ทิ้งทวน ทัพไทย ส่งท้าย “บิ๊กแก้ว” จับตา บทบาท”ทรงวิทย์-เศรษฐา” “สนิธชนก-สุทิน”

ทิ้งทวน ทัพไทย ส่งท้าย “บิ๊กแก้ว” จับตา บทบาท”ทรงวิทย์-เศรษฐา” “สนิธชนก-สุทิน” และ แผงอำนาจ ตท.24

 

ในการจัดทัพนายพลของ บก.ทัพไทย ก็มีเรื่องให้ฮือฮา ส่งท้ายบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ก่อนเกษียณ หลังนั่งมา 3 ปี

โดยเฉพาะ เด้งเจ้ากรมจุ๊ฟ พล.ท.ชิดชนก นุชฉายา เจ้ากรมยุทธการทหาร ออกนอกไลน์ พ้นทัพไทย แจ้งวัฒนะ ให้ไปอยู่สายการศึกษา เป็นพลเอก รอง ผบ.สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.)

ทั้งๆ ที่ไลน์ของ พล.ท.ชิดชนก ควรจะต้องขึ้นรอง เสธ.ทหาร หรือพลเอกในตำแหน่งหลัก เพื่อเตรียมขึ้นเป็นเสนาธิการทหารในอนาคต และเป็นแคนดิเดต ผบ.ทหารสูงสุด คนต่อๆ ไป

อีกทั้งที่ผ่านมา ก็ถูกแช่เป็นเจ้ากรมยุทธการทหาร นานถึง 3 ปี แต่ก็ถือว่าเป็นนายทหารที่เก่งในสายยุทธการ และการฝึก ทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง

แต่อาจถูกมองว่า เป็นเตรียมทหาร 26 ที่ต้องหลบให้นายทหารรุ่นพี่ ทั้ง ตท.23-24-25 ขึ้นก่อน จึงให้ พล.ท.ชิดชนก ไปวนใน สปท.ไปพลางก่อน

แต่หากมองภาพรวมกองทัพแล้ว นายทหาร ตท.26 ก็ขยับขึ้นมาจ่อกันแล้ว ทั้งบิ๊กปู พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 1 ก็ขึ้นเป็นพลเอก เสนาธิการทหารบก และมีบิ๊กรุ่ง พล.ท.ชิษณุพงษ์ รอดศิริ แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1

ที่น่าจับตามองคือ การกลับเข้าไลน์ของ เสธ.เอี่ยว พล.ท.ณัฐพงศ์ เพราแก้ว เพื่อน ตท.26 จากที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย มาเป็นเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เพราะนอกจากจะเป็นคนเก่งแล้ว ยังเป็นน้องรักของบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีตรอง ผบ.ทบ. เพื่อนรัก ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ และ รมว.กลาโหม และมีบทบาทสำคัญในยุค คสช.

โดยกำลังถูกจับตามองว่า กำลังเข้าไลน์เพื่อเตรียมเป็นเสนาธิการทหาร และแคนดิเดต ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคตอันใกล้นี้อีกคนหรือไม่

ขณะที่มีการเปลี่ยนตัว ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) จากเดิมที่เคยมีข่าวว่า บิ๊กป๋อง พล.อ.อนุสรรค์ คุ้มอักษร จะนั่ง ผบ.นทพ. ต่ออีก 1 ปี แต่ก็ถูกขยับขึ้นรอง ผบ.ทหารสูงสุด แล้วให้รองจิน พล.ท.ธีรยุทธ จินหิรัญ รอง ผบ.นทพ. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.24 ของ พล.อ.ทรงวิทย์ เป็น ผบ.นทพ.แทน

รวมทั้งการดัน ตท.27 ขึ้นมา ทั้งรองต้อม พล.ต.จักรพงษ์ จันทร์เพ็งเพ็ญ รองเจ้ากรมยุทธการทหาร ขึ้นเจ้ากรมยุทธการทหาร แทน และ พล.ต.ทนงศักดิ์ ตันนารักษ์ (ตท.27) รอง ผบ.ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายสากล (ศตก.)

แม้ว่าในใจลึกๆ ของทหารใน บก.ทัพไทย จะเตรียมทำใจไว้แล้วว่า ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อๆ ไป ก็จะต้องเป็นทหารคอแดง ที่ถูกส่งข้ามมาจาก ทบ. เช่นเดียวกับ พล.อ.เฉลิมพล ที่เป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนแรก และมาบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนที่ 2

แต่ทหารคอเขียวในทัพไทยก็ยังแอบหวังว่า จะมีสัญญาณไฟเขียวให้ทหารคอเขียวได้กลับมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุดบ้าง หรือไม่เช่นนั้น ทหารคอเขียว แคนดิเดตจะถูกเลือกให้ไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง ตามวิถีของนายพล ทบ. ที่เป็นตัวเต็งบ้าง

พล.อ.ทรงวิทย์ กำลังเจอโจทย์เดียวกับเมื่อครั้งที่ พล.อ.เฉลิมพล ข้ามจาก บก.ทบ. มาเสียบเป็น เสธ.ทหาร และขึ้น ผบ.ทหารสูงสุด ยาว 3 ปี โดยได้พยายามจะบาลานซ์ทหารคอเขียว และทหารคอแดง

จนมีการตั้งกฎว่า หาก ทบ.จะส่งใครมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด จะต้องส่งมาลงในตำแแหน่งรอง ผบ.ทหารสูงสุด หรือ เสธ.ทหารก่อน

จะไม่มียุทธการเสียบยอด

แต่ พล.อ.ทรงวิทย์ เป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนที่ 2 แล้ว แรงกระเพื่อมใน บก.ทัพไทยลดน้อยลงมาก เพราะทำใจกันแล้ว อีกทั้งภาพลักษณ์ของ พล.อ.ทรงวิทย์ เป็นนายทหารรุ่นใหม่ และอินเตอร์ เพราะจบจากนายร้อย VMI สหรัฐอเมริกา และทำงานด้านการฝึก ศึกษา กับต่างประเทศมาตลอด ตั้งแต่อยู่ ทบ. จนมาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด 1 ปีก่อนหน้านี้

ยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เป็นรัฐบาลพลเรือน โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ พลเรือน ที่ภารกิจแรกๆ หลังได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ คือการพบปะกินข้าวกับ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ และนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พลเรือน ที่สวมสูทมานั่งโต๊ะจีนคุยกันในวันหยุด

โดยที่ก่อนหน้านั้น มีรายงานว่า พล.อ.ทรงวิทย์ และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดึ พัฒนกุล ว่าที่ ผบ.ทอ.คนใหม่ ซึ่งเป็นเพื่อน ตท.24 ก็ไปพบนายเศรษฐา เพื่อพูดคุยแนวทางการทำงานร่วมกันมาก่อนแล้ว

จนถึงขั้นที่นายเศรษฐา ชวน พล.อ.ทรงวิทย์ ร่วมคณะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา 18-22 กันยายนนี้ด้วยกัน ในการไปประชุม UNGA ที่นิวยอร์ก ที่จะมีการหารือด้านความมั่นคง การทหารกับสหรัฐด้วย ซึ่ง พล.อ.ทรงวิทย์มีความคุ้นเคยกับทางสหรัฐ และจบนายร้อย VMI อีกด้วย

บทบาทของ พล.อ.ทรงวิทย์ จึงจะยิ่งโดดเด่นใน ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ที่แม้ว่าบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.คนใหม่ จะเป็นพี่ใหญ่ เพราะเป็น ตท.23 แต่ด้วยความเป็น ผบ.ทหารสูงสุด จะต้องยืนหัวแถวของ ผบ.เหล่าทัพ

โดยในแผง ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ จะมีเตรียมทหาร 23 คือ พล.อ.เจริญชัย และบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.คนใหม่ โดยทั้ง 2 คนนี้มีอายุราชการปีเดียว จะเกษียณกันยายน 2567 ที่จะเป็นโอกาสให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และนายสุทิน รมว.กลาโหม ได้มีส่วนร่วมในการจัดโผทหาร

ขณะที่ ผบ.เหล่าทัพ ส่วนใหญ่เป็น ตท.24 ทั้งบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2568 ที่คาดว่าคงอยู่รอดปลอดภัย นายสุทินคงไม่มาขยับโยกย้ายไปไหน แม้ว่าจะเป็นสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ก็ตาม

ตรงกันข้าม ในบรรดา ผบ.เหล่าทัพ ก็มี พล.อ.สนิธชนก ที่ใกล้ชิดนายสุทินมากที่สุด เพราะมีอะไรนายสุทินก็เรียกหาและถามตลอด และคอยดูแลให้คำแนะนำนายสุทิน และโดยหน้าที่ปลัดกลาโหม

และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเตรียมการให้นายสุทินเข้ากลาโหมวันแรก เมื่อ 13.13 น.13 กันยายนที่ผ่านมา รวมถึงไปที่กลาโหม ศรีสมานด้วย

เนื่องจากทีมงานของนายสุทินมีเป็นจำนวนมาก ทั้งพลเรือน และทหารเก่า และทหารในราชการ จนต้องแบ่งกันนั่ง ทั้งที่กลาโหม สนามไชย และที่ชั้น 9 กลาโหม ศรีสมาน เนื่องจากที่สนามไชย คับแคบ

อีกทั้งต้องจัดห้องทำงานของบิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการ สมช. ที่มาเป็นที่ปรึกษา รมว.กลาโหม และบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการ สมช. ที่เป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม ที่คาดว่าจะแยกสัดส่วนกันชัดเจน ระหว่างนายทหารสายบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับทีมงานหน้าห้องนายสุทิน ที่เป็นเครือข่ายต่างขั้ว จนถูกเรียกว่า ทหารแตงโม

เหล่านี้ ทำให้นายสุทินระมัดระวัง จนทำให้มีข่าวสะพัดว่า ชื่อของบิ๊กแป๊ะ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกลาโหม หลุดจากเก้าอี้ ผช.รมต. แต่กลับมีชื่อของบิ๊กตุ่น พล.อ.อ.สุรพล พุทธมณฑ์ อดีตรอง ผบ.ทอ. เตรียมทหาร 20 เพื่อน พล.อ.ณัฐพล แต่ทว่า เป็นสายทหารอากาศ สายจันทร์ส่องหล้าในอดีต

รวมถึงต้องพับชื่อของนายพายัพ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ดูแลภาคอีสาน น้องชายอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นประธานที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ไป หลังจากที่ร่างเอกสารคำสั่งแต่งตั้งหลุด

นายสุทินพยายามเลี่ยงที่จะระบุว่าเป็นเอกสารปลอม แต่ระบุว่าเป็นเอกสารที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ก็ยอมรับว่าเคยพูดคุยกับนายพายัพ แต่เป็นการเชิงแซว หยอกล้อเล่นว่าจะให้เป็นที่ปรึกษา

ทั้งนี้เพราะนายสุทินรู้ดีว่าหากให้คนในตระกูลชินวัตรมานั่งคุมอยู่ที่กระทรวงกลาโหม ย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตนเองที่จะยิ่งไม่มีความอิสระ และอาจเกิดกระแสต้านภายใน

เพราะจะทำให้กระทรวงกลาโหมมีทั้งขั้วชินวัตรทหารแตงโม และทหารสาย พล.อ.ประยุทธ์ นั่งทำงานอยู่ด้วยกัน

แต่ที่น่าจับตามองคือ ขั้วอำนาจในกองทัพ ที่กำลังสืบทอดจากเตรียมทหารรุ่น 22 สู่เตรียมทหารรุ่น 23 และเตรียมทหารรุ่น 24

โดยเฉพาะเตรียมทหารรุ่น 24 ที่เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพถึง 3 เก้าอี้ คือ พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม ที่นั่งมานาน 1 ปีและยังมีอายุราชการถึง 2568 พล.อ.ทรงวิทย์ ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่ และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ผบ.ทอ.คนใหม่

และเป็นที่น่าสังเกตว่าในวันที่นายสุทิน เข้ากระทรวงกลาโหมวันแรก ผู้บัญชาการเหล่าทัพที่มาร่วมพิธีก็มีแต่เตรียมทหารรุ่น 24

ในขณะที่เตรียมทหารรุ่น 23 คือ พล.อ.เจริญชัย ผบ.ทบ.ใหม่ และ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.คนใหม่ ไม่ได้มาร่วมพิธี โดยให้บิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร.ปัจจุบัน มาแทน

ขณะที่ พล.อ.เจริญชัย และบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คนปัจจุบันไม่ได้มาร่วมพิธีทั้งคู่ โดยมีการระบุว่าติดภารกิจ และมอบให้ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบกมาแทน ไม่ใช่ระดับห้าเสือกองทัพบก จนทำให้เป็นที่จับตามอง

แม้ว่าก่อนหน้านี้ พล.อ.เจริญชัย และ พล.ร.อ.อะดุง ได้เคยพบปะพูดคุยร่วมรับประทานอาหารกับนายสุทินมาแล้วเมื่อครั้งที่นายเศรษฐาเชิญไปร่วมโต๊ะหารือครั้งแรกก็ตาม

จนทำให้เตรียมทหารรุ่น 24 กำลังถูกจับตามองว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทั้งนายเศรษฐาและนายสุทิน

และเป็นที่จับตามองว่าเตรียมทหารรุ่นนี้ กำลังจะรับการผ่องถ่ายอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จจากนายทหารรุ่นพี่ในการโยกย้ายปลายปีหน้า ที่จะยึดเก้าอี้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทร.

เพราะในกองทัพบกก็มีทั้งบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงศ์ มาละคำ ที่ขึ้นมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานน ที่ขึ้นมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.อีกคน และบิ๊กต้น พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะรนคร ที่ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ที่ก็ล้วนเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.ได้เช่นกัน ส่วนกองทัพเรือก็มีบิ๊กน้อย พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง ที่ขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหารเรือ

เรื่องกองทัพเป็นสิ่งละเอียดอ่อน เพราะทั้งอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องต่างก็เคยเจอฤทธิ์ของกองทัพถูกรัฐประหารจนต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานแล้ว ดังนั้น ครั้งนี้จึงเชื่อว่านายทักษิณจะต้องบริหารจัดการกองทัพไทยได้

และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้นายเศรษฐาจะคุมกระทรวงกลาโหมไม่ได้ มอบหมายให้รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงอย่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีดูแล เพราะก่อนหน้านี้นายเศรษฐาได้เคยระบุว่าจะช่วยประสานดูแลกองทัพ

แล้วจะเห็นได้จากการที่นายเศรษฐาเน้นย้ำในนโยบายรัฐบาลว่าจะไม่ใช่การปฏิรูปกองทัพ แต่จะเป็นการพัฒนากองทัพ รวมทั้งเรียกกองทัพว่าเป็นสถาบันอันทรงเกียรติ

เช่นเดียวกับนายสุทิน ที่มาคุมกลาโหมด้วยการใช้ไม้นวม ไม่ได้มาล้างบางกองทัพ โดยระบุว่า “หนักแน่นในเป้าหมาย นุ่มนวลในวิธีการ ดีกว่าถือธง แล้วบดขยี้กัน” จนทำให้นายสุทินถูกเรียกว่าเป็นโฆษกกองทัพโฆษกกระทรวงกลาโหมไปแล้ว

โดยเฉพาะการที่แต่งตั้ง พล.อ.ณัฐพล มาเป็นเลขาฯ รมว.กลาโหม ก็เป็นสัญลักษณ์สะท้อนความปรองดองและรอมชอมกับขั้วอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์

ที่จะทำให้กระทรวงกลาโหมถูกจับตามองทั้งตัวนายสุทินที่เป็นกลาโหมพลเรือน และนายทหารรอบกายที่มาเป็นทีมกุนซือ ทีมงานหน้าห้อง และทีมงานส่วนตัวว่าจะอยู่ร่วมกันในกระทรวงกลาโหมได้สงบเรียบร้อยตลอดรอดฝั่งหรือไม่

เพราะแต่ละฝ่ายก็ดูจะระมัดระวังตัวหลังจากที่การตั้งทีมงานของ รมว.กลาโหมเกิดความวุ่นวายทั้งเอกสารหลุดและการต่อสู้แย่งชิงเก้าอี้กัน

ท่ามกลางกระแสข่าวลือสะพัดในกระทรวงปืนใหญ่แห่งนี้ว่าอาจมีการปรับเปลี่ยน รมว.กลาโหมในอีก 6-8 เดือนข้างหน้า เพราะจะมี รมว.กลาโหมตัวจริงมานั่งคุมกองทัพ และจะเริ่มการใช้ไม้แข็งต่อกองทัพ

ที่จะยิ่งทำให้อุณหภูมิระหว่างทหารต่างขั้วที่อยู่ในกลาโหม จะยิ่งสูงขึ้น และอาจเกิดความวุ่นวายตามมาในไม่ช้า