กาละแมร์ พัชรศรี : ก้าว…ข้างๆ ตูน

หลังจากที่ได้คุยกับตูนในรายการ 3 แซบ อีก 2 วัน ฉันก็ไปวิ่งกับตูนค่ะ

เรียกว่าเป็นการตีรถข้ามจังหวัดและต้องเหยียบให้เร็วกว่าคนวิ่งเพราะกลัวไปไม่ทัน ฉันปฏิบัติธรรมอยู่ปราจีนบุรี จะต้องมาที่จุดปล่อยตัวเซ็ตที่ 4 แถวๆ บางบัวทอง แต่สายรายงานว่า พี่ตูนออกวิ่งในเซ็ตที่ 3 เร็วขึ้น!! นั่นคือวิ่งตั้งแต่เที่ยงค่าาาา

อยากจะบ้าค่าาาาา ตูนวิ่งเร็วขึ้นเพราะเขาและทีมจะได้พักเร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นบางวันกว่าจะจบ 4-5 ทุ่ม กว่าจะได้นอนปาไปเที่ยงคืน เดี๋ยวตี 2 ต้องตื่นอีกแล้ว แต่การวิ่งตอนเที่ยงแดดร้อนเปรี้ยงๆ นั้น เขาสุดยอดจริงๆ

ก่อนมาวิ่งฉันซ้อมวิ่งอยู่บ้าง บางวันขี้เกียจตื่น ก็จะนึกถึงตูน เขาเหนื่อยกว่าเรากี่เท่า เราวิ่งแค่เซ็ตเดียว เราต้องตื่น!!

ในที่สุดฉันก็ไปถึงสถานที่นัดหมายทันเวลา เพราะตูนและทีมต้องทำกายภาพหลังวิ่งทุกครั้ง ช้าเร็วขึ้นอยู่กับอาการ

ฉันเจอ โดม ปกรณ์ ลัม นั่งกินข้าวอยู่แบบซ่กๆ เลยเข้าไปคุยกับเขา ได้ความว่าเซ็ตที่ผ่านมาใช้เวลาไป 5 ชั่วโมง คนเยอะมากกกกกกก โดมให้คนมารุมเขาแทนพี่ตูน ปรากฏโดมถูกเหยียบเท้าขาเจ็บ แต่กายภาพแล้วก็โอเคขึ้น

 

คนแถวนนทบุรี ปทุมธานีออกมาให้กำลังใจพี่ตูนเนืองแน่น

ระยะวิ่งของฉันคือ 14.9 KM. ทำลายสถิติการวิ่งของตัวเองที่เคยวิ่งแค่ 10 KM. มาตลอด

แต่เพราะพี่ตูน ก้อย และทีมงานทุกคนทำให้เราวิ่งจบจนได้

และที่สำคัญบรรยากาศของคนที่มารอเชียร์พี่ตูน ทุกคนมีรอยยิ้ม ส่งเสียงเชียร์ “พี่ตูนสู้ๆ” ไปตลอดทาง ทำให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้ บางครั้งก็น้ำตารื้นขึ้นมา

พี่ตูนพยายามรับเงินให้มากที่สุด ถ้าไม่ทันก็มีหน่วยเก็บตกอยู่ข้างหลังอีก

ฉันได้ทำทั้งเก็บตก และลองเป็น ก้อย รัชวิน เมื่อตอนพี่ตูนหยุดเข้าห้องน้ำ ก้อยบอกให้ฉันมาวิ่งข้างพี่ตูนบ้าง ทำให้เรารู้เลยว่า การเป็น ก้อย รัชวิน ต้องแข็งแกร่งแค่ไหน

ช่วงไหนไม่มีคน พี่ตูนก็จะวิ่งเร็วขึ้น ซึ่งตอนนั้นฉันอยากจะบอกพี่ตูนว่า “พี่เจ็บเข่าค่า” (ฮา) แต่เราก็ลืมความเจ็บไป หน้าที่ก้อยนอกจากต้องวิ่งแล้ว ก้อยต้องถือถุงเงินไปด้วย ซึ่งนอกจากขาที่ทำงาน แขนและไหล่ก็ต้องยกไว้ด้วย และดีที่ก้อยเล่าให้ฟังก่อนว่า ต้องสังเกตพี่ตูนยังไง ดูจังหวะเขายังไง และต้องช่วยเซฟพี่ตูนโดยใช้ร่างกันอย่างไร ไหนปากก็ต้องพูดไปตลอดทาง

เมื่อวานก้อยใช้ร่างเล็กๆ ของนางกันคนที่จะโถมเข้าหาพี่ตูนและไปดักรับบริจาคไว้ข้างหน้า

ฉันสตั๊นต์กับภาพที่เห็น น้ำตาคลอตา “ผู้หญิงคนนี้รักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน”

 

และฉันก็อิจฉาก้อยเหลือเกินที่มีแฟนเป็นพี่ตูน เพราะเขาช่างสุภาพ อ่อนโยน และเปี่ยมไปด้วยพลังบวก

เขาขอบคุณทุกคนด้วยน้ำเสียงสุภาพ แผ่วเบา แต่ทรงพลัง

บอกเด็กทุกคนให้ตั้งใจเรียน เข้าหาคนแก่ที่มานั่งรอ ให้ลุงๆ ป้าๆ ได้มีรอยยิ้มชื่นใจ

บอกให้ฉันระวังหลุมระหว่างทาง ส่งผ้าส่งน้ำให้ โบกมือทักทายแม้รถที่บีบแตรให้กำลังใจจากอีกเลน

และที่ชื่นชมที่สุดคือทีมงาน ที่ตั้งใจทุกคน โดยเฉพาะทีมการ์ดที่เซฟพี่ตูน เพราะเขาใช้ทั้งร่างของเขาก้มลงตอนมีคนพุ่งเข้ามาหาพี่ตูน กันแบบไม่ปะทะ แต่ตัวเองโดนตั้งแต่หัว หลัง ขายันเท้า และต้องวิ่งขนานไปกับพี่ตูน ช่วยเก็บเงินด้วยอีก ฉันอยากรู้ว่าพวกพี่ๆ เขาคือใคร และได้คำตอบมาว่า พวกเขาทหารรั้วของชาติและเป็นนักวิ่งมาราธอนทีมชาติที่มีจิตอาสาอยากมาช่วยพี่ตูน จบการวิ่งเขาจะถูกพาไปกายภาพทันทีทุกเซ็ต

และหลังวิ่ง นักวิ่งทุกคนจะลงไปแช่ในถังน้ำแข็งอุณหภูมิ 5 องศา เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ทำงานมาหนักได้ผ่อนคลาย ทนหนาวหน่อยแต่จะสบายภายหลัง ฉันลงกับก้อย เราได้คุยกัน ยิ่งทำให้ฉันนับถือหัวใจของเธอมากขึ้น

ทุกฝ่ายทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ ทีมหมอก็ทำเต็มที่ พวกเราที่เป็นคนไทยคอยเชียร์เขา ให้กำลังใจเขา ต้องช่วยกันบริจาค อย่าคิดว่า 10 บาทของเราไม่มีค่า แต่ถ้า 10 บาทนั่นมันอยู่ใน 1,000 ล้านบาทล่ะ!! ทำไมมันจะไม่สำคัญ อย่าพลาดการมีส่วนร่วมทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ชาติไทย

อย่าให้การวิ่งของพี่ตูนต้องเหนื่อยเปล่า เราลุกขึ้นมาช่วยกันได้…ทุกคน ก้าวคนละก้าว