เกมมานิตหรือเกมมโนวิทยา

เหมือนภาพยนตร์-The Fugitive ที่พระเอกต้องหนีการไล่ล่าจากทางการอย่างหัวซุกหัวซุน แบบนั้นเองที่กัมพูชา มีฉากจำลองที่คล้ายภาพยนตร์ดังกล่าวสำหรับให้ชายวัย 63 ปีคนหนึ่งสวมบทบาทเป็นเดอะฟิวเจอทีฟ ที่ดูจะสมจริงเสียยิ่งกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด

ตามสถานการณ์แต่ละฉากนี้ที่กำกับการแสดงโดย สมเด็จฮุน เซน นั้น ว่าไปแล้ว เขาเคยทดลองทำมันมาแล้วเมื่อ 19 ปีก่อน โดยหนูทดลองครั้งหนึ่ง ณ บัดนี้ได้กลายเป็นนักโทษ (การเมือง) ตลอดกาลของสมเด็จเขา

ซึ่งชายคนนั้นมีชื่อว่า พลเอกยึก บุนชัย

image

แต่กรณีของ กึม สกขา นี้ถือว่ามีความซับซ้อนและเวิ่นเว้อกว่านั้นมาก เนื่องจากสังคมที่เปลี่ยนไป อีกทั้งอุปสรรคสำคัญของตัวละครตัวนี้ คือยิ่งเขาเป็นฝ่ายถูกไล่ล่ามากเท่าใด ดูเหมือนต้นทุนทางสังคมของเขาก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่ สมเด็จฮุน เซน ฝ่ายไล่ล่านั้นเล่า กลับพบว่า ยิ่งเขาลงมือบงการมากเท่าใด ต้นทุนทางสังคมของเขาก็ยิ่งต่ำเตี้ยตกลงมากเท่านั้น

แต่เกมก็เป็นเกม เมื่อยังจับโปเกมอน-กึม สกขา ไม่ได้ การเปิดฉากไล่ล่าก็จะยังจะมีต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ยอมระเห็จจากกัมพูชา-ให้ตายเถอะ นี่พล็อตบทละครแอ๊กชั่นที่คลาสสิคเรื่องหนึ่ง

และฉันยินดีจะเป็นมือเขียนบทให้ใครก็ตามที่อยากลองเอาไปทำเป็นภาพยนตร์

โดยเริ่มจากความพยายามที่จะเอาตัว กึม สกขา ไปขึ้นศาลต่อคดีอุกฤษฏ์ที่เขาก่ออาชญากรรม ว่าด้วยข้อหา การเป็นชู้ในเชิงสนทนากับหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภริยา

แต่ กึม สกขา ไม่ยอมไปให้การที่ศาล โดยอ้างเอกสิทธิ์คุ้มครองการเมืองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่เงื่อนไขนั่น กลับทำให้เขาต้องผจญภัยอย่างไร้ศักดิ์ศรีในทุกพื้นที่และทุกสถานการณ์ที่เกิดการเผชิญหน้ากับหน่วยไล่ล่าซึ่งมีตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บอดี้การ์ดส่วนตัวผู้นำประเทศ และหน่วยพิเศษของรัฐบาล

ทำให้มุมมองของฉันต่อภาพยนตร์แอ๊กชั่น เปลี่ยนไปเป็นความสมจริงที่แฝงด้วยอารมณ์ขัน และความน่าพรั่นพรึงที่ชวนให้ติดตาม ลุ้น ระทึกขวัญ อย่างนั้นเลย

แรกทีเดียวพลพรรคสงเคราะห์ชาติจำเป็นต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยอาศัยแฟนพันธุ์แท้มาเป็นโล่มนุษย์ เพื่อคอยกดดันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงตัว กึม สกขา

แต่เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่กลุ่มนี้มาจากต่างจังหวัด ไม่สะดวกที่จะทิ้งไร่นามานอนตามถนนในเมืองหลวง ในที่สุดพวกเขาก็ใช้วิธีเข้าชื่อจำนวน 20,000 รายชื่อเพื่อขอพระราชทานพระมหากษัตริย์ให้ช่วยหาวิธีปรองดองของ 2 พรรค แต่ดูจะเหลว

กึม สกขา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานรัฐสภาอันทรงเกียรติ จึงคงถูกไล่ล่า และยังหนีและหนีต่อไปอย่างไม่ลดละ แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาจะมอบหมายให้ทนายไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลก็ตาม แต่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยครั้งหลังสุดของการหนีที่เจ้าตัวคิดว่าจบเกมไปแล้ว พบว่ามันได้กินเวลาไปถึง 3 เดือน ที่ กึม สกขา เองต้องอาศัยซ่อนตัวหลบหนีจากการจับกุมของทางการทุกวิถีทาง

ช่างเป็นการหนีที่ยาวนาน

โดยที่ช็อตต่อช็อต และฉากต่อฉากของการไล่ล่าและการหนีรอดนั้น นับวันมีแต่จะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งผู้ติดตามก็ลุ้นสิ

ตานี้เรามาดูเส้นทางการหนีของนักการเมืองรุ่นเดอะที่ถูกกล่าวหาประพฤติผิดอนาจารต่อหญิงอื่น (แม้เป็นเพียงคลิปสนทนาก็เถอะ)

หนหนึ่ง เมื่อรถยนต์ของ กึม สกขา ถูกสกัดบนทางหลวงหมายเลข 4 พนมเปญ-กำปงโสม พลันชั่วโมงข่าวลือที่สับสนว่าเขาถูกจับตัว? ถูกสังหาร ที่สร้างความโกลาหลบนหน้าจอชาวเน็ตที่พากันโพสต์และทวีตอย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อย

แต่พอข่าวออกมาว่า กึม สกขา หนีรอดอย่างปลอดภัยอย่างเฉียดฉิวเท่านั้น

ทุกอย่างก็กลับมาสู่สภาพปรกติ

ซึ่งการหนีของ กึม สกขา มีหลายระดับและสารพัดวิธี ตั้งแต่การปล่อยข่าวลวงลงหน้าโซเชียล การปลอมตัว เปลี่ยนรถ เปลี่ยนเซฟเฮ้าส์ ลอบเข้าสำนักงานที่ทำการของพรรค และแม้แต่สถานที่ของสถานทูตบางประเทศ กึม สกขา ก็เคยมุดไปนอนเป็นเซฟเฮ้าส์มาแล้ว

ซึ่งทั้งหมดของชีวิตที่บิดเบี้ยวและต้องทำตัวเป็นมนุษย์ที่ต้องปกปิดสถานะของตน อันผิดแผกจากคนทั่วไป และการเผชิญกับการจู่โจมของเจ้าหน้าที่ที่สามารถเข้าชาร์จเขาในทุกนาทีและทุกสถานการณ์ ส่งผลให้ กึม สกขา น่าจะมีภาวะจิตหลอนและความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพ

และเนื่องจากเป็นเกมที่ไม่มีเงื่อนไขทั้งเวลาและสถานการณ์ จึงขอเตือนใครบางคนว่า อย่ากระโจนเข้ามาเล่นเกมแบบนี้ ถ้าท่านยังจิตอ่อน แยกภาวะไม่เก่ง

ก็เป็นผู้ติดตามแบบห่างๆ ไปจะดีกว่า

เพราะแม้ว่าเมื่อเกิดสถานการณ์ไล่ล่าที่พิสดารในแต่ละครั้ง จะเผยให้เห็นถึงพรสวรรค์ในการแวดวงอันโดดเด่นของเขาก็ตาม

แต่ตามพล็อตเรื่องนี้ ไม่ใช่แต่ กึม สกขา กับ สมเด็จฮุน เซน เท่านั้นที่รับบทตัวแสดงหลัก

ยังมีดาราสมทบทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเท่ากับเป็นเกมการต่อสู้กันระหว่างคน 2 กลุ่ม 2 พรรค 2 ตระกูล และ 2 เจเนอเรชั่นอย่างเหมาะเหม็ง ด้วยฝ่ายหนึ่งคือผู้ล่า และฝ่ายหนึ่งคือผู้ถูกล่า

กระนั้น ไม่ว่าจะยกขนกันมากี่กองทัพ แต่ในที่สุดแล้ว ฝ่ายฟิวเจอทีฟก็ยังหนีรอดจากการไล่ล่าไปเสียทุกครั้ง แม้ว่าตัวนักแสดง-กึม สกขา อาจใกล้จะเป็นบ้าไปแล้วก็ตาม

เห็นจากภาพที่เขาดอดไปกินอาหารกลางกับเอ็นจีโอนายหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เขาตกเป็นข่าวสำคัญให้ฝ่ายไล่ล่าเสียสติ

แต่ กึม สกขา ก็อิดโรยไปมาก ใบหน้าเหมือนคนปราศจากอารมณ์ ผ่ายผอมจากการตรากตรำ ราวกับว่า ความผิดพลาดที่รินอกใจภริยานี้ น่าจะทำให้เขาเข็ดขยาดไปตลอดชีวิต (ฮา)

และอีกด้านหนึ่ง ก็เผยให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่บึกบึนทรหดจนฝ่ายตรงข้ามอาจจะกลัวว่าความพยายามที่จะทำให้ชายคนนี้ระเห็จหนีออกนอกประเทศเหมือนนักการเมืองคนอื่นๆ ที่ผ่านมา เห็นจะยาก

และ กึม สกขา เองก็กระโจนเข้าสู่การประลองศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามว่า ใครจะเป็นฝ่ายไปก่อน

ระหว่างผู้ไล่ล่าและผู้เหลือรอด

หันมาดูฝั่งผู้ถูกไล่ล่าดูบ้างว่ามีใครเป็นนักแสดงสมทบที่รับบทผู้ช่วยเหลือ กึม สกขา

ไม่มีใครอีกแล้วที่จะเหมาะเท่า กึม มโนวิทยา ดีกรี ส.ส. สมัยแรก ผู้ช่วยอำนวยการกิจการสาธารณะแห่งพรรคสงเคราะห์ชาติ และเป็นลูกสาวของ กึม สกขา

สวย-โสด-ดี-มีกึ๋นและเก่งในการแก้ไขสถานการณ์ยามที่เธอพาพ่อเธอหนี

ส่วนตัวแทนฝ่ายไล่ล่าของตระกูลฮุนในที่นี้ไม่มีใครเด่นเท่าดาราสมทบชายที่ชื่อ ฮุน มานิต ดีกรีบุตรชายคนกลางของ ฮุน เซน ตำแหน่งผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านก่อการร้ายที่ตั้งขึ้นในปี 2552 โดย สมเด็จฮุน เซน

ฮุน มานิต ร่ำเรียนด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงและการวางแผนที่สหรัฐ แต่งงานกับลูกสาวอดีตผู้บัญชาการตำรวจ มีบุคลิกลึกลับสายลับที่ไม่ชอบเปิดเผยตัวตน ชอบกีฬาโลดโผนท้าทายแบบเดียวกับการฝึกของหน่วยรบที่ตนดูแล

ขณะที่ กึม มโนวิทยา นั้นมีภูมิหลังอันแตกต่างราวกับคนละโลก เธอฝึกมาทางสายเอ็นจีโอ มีสายสัมพันธ์กับนักกิจกรรมทางสังคม ตลอดจนนักการทูต

นับเป็นการต่อสู้ในเกมที่สมน้ำสมเนื้อดี ระหว่างคนรุ่นใหม่ ที่รับมรดกกรรมทางการเมืองจากบิดาทั้ง 2 ฝ่าย

ตามแผนช่วยเหลือบิดาของตนนั้น ฮุน มานิต จะต้องสนับสนุนยุทธศาสตร์ที่เขาช่ำชองในทักษะ ทั้งหน่วยข่าวกรองและหน่วยซีลเพื่อสนับภารกิจลับที่รัฐบาลร้องขอ

ส่วน กึม มโนวิทยา นั้น ก็ประยุกต์ทักษะการหนีรอดชนิดเฟรมต่อเฟรม-ช็อตต่อช็อต โดยมีเหล่าพันธมิตรที่แข็งแกร่งบางองค์กรคอยสนับสนุนการข่าวให้แก่สองพ่อลูก

จึงไม่แปลกเลยหลังจากรับมือกับเฮลิคอปเตอร์ 7 ลำที่บินวนเวียนเหนือสำนักงานพรรคเพื่อเล่นสงครามประสาทกดดัน กึม สกขา ซึ่งกบดานอยู่ที่นั่น

แต่ กึม มโนวิทยา ซึ่งมีอาวุธลับอยู่ในมือได้ถ่ายคลิป-ทวีต และติด#ผู้คนพ่วงไปให้ชาวโลกได้รับทราบและต่างพากันรีทวีต-รีทวีต และรีทวีต กระทั่งฝ่ายไล่ล่าทั้งเรือเร็วและยานเฮลิคอปเตอร์ต้องถอนกลับภารกิจ

แต่ กึม มโนวิทยา ไม่ปล่อยให้พ่อของเธอเป็นผู้ถูกล่าแต่ฝ่ายเดียว ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง กึม สกขา จึงถูกส่งตัวไปเข้าพบ รมต.ต่างประเทศของแคนาดาและสนทนากันเรื่องการเมืองกัมพูชา

กึม มโนวิทยา ก็โชว์ภาพในทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กของตนราวกับจะเย้ยขั้วตรงข้าม

เกมยังไม่จบนะ #Catch Me สิจ๊ะ If You Can