ภาพยนตร์ นพมาส แววหงส์ / STAR WARS : THE LAST JEDI “ภาคที่แปด”

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

STAR WARS : THE LAST JEDI “ภาคที่แปด”

กำกับการแสดง, Rian Johnson

นำแสดง, Daisy Ridley, Mark Hamill, Carrie Fisher, Adam Driver, John Boyega, Oscar Isaac, Laura Dern, Benicio Del Toro, Kelly Marie Tran, Andy Serkis, Frank Oz

แฟนพันธุ์แท้ของสตาร์วอร์ส ซึ่งออกลูกออกหลานมาจากไอเดียดั้งเดิมของ จอร์จ ลูคัส ยังเหนียวแน่นอยู่กับพลังของ “เดอะ ฟอร์ซ” ซึ่งเป็น “ด้านสว่าง” ไม่น้อย

ผู้เขียนไปดูสตาร์วอร์สภาคปัจจุบันในรอบปฐมทัศน์ที่ฉายในประเทศไทย และได้รับความสนุกสนานร่วมไปกับบรรดาแฟนพันธุ์แท้ที่ “อิน” กับเรื่องราวและแคแร็กเตอร์ที่คุ้นเคยมาก เพียงเมื่อขึ้นตัวหนังสือไตเติ้ลก็เฮกันอย่างดีใจแล้ว และเมื่อมีตัวหนังสือที่เหมือนอยู่บนหน้ากระดาษที่เลื่อนออกสู่อวกาศ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเรื่อง ก็เฮกันอีก

รอบที่ได้ชมจึงสนุกไปกับความรู้สึกร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนดูโดยรวมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาที่องค์ประกอบอันคุ้นเคยปรากฏให้เห็น

เช่น ฉากต่อสู้ด้วยดาบไลต์เซเบอร์ การปรากฏตัวของชูบัคคา หุ่นอาร์ทูดีทู หุ่นทรีซีพีโอ และยานมิลเลนเนียมฟอลคอน เป็นต้น

สตาร์วอร์ส ภาคแปดนี้จับเรื่องต่อจากภาคเจ็ด (The Force Awakens) หลังจากตัวเอกผู้ยังไม่รู้ความเป็นมาของตัว แต่มีพลังพิเศษแบบเจไดแฝงอยู่ในตัวอย่างมหาศาล ชื่อเรย์ (เดซีย์ ริดลีย์) แยกย้ายจากกลุ่มเพื่อนสนิทที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา เพื่อไปตามตัวอัศวินเจไดคนสุดท้าย หรือ ลุค สกายวอล์เกอร์ (มาร์ก แฮมิลล์) กลับมาต่อสู้กับ “ด้านมืด” ที่ก้าวขึ้นเถลิงอำนาจหลังจากการล่มสลายของ “จักรวรรดิ” ในภาคหก (Return of the Jedi)

“กลุ่มต่อต้าน” (The Resistance) มีผู้นำคือนายพลเลอา (แครี่ ฟิชเชอร์) ซึ่งก่อนหน้าคือเจ้าหญิงเลอา และน้องสาวของ ลุค สกายวอล์เกอร์ ลูกสาวและลูกชายของ “ดาร์ธ เวเดอร์” เจไดผู้หันไปสวามิภักดิ์กับด้านมืด และเป็นอัศวินคนสำคัญของจักรวรรดิ

เรย์ตามไปพบลุคอยู่บนเกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรบนดาวที่อยู่ห่างไกลดวงหนึ่งชื่อ ดาวอาค-โท ใช้ชีวิตเยี่ยงฤๅษีอยู่กับความชอกช้ำใจและปฏิเสธพลังเจไดในตัวเอง

ลุคมองเห็นความล้มเหลวของกลุ่มเจไดที่พยายามใช้พลังสว่างต่อสู้กับด้านมืดมาเป็นเวลาช้านาน แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ แล้วยังมีเหตุการณ์ที่เขาโทษตัวเองอย่างรุนแรงในฐานะที่ทำพลาดไปจนกลับไปช่วยสร้างเสริมความแข็งแกร่งแก่ด้านมืด

มิไยเรย์จะอ้อนวอนแกมตื๊ออย่างไม่ยอมเลิก มิไยจะอ้างคำร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงเลอา หรือยื่นไลต์เซเบอร์ที่เป็นอาวุธประจำตัวของอัศวินเจไดให้ แต่ลุคก็ไม่ไยดี อารมณ์เสียเข้าใส่ และโยนดาบทิ้งอย่างไม่แยแส

ลุคค้นพบพลังดิบอันรุนแรงในตัวเรย์อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนในเจไดคนไหน แต่ก็มัวแต่นึกเศร้าใจและประณามตนเองที่มีส่วนสำคัญในการสร้างอสูรร้ายตนใหม่ที่กลายเป็นกำลังสำคัญของฝ่ายอธรรมหรือด้านมืดกลุ่มใหม่ คือ “ปฐมภาคี” (The First Order) ภายใต้การนำของผู้บัญชาการสูงสุดชื่อ สโนค (แสดงโดย แอนดี้ เซอร์คิส ผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีการสร้างตัวละครด้วยชุดที่ใช้คอมพิวเตอร์จับความเคลื่อนไหว ในบทบาทเด่นๆ แทบทุกเรื่องอย่างเช่น กอลลัมใน Lord of the Rings และซีซาร์ ใน Rise of the Planet of the Apes เป็นอาทิ)

เรย์มีความเชื่อมโยงทางจิตกับไคโล เรน (อดัม ไดรเวอร์) ซึ่งในอดีตคือ เบน โซโล ลูกชายคนเดียวของ ฮาน โซโล และเลอา และด้วยพลังที่ยังไม่ได้ขัดเกลาในตัว เรย์มองเห็นด้านสว่างในตัวไคโล เรน จึงยังเชื่อว่าจะเปลี่ยนให้เขากลับใจมาร่วมพลังกับอัศวินเจไดได้

เรื่องราวอันซับซ้อนระหว่างเรย์กับไคโล เรน เป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของหนังภาคนี้ และฉากต่อสู้ของทั้งสองที่ขัดขืนอำนาจของสโนคกับลูกสมุนในชุดแดง เป็นฉากที่มีภาพมีสีสันสวยงามจับตาที่สุดฉากหนึ่งในเรื่อง

สตาร์วอร์สภาคนี้ตั้งใจสร้างเอาใจคนดูแบบที่เรียกว่าเป็น crowd-pleaser มีหลายจุดที่เซอร์ไพรส์และติดตรึงใจ อย่างเช่น การเสียสละอันยิ่งใหญ่ของนายพลฮอลโด (ลอรา เดิร์น) รักษาการผู้บัญชาการรบของฝ่ายต่อต้าน หลังจากขัดแย้งกับฝ่ายตัวเอกหลายครั้งหลายหน แบบที่นักบินผู้บ้าบิ่นที่ปฏิบัติการรบสำเร็จมาแล้วหลายครั้งอย่างโพ (ออสการ์ ไอแซ็ก) ไม่เห็นด้วยกับแผนการรบแบบที่ต้องก่อการกบฏช่วงชิงอำนาจบัญชาการ แต่แล้วในที่สุด ฮอลโดก็มีเรื่องราวที่น่าจดจำแบบที่เราต้องปรบมือให้

พล็อตย่อยระหว่างฟินน์ (จอห์น โบเยกา) กับโรส (เคลลี มารี ทราน) ก็มีอะไรชวนติดตามไม่น้อย เป็นมุขขำขันซะละมาก แต่ก็มีเรื่องราวซาบซึ้งตรึงใจอยู่ด้วยในตอนท้าย

ตัวละครบทเล็กๆ ที่เล่นโดยนักแสดงชั้นแนวหน้า คือ เบนิชิโอ เดล โตโร ก็สร้างสีสันให้แก่เรื่องอยู่เหมือนกัน

แต่ที่ทำให้คนดูสมหวังที่สุดคือการกลับมาของโยดา ปรมาจารย์เจไดผู้จากไปเหมือนจะไม่กลับมาอีกแล้ว ทว่าในจักรวาลของสตาร์วอร์ส สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปได้อยู่เนืองๆ โยดาจึงได้กลับมามีบทบาทที่สำคัญไม่น้อยอีกครั้ง

และทำให้เราเข้าใจถึง “เดอะฟอร์ซ” ที่สามารถเคลื่อนไปได้ในจักรวาลอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด ซึ่งทำให้เกิดฉากการต่อสู้อย่างน่าประทับใจระหว่าง ไคโล เรน กับ ลุค สกายวอล์เกอร์ ซึ่งคงเล่าได้เพียงอย่างคลุมเครือเพียงเท่านี้ เพื่อไม่ให้เป็นสปอยเลอร์จนเกินไป

ยังน่าจะมีเรื่องราวให้เราติดตามต่อไป และความลึกลับหลายอย่างดูจะยังแฝงเร้นไว้ให้ติดตามหาในภาคต่อไปได้ แม้แต่กำเนิดและความเป็นมาของพลังอำนาจในตัวนางเอกคือเรย์ ก็ยังไม่เป็นที่กระจ่าง แม้ว่าจะดูเหมือนเฉลยไว้ในขั้นหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังอาจเป็นแค่ตัวหลอกเท่านั้น

เบน โซโล ฆ่า ฮาน โซโล (แฮริสัน ฟอร์ด) ตายไปแล้วในภาคเจ็ด และยับยั้งใจไม่ให้ฆ่าแม่ของตนในภาคนี้ เราเห็นความขัดแย้งของพลังด้านมืดและด้านสว่างปนเปอยู่ในตัวเขา และเชื่อว่าตัวละครตัวนี้จะยังมีบทบาทอันซับซ้อนต่อไปอีกมาก

หนังชุด “สตาร์วอร์ส” วาดภาพการต่อสู้ระหว่างฝ่ายอธรรมอันมีแสนยานุภาพมหาศาลกับฝ่ายธรรมะที่เป็นกลุ่มต่อต้านกลุ่มเล็กๆ

ถึงภาคนี้กลุ่มต่อต้านยิ่งเล็กลงจนเหลือเพียงกระหยิบมือ และหาพันธมิตรที่ไหนไม่ได้อีกเลย จุดหมายของการต่อสู้จึงไม่ใช่เพื่อจะเอาชนะศัตรู แต่เพียงเพื่อเอาตัวรอด ตัวละครตัวหนึ่งบอกว่า “ที่เราทำสำเร็จคือรักษาสิ่งที่เรารักเอาไว้ได้ ไม่ใช่ทำลายสิ่งที่เราเกลียดให้หมดไป” ในตอนจบของภาคนี้ กองกำลังต่อต้านยังอยู่ภายใต้การนำของนายพลเลอา

ทว่าเมื่อ แครี่ ฟิชเชอร์ เสียชีวิตไปหลังจากเล่นหนังภาคนี้จบ บทบาทของเลอาคงต้องปรับเปลี่ยนเขียนใหม่หมด

ยังมีอะไรให้ติดตามต่อไปอีก ความลึกลับหลายเรื่องยังคงต้องรอคอยต่อไปอีกในไม่นานเกินรอ