หนุ่มเมืองจันท์ : ขาขึ้น

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อน ในเฟซบุ๊กของผมมีคนบ่นว่าจองบัตรคอนเสิร์ต BNK48 ไม่ทัน

ขนาดเตรียมความพร้อมทั้งนาฬิกาเตือน

จนถึงการซ้อมนิ้วไว้กดคีย์บอร์ดจองบัตรเร็วๆ

แต่ก็ยังไม่ทัน

คนแรกไม่เท่าไร

สักพักเริ่มมีคนโวยบ้าง ดีใจบ้างโผล่ขึ้นมา

ต่อมอยากรู้อยากเห็นของผมเริ่มทำงานทันที

ในฐานะคนที่เคยทายว่า BNK48 จะมาแรง

เรื่องแบบนี้พลาดไม่ได้

ผมรีบไลน์ไปถาม “ต้อม” จิรัฐ บวรวัฒนะ CEO ของ BNK48

“ได้ข่าวว่าคอนเสิร์ต BNK48 บัตร 2 รอบขายหมดภายในเวลาชั่วโมงเดียว”

พักหนึ่ง “ต้อม” ก็เข้ามาอ่าน

แล้วตอบแบบถ่อมตัว

“4 นาทีครับ”

ฮะเฮ้ย… 4 นาทีจองเกลี้ยง

ยิ่งกว่าคอนเสิร์ตของศิลปิน “เคป๊อป” จากเกาหลีอีก

คอนเสิร์ตครั้งนี้เล่นที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ

สถานที่ไม่ใหญ่มาก แค่พันที่นั่งนิดๆ

2 รอบ 2,100 ที่นั่ง

หมดภายใน 4 นาที

BNK48 กำลังเป็น “ปรากฏการณ์” แล้วครับ

จากวันแรกมีแค่คนกลุ่มหนึ่งจำนวนไม่มากนักติดตาม “ไอดอล” กลุ่มนี้

จากนั้นเริ่มขยายจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

ตอนที่ผมสัมภาษณ์ “ต้อม” ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ และเขียนถึงในคอลัมน์นี้

มีคนน้อยมากที่รู้จัก BNK48

แต่นับวันกระแสของวง “ไอดอล” วงนี้เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ

โมเดลธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหม่เริ่มทำงาน

ผมตามดูอยู่ห่างๆ สอบถาม “ต้อม” เป็นระยะ

ทราบถึงพัฒนาการแบบก้าวกระโดด

จนวันนี้ที่บัตรคอนเสิร์ตหมดภายใน 4 นาที

ผมมั่นใจเลยว่า BNK48 จุดติดแล้ว

เป็น “ขาขึ้น” ของศิลปินกลุ่มนี้

ศิลปินอีกคนหนึ่งที่กำลังสร้างปรากฏการณ์เหมือนกัน

“ตูน บอดี้สแลม” ครับ

แต่ปรากฏการณ์ที่เขาสร้างขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องราวในวงการดนตรี

มันยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะมาก

“ก้าวคนละก้าว” ไม่ใช่แค่สุดยอดโครงการแห่งปี 2560 เท่านั้น

แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นสุดยอดโครงการแห่งยุคสมัย

แม้ “ตูน” จะเป็นศิลปินชื่อดัง มีแฟนคลับจำนวนมาก

แต่การออกมาวิ่งจาก “เบตง” ไป “แม่สาย” ระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตรเพื่อระดมทุนช่วยโรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่ง

ถือเป็นความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่มาก

แค่ได้ 700 ล้านบาทตามเป้าหมายก็สุดยอดแล้ว

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีโอกาสจะทะลุ 1,000 ล้านบาท

จำนวนเงินมหาศาลกับระยะทางที่ยาวไกลเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

แต่ที่เหนือกว่าคือภาพที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 40 กว่าวันของการวิ่งครั้งนี้

มันช่างงดงามและสวยงามจริงๆ

ก่อนที่จะวิ่ง ผมยังนึกเป็นห่วง “ตูน” กลัวว่ากระแสเรื่องการวิ่งครั้งนี้จะหายไป

วันแรกๆ คงเป็นข่าวใหญ่

แต่พักหนึ่งข่าวอาจจะจมหายไปตามกระแสข่าวใหม่ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน

นึกไม่ถึงว่ายิ่งนานวัน ข่าวยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

วันนี้แม้ “ตูน” จะยังวิ่งไปไม่ถึงแม่สาย

แต่ผมถือว่า “ตูน” ประสบความสำเร็จแล้ว

ไม่ใช่เพราะจำนวนเงินได้เกิน 700 ล้านบาทตามเป้าหมาย

แต่เป็น “สาร” ที่ “ตูน” ต้องการสื่อออกไปถึงคนไทยทั่วประเทศ

ตอนนี้ทุกคนได้รับ “สาร” ที่เขาต้องการบอกแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขาดแคลนของอุปกรณ์การแพทย์

หรือพลังของคนตัวเล็กๆ เขาขอเงินบริจาคจากคนไทยคนละ 10 บาทเท่านั้น

คนตัวเล็กๆ หลายๆ คนก็กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้

หรือการสร้างแรงบันดาลใจให้คนออกกำลังกาย

“สาร” ทั้งหมดที่ “ตูน” ต้องการสื่อกับคนไทยทั้งประเทศ

วันนี้ประสบความสำเร็จแล้วครับ

นี่คือ “ปรากฏการณ์” ที่ยิ่งใหญ่มากของสังคมไทย

น่าดีใจที่เราได้เห็นด้วยตาของเราเอง

แม้ว่า “ตูน” ไม่ตั้งใจที่จะโปรโมตตัวเองจากโครงการ “ก้าวคนละก้าว”

แต่วันนี้เขากลายเป็น “คนดัง” ที่สุดในเมืองไทย

เป็นช่วง “ขาขึ้น” สูงที่สุดของ “ตูน”

เช่นเดียวกับปรากฏการณ์สุดท้าย

ปรากฏการณ์ “ขาขึ้น” ของนาฬิกา “ริชาร์ด มิลล์” ครับ

ผมเชื่อว่าที่ผ่านมาคนไทยเกือบทั้งประเทศไม่มีใครรู้จักนาฬิกายี่ห้อนี้

แต่เพียงแค่ไม่กี่วัน นาฬิกายี่ห้อนี้กลายเป็นที่รู้จักของคนไทย

รู้ว่าเป็นนาฬิกาที่แพงมาก

บางคนเพิ่งรู้ว่าในโลกนี้มีนาฬิกาเรือนละ 60 กว่าล้านบาท

หลายคนเพิ่งเข้าใจว่าทำไมโบราณถึงบอกว่า “เวลา” เป็นเงินเป็นทอง

เพราะเครื่องบอกเวลามันแพงอย่างนี้นี่เอง

“ริชาร์ด มิลล์” คงต้องขอบคุณพรีเซ็นเตอร์ที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

และต้องขอบคุณ “แดด” และ “แหวนเพชร” ด้วย

ถ้าแดดไม่แรงขนาดนั้น

ถ้าแหวนเพชรไม่วงใหญ่ขนาดนี้

ประกายเพชรก็คงไม่เกิด

“ประกายเพชร” กลายเป็น “เส้นนำสายตา” ไปสู่นาฬิกา “ริชาร์ด มิลล์” ที่ พล.อ.ประวิตรสวมอยู่

คนทั่วไปเห็นก็คงเฉยๆ

แต่เซียนนาฬิกาเห็นแล้วตาลุกวาว

ช่างเป็นบุญตาจริงๆ

คนสวมใส่ต้องเป็นคนมีบุญโดยแท้

จากนั้น “โซเชียลมีเดีย” ก็เริ่มทำงาน

จากภาพใหญ่ ครม. ทั้งคณะ เริ่มโฟกัสมาที่ พล.อ.ประวิตร

และซูมจับที่ข้อมือของ “บิ๊กป้อม”

ปรากฏการณ์ “น้ำผึ้งหยดเดียว” จึงเกิดขึ้น

ว่ากันในแวดวงการเมือง เขาเชื่อว่า “อุบัติเหตุ” เกิดขึ้นได้ทุกเวลา

เรื่องเดียวกันเกิดในเวลาที่ต่างๆ กัน

ผลที่ออกมาก็ไม่เหมือนกัน

เหมือน “เชื้อโรค” เกิดในช่วงที่ร่างกายแข็งแรง

เราก็ไม่เป็นไร

แต่ถ้าภูมิคุ้มกันบกพร่องเมื่อไร

“เชื้อโรค” ตัวเดียวกันจะสร้างปฏิกิริยากับร่างกายทันที

อาจล้มป่วย

อาจป่วยหนัก

ระดับต้องนอนห้องไอซียู

ขาที่เคยอยู่แนวระนาบอาจถูกยกขึ้น

เป็นช่วงเวลาที่ผู้มีอำนาจกลัวที่สุด

ทั้งหมดนี้คือปรากฏการณ์ “ขาขึ้น” ของ “ริชาร์ด มิลล์”

ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองแต่อย่างไร