วงค์ ตาวัน : มรสุม “3 ป.”

วงค์ ตาวัน

ในการปรับ ครม. หนล่าสุด ประยุทธ์ 5 จะพบว่ามีกระแสข่าวพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อย่างหนักหน่วง จนทำให้คนเชื่อกันไปเกือบทั้งเมืองว่า 2 คนนี้ต้องโดนขยับสับเปลี่ยนตำแหน่งแน่ แถมต้องอำนาจลดน้อยลงไปด้วย

แต่เอาเข้าจริงๆ ทั้งบิ๊กป้อมและบิ๊กป๊อก ก็ยังอยู่เป็นปกติเหมือนเดิม

หลังปรับ ครม. ไม่นาน เข้าสู่ต้นเดือนธันวาคม ระหว่างถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดบิ๊กตู่ 5 ที่สนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลนั่นแหละ ก็เกิดเรื่องกับบิ๊กป้อมขึ้นมาอีกจนได้

กลายเป็นมรสุมแหวนและนาฬิกา

“เรื่องนี้จะจบลงอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป”

เพียงแต่น่าสนใจว่า ทำไม พล.อ.ประวิตร จึงตกเป็นเป้าโถมถล่มโจมตีอย่างหนัก และเป็นมาตลอดหลายครั้งหลายหน

รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ด้วย โดยรายนี้ยังโชคดีที่โดนน้อยกว่าบิ๊กป้อม

แต่ในทุกครั้งที่เกิดมรสุมถล่มใส่ จะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และหัวหน้ารัฐบาล ได้แสดงท่าทีปกป้องบิ๊กป้อมทุกครั้ง

รวมทั้งพูดด้วยว่า เหตุที่บิ๊กป้อมตกเป็นเป้านั้น เพราะมีคนต้องการให้เกิดการแตกกันในหมู่แกนนำ คสช.

“หวังจะให้ประยุทธ์ไม่มีบิ๊กป้อมเคียงคู่กัน อะไรทำนองนั้น!”

คำอธิบายของ พล.อ.ประยุทธ์ดังกล่าว ทำให้เห็นภาพความสัมพันธ์เหนียวแน่นของ 3 บิ๊กรัฐบาล คสช. ได้เป็นอย่างดี

ดังที่นักวิเคราะห์การเมืองมักเรียกว่าเป็นเครือข่าย “3 ป.” บูรพาพยัคฆ์ คือป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์

โดยมีบิ๊กป้อมเป็นพี่ใหญ่ เพราะเป็นนายทหารรุ่นพี่สุด

“ทั้ง 3 ป.อยู่เคียงคู่กันมาตลอด ตั้งแต่สมัยมีอำนาจในกองทัพ จนกระทั่งร่วมกันรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 กลายเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีบิ๊กป้อมเป็นรองนายกฯ คุมความมั่นคง ดูทั้งทหารและตำรวจ ส่วนบิ๊กป๊อกคุมงานมหาดไทยใหญ่โต มีเครือข่ายด้านการปกครอง ผู้ว่าฯ นายอำเภอ”

แม้ว่าทั้งบิ๊กป้อม บิ๊กป๊อก และบิ๊กประยุทธ์ จะเล่นกันคนละหน้า คนละบท ในรัฐบาล คสช.

โดย พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีภาพพจน์ตรงใจเหล่านกหวีด เหล่าคนดีมีศีลธรรมซึ่งไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตย

“ส่วนบิ๊กป้อมนั้นมาแนวนักเลง ใจกว้าง ดูแลทหารและตำรวจได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว ประเภทใจถึงพึ่งได้ อะไรทำนองนั้น”

ส่วนบิ๊กป๊อก ก็แน่นอน ต้องใจถึงพึ่งได้ในวงการมหาดไทย

นั่นจึงทำให้บิ๊กป้อมและบิ๊กป๊อก มีปัญหาด้านภาพพจน์ มีเรื่องโดนจับผิดบ่อยๆ

แต่ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์รับรู้หรือไม่ว่า บิ๊กป้อมทำอะไรอยู่ บิ๊กป๊อกทำอะไรบ้าง

“รับรู้แน่นอนและเชื่อมั่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแน่นอน!”

ดังนั้น อย่าไปคิดเพ้อว่า อยากให้ประยุทธ์ผุดผ่อง โดยต้องตัดทิ้งป้อม-ป๊อกที่มีจุดบอดบางด้านออกไป เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่ไม่ต้องเลือกตั้งไปยาวนานที่สุด

นั่นคือความคิดที่ไม่อยู่บนความจริงของคนดีมีศีลธรรมแต่รังเกียจประชาธิปไตยที่ไม่ชอบการกระจายอำนาจให้ประชาชนส่วนใหญ่

เพราะทั้ง 3 ป. ไม่มีทางทิ้งกัน ต้องอยู่คู่กันไป เล่นกันคนละบทบาทไป

กระแสถล่มบิ๊กป้อมอย่างเน้นๆ เล่นงานบิ๊กป๊อกบ้างในบางจังหวะ พร้อมกับเชิดชูบิ๊กประยุทธ์ผุดผ่องนั้น อันที่จริงเกิดขึ้นตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 และเริ่มก่อตั้งรัฐบาล คสช. ได้ไม่นาน

โดยจุดเริ่มตันมาจากคนกันเองทั้งนั้น

หมายถึงพวกที่ร่วมกันคนละไม้คนละมือ เพื่อล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง คือ ยังไม่ต้องมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งไปยาวนานที่สุด

“แต่คนส่วนนี้ มีความหลังค้างคาอยู่กับบิ๊กป้อม รวมทั้งไม่ชอบภาพพจน์คนใจกว้างใจถึงพึ่งได้”

ที่สำคัญ หลังการปฏิวัติใหม่ๆ จะพบว่าบิ๊กป้อมได้พยายามผลักดันแนวทางในการบริหารประเทศและภารกิจปรองดองในอีกแนวหนึ่ง ที่ทำให้ฝ่ายโค่นทักษิณ-เพื่อไทย รู้สึกไม่ยอมรับและระแวงบิ๊กป้อม

“นั่นคือ บิ๊กป้อมต้องการให้รัฐบาลประยุทธ์และการปรองดอง ไม่มีกลุ่มที่เป็นคู่ขัดแย้งทั้งสองขั้วเข้ามามีบทบาท!”

ในช่วงแรก คสช. เดินแนวทาง ลดบทบาทของเครือข่ายอำมาตย์ พยายามให้รัฐบาล คสช. เป็นตัวของตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเจรจาพูดคุยกับฝ่ายทักษิณได้

จุดนี้แหละ ที่ทำให้เครือข่ายอำมาตย์หวาดระแวงบิ๊กป้อม แถมมองว่าเตรียมเกี้ยเซียะกับทักษิณ

“บิ๊กป้อมจึงเริ่มตกเป็นเป้าจากคนกันเองตั้งแต่แรกเริ่ม”

จนต่อมา พล.อ.ประยุทธ์เริ่มแสดงท่าทีรับฟังฝ่ายอำมาตย์ จนสุดท้าย คสช. ต้องปรับเปลี่ยนแนวทาง ไม่ตรงกับที่วางเอาไว้ตอนตัดสินใจปฏิวัติ

ผ่านมา 3 ปีเศษ สุดท้าย คสช. ก็กลายเป็นคู่กรณีกับคู่ขัดแย้งอีกฟากในทางการเมือง กระบวนการจัดการปัญหาบ้านเมืองก็เลยซ้ำรอยเดิมในอดีต นั่นคือ เล่นงานฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว ภารกิจปรองดองจึงไม่มีอะไรเห็นผลชัดเจน

แถมบิ๊กป้อมถูกคนกันเองรังเกียจ

“นั่นจึงทำให้เกิดกระแสข่าวจะปลดบิ๊กป้อมพ้นจากรัฐบาลบิ๊กตู่หลายครั้งหลายหน”

โดยเฉพาะการปรับ ครม. ล่าสุด ที่เริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากการลาออกของรัฐมนตรีแรงงาน

ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน ก่อน ครม. จะอุแว้จริงๆ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน

จะพบว่าเจ้ากรมข่าวลือ โหมข่าวบิ๊กป้อมโดนขยับพ้นจากรัฐมนตรีกลาโหม เหลือแค่รองนายกฯ ลอยๆ เก้าอี้เดียว จนเชื่อกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง

ประกอบกับเป็นช่วงที่ต้องพักเพื่อดูแลสุขภาพครั้งใหญ่ ก็เลยยิ่งเข้าทางเจ้ากรมข่าวลือ

“กลุ่มที่ปล่อยข่าวนี้ก็คือ คนในเครือข่ายอำมาตย์ ที่ต้องการลดบทบาทของบิ๊กป้อมลงไป”

จนสุดท้ายเมื่อประกาศรายชื่อ ครม.ประยุทธ์ 5 เป็นอันว่ากระบวนการข่าวลือก็จบลงไปโดยไม่มีอะไรในกอไผ่

แต่พอเกิดเรื่องในวันถ่ายภาพหมู่ ครม. เท่านั้นเอง

กลุ่มคนกันเองที่ต้องการเขี่ยบิ๊กป้อมทิ้ง ก็ได้จังหวะโหมถล่มพี่ใหญ่แห่ง 3 ป. อย่างไม่รอช้า!

กรณีแหวนและนาฬิกานั้น ต้องแยกแยะกระแสที่ปรากฏในขณะนี้ออกเป็นส่วนๆ โดยจุดเริ่มต้นมาจากภาพถ่ายของสื่อมวลชน และการนำเสนอข่าวของสื่อ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ไปตามปกติ เนื่องจากเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป

จุดต่อมาคือ เหล่านักสืบโซเชียล ซึ่งทันทีที่เห็นภาพในสื่อมวลชน มีการนำไปตรวจสอบว่านาฬิกาเป็นยี่ห้ออะไร รุ่นไหน ราคาเท่าไร แล้วมีปรากฏในบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งเอาไว้หรือไม่

กลายเป็นคำถามและเรียกร้องให้ ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบ

“นี่คือเหล่านักสืบโซเชียล ที่พบว่าในระยะหลังมีบทบาทเอาจริงเอาจังในทุกเรื่อง”

กระแสอีกส่วน ต้องยอมรับว่า มาจากขบวนการที่ต้องการเขี่ยบิ๊กป้อมออกจากวงโคจรอำนาจ มาจากเหล่าคนกันเองดังกล่าว

เครือข่ายอำมาตย์ กลุ่มคนดีมีศีลธรรมเกลียดประชาธิปไตย รวมถึงเสื้อเหลืองที่แค้นเคืองบิ๊กป้อมอย่างไม่ลืมเลือน

“พวกนี้ไม่รอช้า ฮือออกมาร่วมกระหน่ำจนบิ๊กป้อมอ่วมอรทัย!”

จากเดิมทีที่ขบวนการคนเอง พยายามปั่นกระแสในช่วงจัดทำโผ ครม. หวังให้บิ๊กป้อมหลุดเหลือเพียงตำแหน่งรองนายกฯ ลอยๆ แต่ไม่สำเร็จ

คราวนี้ได้จังหวะแหวน นาฬิกา ย่อมไม่ปล่อยให้รอดพ้นข้อกล่าวหาได้ง่ายๆ

เท่ากับว่า มรสุมล่าสุดที่บิ๊กป้อมกำลังเผชิญ มาจากหลายๆ ส่วน

“โดยเฉพาะจากเหล่านักสืบโซเชียลที่ขยันขันแข็ง และจากขบวนการคนกันเองเจ้าเก่า ที่ก่อกระแสเขย่าเป็นระยะๆ”

ขบวนการคนกันเองนี่แหละ ที่จะไม่มีวันเลิกราในการปั่นข่าวปั่นกระแส

พ้นจากเรื่องแหวน นาฬิกา ก็คงจะไม่หยุดยั้งในการโหมถล่มพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ต่อไป

แต่ทั้งหลายทั้งปวง ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะทลายสายสัมพันธ์ 3 ป. ได้ เท่ากับแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ ป. ใด ป. หนึ่งหลุดออกไป

มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน ทั้งป้อม-ป๊อกและประยุทธ์!