คอลัมน์ประจำ

ภารกิจร้อน-รับ ผบ.ตร.ใหม่

ที่มามติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 ตุลาคม 2566
คอลัมน์ชกคาดเชือก
เผยแพร่

ชกคาดเชือก | วงค์ ตาวัน

 

ภารกิจร้อน-รับ ผบ.ตร.ใหม่

 

หลังจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.คนใหม่ เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม จากนั้นแค่ 2-3 วัน ได้เกิดเหตุการณ์ใหญ่สะเทือนทั้งสังคม เมื่อเด็กชายวัย 14 ปี ใช้อาวุธปืนบีบีกัน ดัดแปลงบรรจุกระสุนจริง ไล่ยิงคนไปทั่วภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองกรุง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

จุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น ผบ.ตร.คนใหม่เอี่ยม จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ควบคุมสั่งการเอง

ทั้งยังดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เร็วและกดดันจนเด็กผู้ก่อเหตุยอมจำนน ไม่กลายเป็นเหตุการณ์ยืดเยื้อข้ามคืน ดังกรณีทหารคลั่งก่อเหตุยิงกราดในห้างสรรพสินค้าที่โคราช

กระนั้นก็ตาม แม้เหตุการณ์จะจบลงภายใน 1 ชั่วโมงเศษ ไม่มีคนเจ็บคนตายมากมายไปกว่านี้ รวมทั้งนาทีที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเป็นไปด้วยดี ไม่มีการสูญเสีย

แต่ก็มีเรื่องราวตามมาอีกมากมาย ที่ตำรวจจะต้องดำเนินการจากเหตุการณ์นี้

ด้านคดีก็มีความซับซ้อน เพราะยังเป็นเยาวชนวัย 14 ต้องสอบสวนหาพยานหลักฐานให้ชัดว่า มูลเหตุจูงใจมาจากอะไร

ในชั้นนี้พบว่าเด็กมีความเครียดเพราะผู้ปกครองคาดหวังเรื่องการเรียน และมักนิยมไปซ้อมยิงปืนในสนาม รวมทั้งมีอาการป่วยทางจิต แต่ขาดการรักษาต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รูปคดีจะต้องชัดเจน เพื่อศาลเยาวชนจะได้พิจารณาว่า อยู่ในข่ายความผิดระดับไหน พ่อแม่จะต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายทางแพ่งด้วยหรือไม่

เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องมีการวางมาตรการป้องกัน ไม่ให้เยาวชนหันมาใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธปืน ไปจนถึงการควบคุมสถานการณ์อาชญากรรม ที่จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

ในเหตุการณ์ที่ห้างสยามพารากอนนี้ มีนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนเสียชีวิตด้วย จะมีผลสะเทือนแค่ไหน เพราะนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เพิ่งใช้มาตรการวีซ่าฟรี เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจีน เพื่อปลุกเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นคืนเร็วที่สุด

อีกทั้งยังมีคำถามเรื่องการควบคุมอาวุธปืน ทั้งปืนจริง และปืนบีบีกัน ที่ซื้อขายกันว่อนออนไลน์ แล้วนำมาดัดแปลงจนกลายเป็นอาวุธจริงยิงคนตายได้

เป็นภาระใหญ่งานแรก ต้อนรับบิ๊กต่อ ผบ.ตร.คนใหม่!

 

ก่อนจะเกิดเหตุยิงในห้างสยามพารากอนไม่กี่ชั่วโมง ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฯ เศรษฐาเรียก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เข้าหารือถึงมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวจีน ที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาไทย ตามมาตรการวีซ่าฟรี ทั้งการทำงานของตำรวจ ตม.ที่สนามบิน การดูแลความปลอดภัยต่างๆ ในเมืองท่องเที่ยว

คุยกันไม่นานนัก ก็มาเกิดเหตุร้ายในห้างสยามพารากอน และมีนักท่องเที่ยวจีนสังเวยชีวิต

นี่จึงเป็นประเด็นใหญ่ ที่นายกฯเศรษฐาและ ผบ.ตร.ต้องหาทางคลี่คลายให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อบรรยากาศที่คนจีนจะแห่มาเที่ยวไทย

ดังนั้น หลังเกิดเหตุการณ์ไม่นาน ไม่ใช่มีแค่ ผบ.ตร.ไปควบคุมการคลี่คลายสถานการณ์เอง แต่ในตอนค่ำนายกฯ เศรษฐาได้เดินทางไปที่เกิดเหตุด้วย เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลใส่ใจในเรื่องนี้

จากนั้นนายกฯ เศรษฐาได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังทูตจีนเพื่อแสดงความเสียใจในกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวจีน รวมทั้งขอให้มั่นใจว่าจะดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้เต็มที่กว่านี้ ซึ่งทูตจีนได้ขอบคุณ และชื่นชมรัฐบาลที่เข้ามาดูแลเหตุการณ์อย่างจริงจังรวดเร็ว

อีกทั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีลักษณะพิเศษ คือ น่าจะมาจากอาการทางจิตของผู้ก่อเหตุ ยังไม่ใช่ก่อเหตุโดยอาชญากรมืออาชีพ หรือขบวนการก่อการร้ายใดๆ

จึงไม่ใช่ความบกพร่องด้านงานข่าวกรองหรืองานป้องกันอาชญากรรมโดยตรง

กระนั้นก็ตาม บทเรียนคราวนี้คงจะนำมาสู่การวางมาตรการป้องกันอาชญากรรมที่กระทบต่อนักท่องเที่ยวแบบยกระดับมากขึ้น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ต้องรื้อฟื้นมาตรการตรวจสอบอาวุธในทุกประตูทางเข้า

ขณะเดียวกัน ในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ นายกฯ เศรษฐาเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพูดคุยกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์อีกรอบ โดยไปพร้อมไอเดีย แก้กฎหมายอาวุธปืน เพื่อเพิ่มการควบคุมปืนในประเทศไทยอย่างเข้มข้น รวมไปถึงปืนดัดแปลงที่มีข่ายเกร่อในออนไลน์อีกด้วย

รวมทั้งยังมอบนโยบายไปยังกรมศุลกากร ควบคุมการนำเข้าอาวุธต่างๆ อย่างจริงจัง

การคลี่คลายบรรยากาศการท่องเที่ยว รักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งการควบคุมอาวุธปืน ปืนบีบีกันตามออนไลน์

จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลเศรษฐาและ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร.

 

จะว่าไปแล้ว เรื่องร้อนๆ คดียิงในห้าง ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นหลังจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้ไม่กี่วัน แต่เอาเข้าจริงๆ เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากที่ประชุม ก.ตร.ได้ไม่กี่วันด้วยเช่นกัน เนื่องจากการตั้งแต่ ผบ.ตร.หนนี้เกิดความล่าช้า แทนที่จะตั้งในเดือนสิงหาคม แต่เพราะเป็นรอยต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้มาประชุมแต่งตั้งกันในวันที่ 27 กันยายน ก่อนที่ ผบ.ตร.คนเดิมจะเกษียณแค่ 3 วันเท่านั้น

โดยการประชุม ก.ตร.วาระตั้ง ผบ.ตร.ใหม่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กันยายน ในท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งในหมู่นายตำรวจใหญ่ เชื่อมโยงไปถึงศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ด้วย

ก่อนหน้านั้นเกิดข่าวใหญ่คดีกำนันนก ที่ตามด้วยกระแสขัดแย้ง ต่อมาเกิดเหตุตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพร้อมคอมมานโด เข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล พร้อมๆ กับมีการจับกุมตำรวจลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถึง 8 คน ในข้อหาพัวพันเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่

ทำท่าจะเดือดระอุไปกันใหญ่ และกระทบไปถึงบรรยากาศการประชุม ก.ตร.เพื่อตั้ง ผบ.ตร.ด้วย

ด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะนายกฯ เศรษฐาเป็นมือใหม่ เพิ่งเข้ามาทำงานด้านการเมืองด้านการบริหารรัฐบาล และไม่ได้มักคุ้นวงการตำรวจมากนัก จึงเกิดกระแสข่าวทำนองว่า อาจจะแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไม่ได้ ต้องให้คนอาวุโสรักษาการไปเรื่อยๆ

แต่เอาเข้าจริงๆ นายกฯ เศรษฐาย่างสามขุมเข้าสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วใช้เทคนิคการพูดคุยนอกรอบ เชิญ ก.ตร.แบ่งเป็น 3 กลุ่ม มานั่งหารือกันในห้องเล็กก่อน เพื่อหยั่งเสียงและเพื่อเจรจาให้เห็นด้วยกับรายชื่อที่นายกฯ จะนำเสนอ

กล่อมทีละกลุ่มจนลงตัว พอเข้าห้องประชุมอย่างเป็นทางการ นายกฯ เศรษฐาเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมอธิบายคุณสมบัติว่าเหนือกว่าตัวเต็งอีก 3 คนเช่นไร

สุดท้ายลงมติ 9 เสียงเห็นชอบ 1 เสียงไม่เห็นชอบ 1 เสียงงดออกเสียง ส่วนนายกฯ เมื่อเห็นมติแล้วก็แจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องออกเสียงก็ได้

จึงกล่าวได้ว่านายกฯ มือใหม่ สามารถโชว์ฝีมือตั้ง ผบ.ตร.ได้สำเร็จ พร้อมทั้งประสานภายในให้ตำรวจใหญ่ๆ ยุติความขัดแย้ง หันมาร่วมมือกันทำงาน

จนเกิดภาพข่าวฮือฮาบิ๊กโจ๊กเข้าพบบิ๊กต่อร่วมยินดี โอบเอวถ่ายรูปกันชื่นมื่น พร้อมกับข่าวร้อนๆ ก็ซาลงไป

วันที่ 27 กันยายนลงมติเรียบร้อย วันที่ 1 ตุลาคม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เริ่มงาน ผบ.ตร. วันที่ 3 ตุลาคม เกิดเหตุไล่ยิงในห้าง โดยเด็กวัย 14

จึงเป็นภารกิจใหญ่ของนายกฯ เศรษฐากับ ผบ.ตร.ต่อศักดิ์

ต้องเร่งทำงานคลี่คลายบรรยากาศการท่องเที่ยว สร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว และควบคุมอาวธปืนอย่างเข้มข้นจริงจัง!!