‘Mercedes-Maybach S 580 e’ สุดหรู ‘Top-End Luxury’ – พลังปลั๊กอินไฮบริด

สันติ จิรพรพนิต

หรูหราสุดสุดกับการมาถึงของ “Mercedes-Maybach S 580 e” หนึ่งในที่สุดของเก๋งระดับ “Top-End Luxury” จากค่ายดาวสามแฉก

รุ่นนี้เป็นการประกอบในประเทศไทย เป็นประเทศแรกที่ขึ้นไลน์ผลิตแบบ Local Production ในรุ่นตัวถังสีทูโทน

และเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ระดับหรูเฟร่อของเจ้าของ ยังได้เอกสิทธิพิเศษ Mercedes-Maybach Lifestyle Concierge Service

โดยจับมือกับ “ควินเทสเซ็นเชียลลี่” (Quintessentially) ผู้ให้บริการผู้ช่วยส่วนตัวด้านไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอันเร่งด่วนและซับซ้อน

ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการเดินทาง การจองร้านอาหารชั้นนำระดับโลก หรือการจัดงานเฉลิมฉลองสุดพิเศษ ตลอด 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกรถ

ดีไซน์ภายนอกหรูหราทั้งคัน เริ่มจากกระจังหน้าโครเมียมแบบ Radiator grille และตราสัญลักษณ์ Maybach ล้อมรอบด้วยกระจกแบบ laminated glass ช่วยสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสีอินฟาเรดและเสียงสะท้อนจากภายนอก

ไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System) ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light)

ไฟท้ายดีไซน์ใหม่พิเศษแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี fibre-optic

มีไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้างแสดงเป็นอักษร Mercedes-Maybach

กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับองศาลงอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอย เพื่อความปลอดภัยและทัศนวิสัยของผู้ขับขี่

ระบบเปิด-ปิดฝากระโปร่งท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ

หลังคาพาโนรามิกเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า

ภายในถือเป็นจุดเด่นที่สุดห้องโดยสารแผงคอนโซลกลางแบบ black crystal-look finish

ภายในใช้สีครีมตัดกับลายไม้ แม้จะดูแลรักษายากสักหน่อย แต่คงไม่ลำบากเกินไปสำหรับคนที่มีฐานะขนาดซื้อรถคันนี้ได้

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน หุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control

หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ

หน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลาง OLED ขนาด 12.8 นิ้ว

ตกแต่งบริเวณโครงหลังคาด้วย DINAMICA microfibre คุณภาพสูง

เบาะนั่งดีไซน์หรูหราหุ้มหนัง Exclusive Nappa ที่ตกแต่งแบบ diamond design

ที่นั่งด้านหลังแบบ First-Class พร้อมที่รองขาแบบปรับระดับ

มีฟังก์ชั่นการนวด มีโต๊ะงานแบบพับได้

มีที่วางเท้าสำหรับที่ดังหลังด้านซ้าย ซึ่งปกติเป็นที่นั่งประจำของผู้บริหาร หรือเจ้าของรถประเภทนี้ที่มีคนขับให้

ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 4-ZONE ระบบฟอกอากาศแบบ HEPA filter และระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละอองขนาด PM 2.5

ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร MBUX Interior Assistant เพื่อผู้โดยสารด้านหลัง

รวมถึงระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MBUX ที่เชื่อมต่อ music streaming service ระบบแผนที่นำทาง และระบบตรวจสอบสภาพการจราจร Live Traffic Information

ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester 3D surround sound system ผสานการทำงานกับ Ambient lighting ในการสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารด้วยระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารกว่า 64 เฉดสี

ปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึง 2 เฉดสีพิเศษ ได้แก่ สี twinkle-star และสี rose gold

แท็บเล็ตควบคุมระบบมัลติมีเดีย และหูฟังไร้สาย 2 ชุดสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 367 แรงม้าที่ 5,500-6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-4,500 รอบ/นาที

ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 150 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร

สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 5.7 วินาที

แบตเตอรี่แรงดันสูงแบบ Lithium-ion ขนาด 28.6 kWh ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP

รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 60 kWh ใช้เวลา 30 นาที

ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จ 2 ชั่วโมง 30 นาที

ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT ปรับได้หลายโหมดตามความเหมาะสม เช่น “COMFORT” มอบสมดุลแห่งการขับขี่อันสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ส่วนที่เสริมเข้ามาคือโปรแกรมการขับขี่แบบ “Maybach” ที่ออกแบบมาเพื่อมอบความผ่อนคลายขณะเดินทางให้แก่ผู้โดยสารด้านหลังโดยเฉพาะ

เน้นการเคลื่อนที่ของระบบช่วงล่างและควบคุมแรงสั่นสะเทือนของรถยนต์เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มสบายที่สุด

ขณะเดียวกันสามารถปรับการควบคุมคันเร่ง เพื่อการออกตัวอย่างนุ่มนวล

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (AIRMATIC) นุ่มนวลชวนฝันแน่นอน

เทคโนโลยีช่วยขับขี่และระบบความปลอดภัยจัดมาอย่างแน่นคัน ทั้งระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance package

ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist)

ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและเตือนเมื่อปล่อยมือ (Active Steering Assist with hands-off warning)

ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE

ระบบช่วยจอด Active Parking Assist with PARKTRONIC พร้อมกล้อง 360 องศา ช่วยนำรถเข้าจอดได้อย่างง่ายดายผ่านการส่งสัญญาณเสียง และการแสดงภาพรอบทิศทางผ่านกล้อง 360 องศา

ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ และฟังก์ชั่นการทรงตัวขณะเร่งแซงทางโค้ง ฯลฯ

“Mercedes-Maybach S 580 e” จัดไปกับราคา 11,200,000 บาท •

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]