ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 กันยายน 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
“ริดวน อิซามุดดิน” หรือ “ฮัมบาลี” หายหน้าหายตาไปนาน จนหลายๆ คนลืมเลือนไปแล้วว่า นี่คือคนที่เป็นสมาชิกเครือข่ายก่อการร้ายอัลเคด้าคนสำคัญชนิดที่ สำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ของสหรัฐอเมริกา เรียกขานว่า “บิน ลาเดน แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
เมื่อ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งได้รับอนุญาตให้ติดตามชมการ “ถ่ายทอดสด” ผ่านดาวเทียม กระบวนการพิจารณา “อภัยโทษ” ของคณะกรรมการพิจารณาการอภัยโทษในส่วนที่ “ไม่อยู่ในชั้นความลับ” รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 10 นาที
หนึ่งในจำนวนนั้นคือผู้สื่อข่าวของ เดอะ สตาร์ มาเลเซีย ที่รายงานข่าวนี้ออกมาเมื่อ 22 สิงหาคม
คดีฮัมบาลีเรียกความสนใจจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวของหลายประเทศ รวมทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ผมแอบได้ยินมาว่า หน่วยข่าวของไทยก็สนใจคดีนี้อยู่ไม่น้อย
หลังจากนั้นมีรายงานข่าวออกมาว่า ทางการของทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย ไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาให้อภัยโทษ
เดอะ สตาร์ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในมาเลเซียบอกเอาไว้ว่า นับตั้งแต่ถูกจับกุมตัวในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเดือนสิงหาคม 2003
นี่เป็นครั้งแรกที่มีบุคคลภายนอกได้ “เห็น” ตัวของฮัมบาลี
ในการ “ถ่ายทอดสด” ที่ว่านี้ ตัวแทนของฮัมบาลี ซึ่งเป็นนายทหารพระธรรมนูญ หรือนักกฎหมายทหาร ทำหน้าที่ให้ปากคำต่อคณะกรรมการ ถึงพฤติกรรมของฮัมบาลี ที่ผ่านมาเพื่อเรียกความเห็นใจ เขาบอกว่า ฮัมบาลี “น่านับถือ” และ “กระตือรือร้น” เป็นคนที่ “ยิ้มอยู่ตลอดเวลาและไม่เคยลังเลที่จะตอบคำถามใดๆ”
ระหว่างต้องขัง ฮัมบาลีใช้เวลาเรียนภาษาอังกฤษ เรียนอารบิกด้วยตัวเอง แล้วนำความรู้ที่ได้ไปเปิดชั้นเรียนสอนเพื่อนต้องขังด้วยกัน “เคยไปไกลถึงขนาดให้การบ้านและมีการสอบความรู้” ของผู้ต้องขังอีกด้วย เขาบรรยายต่อว่า พ่อและลุงของฮัมบาลีเคยเป็นครู ความเป็นครูในตัวของฮัมบาลีเลยปรากฏออกมาตามธรรมชาติ
นายทหารพระธรรมนูญผู้นี้บรรยายต่อว่า ฮัมบาลีไม่เคยคุมแค้นอเมริกัน ตรงกันข้ามกลับเชื่อด้วยซ้ำไปว่า ความหลากหลายและการแบ่งปันอำนาจแบบอเมริกัน ดีกว่าเผด็จการ มากๆ
และเคยบอกไว้ด้วยว่า ไม่เคยอยากได้อะไรอีกนอกเหนือจากการกลับไปใช้ชีวิตธรรมดาอย่างสงบต่อไป
ถัดมาเป็นนายทหารพระธรรมนูญที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทางการ ที่พยายามนำเสนอเหตุผลเพื่อค้านการปล่อยตัวด้วยการแย้งว่า ฮัมบาลีทำตัวประหนึ่งจะเป็นผู้ครอบงำความคิดและเป็นครูของเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกัน “และเคยได้ยินว่าพยายามส่งเสริมแนวทางญิฮาดในระหว่างนำสวดและบรรยายความรู้” ให้กับผู้ต้องขังด้วยกัน
“มีแนวโน้มสูงมากว่า ฮัมบาลีจะหาหนทางเพื่อกลับไปติดต่อกับบรรดาผู้สมรู้ร่วมคิดที่เคยร่วมงานกันทั้งในอินโดนีเซียและมาเลเซีย หรือไม่ก็ดึงดูดผู้คล้อยตามใหม่ๆ อีกแน่นอนหากได้รับโยกย้ายออกไปจากกวนตานาโม”
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากนายทหารพระธรรมนูญผู้นี้ก็คือ น้องชายของฮัมบาลีที่รู้จักกันในชื่อ “รุสมาน กูนาวาน” ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายของกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส ในอินโดนีเซีย
ฮัมบาลี ปัจจุบันอายุ 52 ปี เป็นชาวอินโดนีเซีย ชื่อจริงคือ เอนเซป นูร์จามาน เคยใช้ชื่อหลายชื่อ ทั้งที่รู้จักกันดีอย่าง ฮัมบาลี หรือ ริดวน อิซามุดดิน กับที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่าง “แดเนียล ซัวเรซ นาเวอิรา” และ “อาเลฮันโดร เดวิดสัน กอนซาเลซ” พ่อแม่เป็นชาวนาที่ซิอันจู ชวาตะวันตก มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 13 คน ฮัมบาลีเป็นคนที่ 2 เดินทางมาหางานทำในมาเลเซีย ก่อนลงหลักปักฐานที่สุไหง มังกิส ในเมืองบันติง รัฐเซลังงอร์ แต่งงานกับภรรยาชาวมาเลเซีย นอรัลไวเซาะห์ ลี อัลดุลเลาะห์ (หรือ ลี ยิน เลน)
เคยไปร่วมรบในอัฟกานิสถาน จนรู้จักและสนิทสนมกับ โอซามา บิน ลาเดน เมื่อกลับมาก็ทำหน้าที่ระดมทุนให้กับอัลเคดาเพื่อส่งคนไปฝึกที่อัฟกานิสถานและจัดซื้ออาวุธ และกลายเป็น “คนกลาง” สำคัญเชื่อมโยง บิน ลาเดน เข้ากับ อาบู บักการ์ บาเชียร์ ผู้นำขบวนการก่อการร้าย เจมาห์ อิสลามิยาห์ (เจไอ)
ฮัมบาลี ได้ชื่อว่าเป็นคนสำคัญในการวางแผนลอบวางระเบิดแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซียเมื่อ 12 ตุลาคม ปี 2002 ที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,002 คน
11 สิงหาคม 2003 ฮัมบาลีถูกจับที่อยุธยา ขณะปลอมตัวเป็นนักธุรกิจชาวมาเลย์ โกนหนวดโกนเคราเกลี้ยงเกลา กำลังเตรียมวางแผนก่อเหตุระเบิดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่งเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้นำระดับโลก 21 คนเข้าร่วม
หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ชื่อ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช!