22,860 บาท ที่ $ 1 = 36 บาท) เพื่อเข้าไปดู Lionel Messi จากทีม Inter Miami ยิงประตู ทีม New York Red Blues เพื่อไว้คุยได้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเคยเห็น Messi ตัวเป็นๆ ยิงประตู

หรืออีกครั้งที่คนข้างกายและผมนั่งรถไฟตู้นอน Amtrak ไป Savanah, รัฐจอร์เจีย นอนโรงแรมหรู 5 ดาว JW Marriott ริมแม่น้ำ Savanah 5 คืน จ่ายไปพอสมควร

ทั้งสองกรณีของผม เป็นตัวอย่างการจับจ่ายใช้สอยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในอเมริกาได้เป็นอย่างดี

FED – ธนาคารกลางอเมริกา คงอัตราดอกเบี้ยเดิมในการประชุมเดือนกันยายน และมีนโยบายจะคงอัตรานี้ในการประชุมต้นเดือนพฤศจิกายน

FED ได้ควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในสัดส่วนที่ลดลงและเพิ่มอัตราผลตอบแทนระยะยาวให้เพิ่มขึ้น ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วก็คือการกำหนดควบคุมทางการเงินอย่างเข้มงวด ด้วยเหตุผลหลักเพื่อหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย

“เราจะต้องให้เกมนี้เล่นต่อไป (การคงดอกเบี้ยในระดับสูง) แล้วคอยเฝ้าดู, แต่สำหรับขณะนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า จะต้องควบคุมการเงินให้รัดกุม” Jerome Powell ประธาน FED กล่าว

เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น FED ได้เพิ่มเกณฑ์มาตรฐานของอัตราดอกเบี้ย federal-funds rate มาอยู่ที่ระหว่าง 5.25 % และ 5.5 % เมื่อเดือนกรกฎาคม – ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 22 ปี

มีผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างเฉียบพลันจากจุดสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2022

รายงานช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน โชว์ผลราคาสินค้านอกจากอาหารที่มีกลิ่นชวนกิน (volatile food) และพลังงานว่าเพิ่มขึ้นในระดับ 2.4% ต่อปี สูงกว่าเกณฑ์ที่ FED คาดไว้ที่ 2% เพียงเล็กน้อย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ ได้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 5% ในอาทิตย์นี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี มีอิทธิพลต่อต้นทุนการกู้ยืมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (mortgages), credit card, การซื้อรถยนต์ และการให้สินเชื่อธุรกิจ-ทั้งหมดทั้งมวลนี้อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้

กล่าวให้ถึงที่สุด เมื่อมองอัตราจ้างงานที่อยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกาเข้ามาประกอบ ทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังมีความแข็งแกร่ง เป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจโลกโดยรวมให้มีความหวัง

ในขณะที่เศรษฐกิจอียูอยู่ในระดับอ่อนแอ มีอัตราขยายตัวต่ำกว่า 1%

ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ภายใต้เงาทะมึนของการล้มครืนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่โหมสร้างขึ้นมาแต่เมืองร้าง จนไม่อาจคาดเดาได้ว่า รัฐบาลจีนจะแก้ไขการล่มสลายภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไร

เศรษฐกิจอเมริกาจึงเป็นดวามหวังเดียวของโลกโดยแท้จริง